12 ที่เที่ยวโพรวองซ์ Provence ที่เที่ยวฝรั่งเศส ถ่ายรูปสวย กลางทุ่งลาเวนเดอร์
เมื่อพูดถึง โพรวองซ์ ที่เที่ยวฝรั่งเศส แล้ว หลายๆ คนคงนึกถึงภาพของ ทุ่งลาเวนเดอร์ ที่ปกคลุมไปทั่วทุ่งเป็นอย่างแรก นับเป็นไฮไลท์ของช่วงหน้าร้อนใน ฝรั่งเศส เลยก็ว่าได้ แต่จริงๆ แล้ว โพรวองซ์ยังมีเสน่ห์อีกมากมายที่รอให้ทุกคนไปสัมผัสได้ตลอดปี ตามเรามาที่ 12 ที่เที่ยวโพรวองซ์ ถ่ายรูปสวย กันเถอะ รับรองว่าทุกคนจะต้องหลงรักในแลนด์สเคปสวยๆ และบ้านเมืองสุดคลาสสิกของแคว้นแห่งนี้อย่างแน่นอน
รวมพิกัด โพรวองซ์ Provence ที่เที่ยวฝรั่งเศส
แคว้นแห่งทุ่งลาเวนเดอร์
ทำความรู้จักกับ โพรวองซ์ Provence
โพรวองซ์ (Provence) แคว้นทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ของ ประเทศฝรั่งเศส มีชายแดนติดกับ ประเทศอิตาลี และ ทะเลเมดิเตอร์เรเนียน (Mediterranean Sea) เป็นแคว้นที่มีประวัติความเป็นมายาวนานตั้งแต่สมัย ยุคหินใหม่ (Neolithic Era) เลยทีเดียวค่ะ เริ่มจาก ชาวเคลต์ (Celts) ที่มาตั้งถิ่นฐานที่ดินแดนนี้ตั้งแต่ 900 ปีก่อนคริสต์ศักราช ตามมาด้วยนักล่าอาณานิคมชาวกรีกเมื่อ 600 ปีก่อนคริสตศักราช ก่อนจะตกเป็นเมืองขึ้นของอาณาจักรโรมันเมื่อราว 200 ปีก่อนคริสตศักราช ทำให้เรายังเห็นร่องรอยอารยธรรมโบราณตามเมืองต่างๆ ในแคว้นโพรวองซ์อยู่หลายแห่ง บางเมืองก็นับได้ว่าเป็นหนึ่งในเมืองที่เก่าแก่ที่สุดในฝรั่งเศสเลยก็ว่าได้
นอกจากจะมีประวัติศาสตร์อันยาวนานแล้ว โพรวองซ์ยังขึ้นชื่อเรื่องของอาหาร ไวน์ และทุ่งลาเวนเดอร์ที่สวยงามในช่วงหