รีเซต

20 ที่เที่ยวยุโรป ฤดูใบไม้ผลิ เที่ยวเมืองสวย ชมดอกไม้ เดินเพลินไม่รู้เบื่อ

20 ที่เที่ยวยุโรป ฤดูใบไม้ผลิ เที่ยวเมืองสวย ชมดอกไม้ เดินเพลินไม่รู้เบื่อ
SummerB
20 เมษายน 2566 ( 14:30 )
7.2K
1

      ชวนสายเที่ยว ยุโรป ไปเช็กอิน 20 ที่เที่ยวยุโรป ฤดูใบไม้ผลิ หนึ่งในช่วงไฮซีซั่นที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวมากที่สุดในรอบปี เพราะนอกจากจะมีอากาศที่แจ่มใส ไม่ร้อนไม่หนาวจนเกินไปแล้ว ยังเป็นช่วงเวลาที่ดอกไม้บานสะพรั่ง สร้างสีสันไปทั่วทั้งเมืองด้วยเช่นกัน ไม่ว่าจะมองไปทางไหนก็สดใสจนต้องยกกล้องขึ้นมาถ่ายรูปรัวๆ 

 

ที่เที่ยวยุโรป ยอดฮิต ฤดูใบไม้ผลิ

 

1. สวนเคอเคนฮอฟ Kukenhof

เนเธอแลนด์ Netherlands

 

 

      การไปเที่ยว สวนเคอเคนฮอฟ (Keukenhof) เมืองลิซเซ่ (Lisse) ถือเป็นไฮไลท์ของฤดูใบไม้ผลิใน ประเทศเนเธอร์แลนด์ เลยค่ะ เพราะเป็นสวนที่เปิดเฉพาะเดือนมีนาคม-พฤษภาคมเท่านั้น อีกทั้งยังมี ดอกทิวลิป ดอกไม้ประจำเนเธอร์แลนด์กว่า 800 สายพันธุ์ รวมแล้วกว่า 7 ล้านดอก สลับกันสร้างสีสันไปพร้อมๆ กับดอกไม้ชนิดอื่น เช่น ดอกลิลลี่ ดอกแดฟโฟดิล หรือนาซิสซัส ดอกไฮยาซินธ์ และดอกกล้วยไม้อีกหลากหลายสายพันธุ์ บอกเลยว่าใครที่มาเนเธอร์แลนด์ช่วงฤดูใบไม้ผลิแล้วไม่ได้มาสวนเคอเคนฮอฟคงน่าเสียดายแย่เลย

อ่านรีวิวเต็มๆ ที่ สวนเคอเคนฮอฟ ที่เที่ยวเนเธอร์แลนด์ ถ่ายรูปสวย กลางทุ่งดอกทิวลิป

 

Keukenhof ที่เที่ยวเนเธอร์แลนด์ ฤดูใบไม้ผลิ

 

===========

 

2. บรูกส์ Bruges

เบลเยียม Belgium

 

 

       บรูกส์ (Bruges) เมืองแห่งสายน้ำที่ขึ้นชื่อว่าสวยที่สุดในเบลเยียม แฝงไปด้วยกลิ่นอายของยุโรปยุคกลางผ่านสถาปัตยกรรมต่างๆ ภายในเมืองราวกับหลุดเข้าไปอยู่ในโลกเทพนิยาย 

 

 

      ขึ้นชื่อว่าเป็น "Venice of the North" แล้ว กิจกรรมไฮไลท์ที่ไม่ควรพลาดเลยก็คือ การนั่งเรือชมเมือง ค่ะ นอกจากนี้ยังมีสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจมากมาย เช่น Belfry of Bruges, Church of our Lady และ Quai du Rosaire เป็นต้น 

 

===========

 

3. แคว้นโพรวองซ์ Provence

ฝรั่งเศส France

 

 

      เมื่อพูดถึง โพรวองซ์ (Provence) ก็อดนึกถึง ทุ่งลาเวนเดอร์ ช่วงฤดูร้อนของฝรั่งเศสไม่ได้ แต่ถ้าไปเที่ยวในช่วงฤดูใบไม้ผลิ เราอาจจะไม่ได้เจอทุ่งลาเวนเดอร์ แต่จะพบกับ ดอกวิสทีเรีย (Wisteria) สีม่วงละมุนเบ่งบานอยู่ตามกำแพงตึกอาคารต่างๆ ในเมือง ดอกซากุระ หรือ เชอร์รี่บลอสซัม (Cherry Blossoms) สีขาวที่เรียงรายกันในเมือง Vaucluse รวมถึง ทุ่งดอกป๊อปปี้ (Poppy) สีแดงที่ขึ้นสลับกับผืนหญ้าสีเขียวโดยมีขุนเขาขนาดใหญ่เป็นฉากหลัง เรียกว่าเป็นฤดูแห่งสีสันที่มีเสน่ห์สุดๆ ไปเลย

อ่านรีวิวเต็มๆ ที่ 12 ที่เที่ยวโพรวองซ์ ที่เที่ยวฝรั่งเศส ถ่ายรูปสวย กลางทุ่งลาเวนเดอร์

 

 

===========

 

4. หมู่บ้านแคว้นอาลซัส Alsace

ฝรั่งเศส France

 

 

      แคว้นอาลซัน (Alsace) ตั้งอยู่สุดทางทิศตะวันออกของประเทศฝรั่งเศส และทิศตะวันตกของ แม่น้ำไรน์ (Rheinfall) ซึ่งติดกับพรมแดนของ เยอรมนี และ สวิตเซอร์แลนด์ ประกอบไปด้วยหมู่บ้านและเมืองสุดน่ารักที่ยังอนุรักษ์สถาปัตยกรรมแบบยุคกลางเอาไว้ อีกทั้งยังมีหลายเมืองที่ขึ้นชื่อว่าเป็น Ville Fleurie หรือ Flowering City ซึ่งแปลว่า "หมู่บ้านแห่งดอกไม้" อีกด้วย เพราะถ้าเราไปเที่ยวในช่วงฤดูใบไม้ผลิ เราจะเห็นดอกไม้ผลิบานไปทั่วเมือง ทั้งตามถนนหนทาง และหน้าต่างของอาคารบ้านเรือน ดูแล้วสดชื่นสบายตาเป็นอย่างมากค่ะ

อ่านรีวิวเต็มๆ ที่ เที่ยวฝรั่งเศส ชม 10 หมู่บ้านน่ารัก แห่งแคว้น Alsace สีสันสดใส เหมือนเทพนิยาย

 

elitravo / Shutterstock.com

 

===========

 

5. แคว้นทัสคานี Tuscany

อิตาลี Italy

 

 

      ฤดูใบไม้ผลิเป็นช่วงเวลาหนึ่งที่เหมาะกับการไปเที่ยว แคว้นทัสคานี (Tuscany) ประเทศอิตาลี มากๆ เพราะอากาศกำลังเย็นสบาย เดินเล่นได้เพลินๆ แบบไม่รู้สึกเบื่อ ถ้าไปเดินเล่นตามเมืองหลวงของแคว้นอย่าง ฟลอเรนซ์ (Florence) เราก็จะพบกับนักท่องเที่ยวมากมายที่มาชมสถาปัตยกรรมที่งดงามของเมือง แต่ถ้าเดินทางออกไปทางแถบชนบทอย่าง เมืองเคียนติ ก็จะได้เห็นท้องทุ่งสีเขียวอันกว้างใหญ่ ที่เป็นทั้งที่ตั้งของ ไร่องุ่น ทุ่งหญ้า และทุ่งดอกไม้ ซึ่งเป็นหนึ่งในเอกลักษณ์ของแคว้นทัสคานีที่ไม่ควรพลาด

อ่านรีวิวเต็มๆ ที่ 12 เมืองสวย ที่เที่ยวอิตาลี สุดยอดเมืองแห่งศิลปะ วิวสวยปัง ยอดฮิตตลอดกาล

 

Janos / Shutterstock.com

 

===========

 

6. ทะเลสาบโคโม่ Lake Como

อิตาลี Italy

 

 

        ทะเลสาบโคโม่ (Lake Como) เป็นสถานที่พักตากอากาศยอดนิยมของประเทศอิตาลี โดยเฉพาะในช่วงฤดูใบไม้ผลิไปจนถึงใบไม้เปลี่ยนสี เพราะสภาพอากาศค่อนข้างแจ่มใสและปลอดโปร่ง เหมาะกับการนั่งเรือเดินทางไปยังเมืองต่างๆ รอบทะเลสาบ ระหว่างการท่องเที่ยว เราจะได้ชมทิวทัศน์ของ เทือกเขาแอลป์ (Alps) สุดอลังการตั้งตระหง่านเป็นพื้นหลังอีกด้วย ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมทะเลสาบโคโม่จึงขึ้นชื่อว่าเป็นทะเลสาบที่สวยที่สุดในโลก

อ่านรีวิวเต็มๆ ที่ เที่ยว อิตาลี ล่องเรือชม ทะเลสาบโคโม่ Lake Como ความงดงามดังภาพวาด

 

 

===========

 

7. มอลตา

Malta

 

 

       เดินทางลงใต้มาจากประเทศอิตาลี ก็จะพบกับ ประเทศมอลตา (Malta) ประเทศเล็กๆ ที่ตั้งอยู่ทางฝั่งของ ทะเลเมดิเตอร์เรเนียน (Mediterranean Sea) ประกอบไปด้วย 3 เกาะหลักๆ ด้วยกัน ได้แก่ เกาะมอลตา (Malta) เกาะโกโซ (Gozo) และ เกาะโคมิโน (Comino) เต็มไปด้วยสถานที่ท่องเที่ยวทางประวัติศาสตร์ที่ผสานอารยธรรมแดนตะวันจากหลากหลายวัฒนธรรมเข้าด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็น กรีก โรมัน อาหรับ ซิซิลี ฝรั่งเศส และอังกฤษ นอกจากนี้ยังมีที่เที่ยวธรรมชาติเจ๋งๆ อีกมากมายที่น่าไปชม และเนื่องจากเป็นประเทศที่ตั้งอยู่ตรงชายฝั่งทะเลและทางใต้ของยุโรป จึงทำให้มีสภาพอากาศที่ค่อนข้างเย็นสบายไปจนถึงอบอุ่น เหมาะกับการท่องเที่ยวตลอดปีเลยค่ะ 

อ่านรีวิวเต็มๆ ที่ 8 ที่เที่ยวมอลตา Malta เสน่ห์เมืองแห่งท้องทะเล สวย เลอค่า ต้องไปสัมผัส

 

 

===========

 

8. คอตส์โวลด์ส Cotswolds

อังกฤษ England

 

 

      หลายคนอาจคุ้นภาพหมู่บ้านสไตล์อิงลิชคอทเทจจากภาพวาดแลนด์สเคปชื่อดังมากมาย แต่วันนี้เราจะพาทุกคนไปสัมผัสกับของจริงที่ คอตส์โวลด์ส (Cotswolds) ศูนย์รวมหมู่บ้านชนบททางภูมิภาคใต้ตอนกลางของประเทศอังกฤษ ที่เต็มไปด้วยเสน่ห์ของหมู่บ้านสีน้ำผึ้งสุดน่ารัก และเนินหญ้าที่สวยงาม เหมาะกับการไปเที่ยวทุกฤดู แต่ถ้าอยากชมสีสันของมวลดอกไม้ล่ะก็ ต้องเป็นช่วงฤดูใบไม้ผลิและฤดูร้อนค่ะ เราจะได้พบกับทั้ง ทุ่งดอกคาโนล่า ทุ่งดอกป๊อปปี้ และ ทุ่งลาเวนเดอร์ สวยฟินสุดๆ ไปเลย 🌼

อ่านรีวิวเต็มๆ ที่ 10 หมู่บ้าน Cotswolds ที่เที่ยวอังกฤษ ท่องสู่โลกในนิทาน หมู่บ้านสวยชนบท

 

 

===========

 

9. คอร์นวอล Cornwall

อังกฤษ England

 

 

      เที่ยว คอร์นวอล (Cornwall) เมืองชายฝั่งทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ และจุดสิ้นสุดของแผ่นดินอังกฤษ จุดหมายปลายทางของคนที่รักทะเล มีชายหาดสวยๆ หมู่บ้านชาวประมง และ Land's End หน้าผาซึ่งเป็นจุดสิ้นสุดของแผ่นดินอังกฤษ ขนาบคู่ขนานไปกับท้องมหาสมุทรอันกว้างใหญ่ เป็นทัศนียภาพที่น่าตื่นตาตื่นใจไม่น้อย และแน่นอนว่ามาถึงเมืองทะเลแล้วก็อย่าลืมไปชิมอาหารทะเลสดๆ ด้วยนะ

 

 

===========

 

10. เอดินบะระ Edinburgh

สกอตแลนด์ Scotland

 

 

      หลังจากฤดูหนาวอันหนาวเหน็บ ก็ถึงฤดูที่ดอกไม้ต่างพากันผลิบาน สร้างสีสันให้กับ เมืองเอดินบะระ (Edinburgh) แห่งนี้ได้เป็นอย่างดี เพลิดเพลินไปกับการเดินเล่นชมสวนต่างๆ ในเมือง เช่น Dunbar Close, Prince Street Gardens และ Canongate Kirk เพื่อชมดอกไม้และพืชพรรณนานาชนิดที่ออกดอกบานสะพรั่งไปทั่วทั้งสวน และอาคารเก่าแก่ต่างๆ ที่บอกเล่าถึงประวัติศาสตร์ของเมืองเอดินบะระ

 

===========

 

11. ไอซ์แลนด์

Iceland

 

 

      เสน่ห์ของ ไอซ์แลนด์ (Iceland) ไม่ได้มีเพียงการล่าแสงเหนือ และความหนาวเย็นในฤดูหนาวเท่านั้น เพราะเมื่อเข้าสู่ฤดูใบไม้ผลิ เราจะได้เห็นทิวทัศน์ที่สวยงามของขุนเขาสีเขียวขจี และทุ่งดอกไม้ที่เบ่งบานแต่งเติมทุกที่ให้ดูมีชีวิตชีวาขึ้นมาถนัดตา

อ่านรีวิวเต็มๆ ที่ 9 ที่เที่ยวไอซ์แลนด์ Iceland แบบไม่ล่าแสงเหนือก็ไปได้

 

 

===========

 

12. เกาะครีต Crete

กรีซ Greece

 

 

      เกาะครีต (Crete) เกาะที่ใหญ่ที่สุดใน ประเทศกรีซ และใหญ่ที่สุดเป็นอันดับ 5 ของเกาะแถบทะเลเมดิเตอร์เรเนียน เต็มไปด้วยสถานที่ท่องเที่ยวทางประวัติศาสตร์ แหล่งโบราณคดีที่เก่าแก่ที่สุดในกรีซ รวมถึงทะเล ชายหาดสวยๆ และภูเขา ด้วยอากาศที่ค่อนข้างอบอุ่นจึงเหมาะกับการมาเที่ยวตั้งแต่ฤดูใบไม้ผลิเป็นต้นไปค่ะ แต่ถ้าอยากเล่นทะเลแบบชิลๆ เลยก็ต้องรอช่วงหน้าร้อน แต่เสน่ห์ของเกาะครีตในช่วงฤดูใบไม้ผลิก็คือดอกไม้ที่ผลิบานสลับกับทุ่งหญ้าสีเขียว เติมแต่งให้เกาะแห่งนี้ดูสดชื่นขึ้นเป็นเท่าตัว

 

 

===========

 

13. ซินตรา Sintra

โปรตุเกส Protugal

 

 

     ซิงตรา (Sintra) เมืองสวยที่ได้รับการยกย่องจาก UNESCO ให้เป็นมรดกโลกในส่วนของ ภูมิทัศน์วัฒนธรรม (Cultural Landscape) เป็นแห่งแรกของยุโรปเมื่อปี ค.ศ. 1995 และเป็นเมืองพักตากอากาศชื่อดังแห่งหนึ่งของโปรตุเกส 

อ่านรีวิวเต็มๆ ที่ 8 ที่เที่ยว ซิงตรา Sintra โปรตุเกส สวยล้ำค่า มรดกโลกแห่งยุโรปแดนใต้

 

 

      แลนด์มาร์คของเมืองที่พลาดไม่ได้เลยคือ Pena Palace หรือ Pala'cio Nacional da Pena พระราชวังที่สร้างขึ้นใหม่เมื่อปี ค.ศ. 1854 แทนโบสถ์หลังเดิม และ Quinta da Regaleira ปราสาทสุดอลังการที่ถ่ายทอดแนวคิด ความเชื่อ และจินตนาการอันล้ำลึกของ Carvalho Monteiro เศรษฐีชาวบราซิลที่นำบ้านหลังนี้มาปรับปรุงใหม่ในช่วงศตวรรษที่ 19 แต่ถ้าอยากสัมผัสกับกลิ่นอายสดชื่นของทะเลก็ต้องไปที่ Cabo da Roca จุดชมวิวริมทะเลที่ตั้งอยู่ตรงปลายสุดของเขา Serra de Sintra 

 

===========

 

14. อิบิซา Ibiza

สเปน Spain

 

 

      เกาะอิบิซ่า (Ibiza) ขึ้นชื่อว่าเป็นสวรรค์แห่งการพักผ่อนของนักฟุตบอล เนื่องจากตั้งอยู่ไม่ไกลจากต้นทางของลีคฟุตบอลใหญ่ๆ ในยุโรปเท่าไรนัก อีกทั้งยังมีน้ำทะเลไล่เฉดสีอย่างสวยงาม และหาดทรายที่เหมาะกับการไปอาบแดดชิลๆ หรือนั่งชมอาทิตย์ตกดินสุดโรแมนติก นอกจากนี้ยังมีทุ่งดอกป๊อปปี้สีแดงที่จะบานสะพรั่งในช่วงฤดูใบไม้ผลิอีกด้วย ราวกับหลุดเข้าไปในภาพวาดเลยทีเดียว

 

===========

 

15. โคเปนเฮเกน Copenhagen

เดนมาร์ก Denmark

 

 

      ท่ามกลางตึกอาคารสีสันสดใสริมทะเลที่ เมืองโคเปนเฮเกน (Copenhagen) เมืองหลวงของเดนมาร์ก เราจะได้เห็นมวลดอกไม้พากันเบ่งบานไปทั่วเมืองในช่วงฤดูใบไม้ผลิ โดยเฉพาะบริเวณ Kirsebæralléen ที่เราจะได้พบกับ อุโมงค์ต้นซากุระ เรียงรายกันอย่างสวยงาม ถ้าได้ไปเดินเล่นคงต้องฟินมากแน่ๆ นอกจากนี้ยังมี สวน Tivoli Gardens ริมทะเลสาบ Tivoli Lake ที่มาพร้อมกับดอกไม้นานาชนิด และขบวนพาเหรดที่พร้อมสร้างความสนุกสนานในช่วงฤดูใบไม้ผลิค่ะ

 

 

===========

 

16. กอเตอร์ Kotor

มอนเตเนโกร Montenegro

 

 

     กอเตอร์ (Kotor) เมืองมากเสน่ห์แห่ง มอนเตเนโกร ที่ติดชายฝั่งทะเลเอเดรียติก (Adriatic Coast) และสามารถเดินทางจาก เมืองดูบรอฟนิก ประเทศโครเอเชีย มาที่นี่ได้ด้วยทางรถยนต์ เต็มไปด้วยเสน่ห์ของอาคารบ้านเรือนที่ยังคงอนุรักษ์เอาไว้เป็นอย่างดี นอกจากนี้ยังมีทิวทัศน์สุดอลังการของภูเขาและท้องทะเล เหมาะสุดๆ ในการไปเที่ยวในช่วงฤดูใบไม้ผลิ และฤดูร้อนค่ะ

 

 

===========

 

17. หมู่เกาะโลโฟเทน Lofoten Islands

นอร์เวย์ Norway

 

 

       ผจญภัยล่าแสงเหนือกันที่ หมู่เกาะโลโฟเทน (Lofoten Islands) หรือที่เรียกสั้นๆ ว่า โลโฟเทน (Lofoten) หมู่เกาะที่ตั้งอยู่ในมณฑล Nordland ทางตอนเหนือของ ประเทศนอร์เวย์ ซึ่งประกอบไปด้วยเกาะน้อยใหญ่ต่างๆ เช่น Austvågøy, Gimsøya, Vestvågøy, Flakstadøya, และ  Moskenesøya เป็นต้น ผู้คนบนเกาะส่วนใหญ่ก็จะทำอาชีพประมงกันมาตั้งแต่โบราณค่ะ จึงไม่แปลกหากเราจะเห็นหมู่บ้านชาวประมงที่เขาเรียกกันว่า "Rorbuer" ทั้งสีแดง สีเหลือง สีเขียว และสีขาวเต็มไปหมด

อ่านรีวิวเต็มๆ ที่ โลโฟเทน Lofoten ที่เที่ยวนอร์เวย์ หมู่บ้านชาวประมงแสนสวย ดินแดนล่าแสงเหนือ

 

 

       สำหรับใครที่ตั้งใจไปล่าแสงเหนือโดยเฉพาะ แนะนำให้ไปช่วงเดือนตุลาคม-มีนาคม ส่วนใครที่ไม่ชอบอากาศหนาวเย็นมาก แถมยังได้ดื่มด่ำกับบรรยากาศแสนสดใส ขอแนะนำให้ไปเที่ยวระหว่างฤดูใบไม้ผลิ-ฤดูร้อนค่ะ

 

===========

 

18. ลูบลิยานา Ljubljana

สโลวีเนีย Slovenia

 

 

       เยือนเมืองหลวงของสโลวีเนียที่ ลูบลิยานา (Ljubljana) สัมผัสเสน่ห์ของบ้านเมืองสไตล์บาโรกที่ยังคงอนุรักษ์เอาไว้ในสภาพที่สมบูรณ์ โอบล้อมด้วยทิวทัศน์ของภูเขาสลับซับซ้อนเป็นฉากหลัง แม้จะไม่เป็นที่นิยมเท่ากับช่วงฤดูร้อน แต่ช่วงฤดูใบไม้ผลิเองก็เป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่ดีสำหรับคนที่ต้องการหลีกเลี่ยงความวุ่นวายค่ะ แถมอากาศก็ยังเย็นสบาย ไม่ร้อนและไม่หนาวจนเกินไปด้วย 

 

===========

 

19. ซูริค Zurich

สวิตเซอร์แลนด์ Switzerland

 

 

       ซูริค (Zurich) ขึ้นชื่อว่าเป็นศูนย์กลางความเจริญและเศรษฐกิจของสวิตเซอร์แลนด์ แต่นอกเหนือจากนั้น ซูริคยังเป็นเมืองที่มากล้นไปด้วยเสน่ห์ ไม่ว่าจะเป็นอาคารบ้านเรือนที่สวยงาม และบรรยากาศสุดโรแมนติกของ ทะเลสาบซูริค (Lake Zurich) และ แม่น้ำ Limmat River ในช่วงฤดูใบไม้ผลิของทุกปีจะเป็นช่วงเวลาของ Sechseläuten ซึ่งเป็นวันหยุดประจำปีของซูริคในช่วงเดือนเมษายน และจะมีการจัดงานเทศกาลกันอย่างคึกคักค่ะ

 

===========

 

20. อินส์บรูค Innsbruck

ออสเตรีย Austria

 

 

      ถ่ายรูปกับอาคารสีลูกกวาดที่ อินส์บรูค (Innsbruck) และเที่ยวเล่นท่ามกลางตึกอาคารสไตล์บาโรกสีพาสเทล โดยมีวิวของเทือกเขาแอลป์เป็นฉากหลัง ที่นี่ได้รับการขนานนามว่าเป็น เมืองหลวงเทือกเขาแอลป์ (Capital of Alps) เนื่องจากเป็นจุดพักระหว่างการเดินทางบนเทือกเขาแอลป์นับตั้งแต่อดีตมาจนถึงปัจจุบันค่ะ และด้วยความที่เป็นเมืองไม่ใหญ่มากนัก จึงมีบรรยากาศค่อนข้างชิล เหมาะกับการไปเที่ยวชิลๆ สักวันสองวัน

อ่านรีวิวเต็มๆ ที่ Innsbruck ที่เที่ยวออสเตรีย เมืองสีลูกกวาด สดใส ท่ามกลางขุนเขา

 

Sun_Shine / Shutterstock.com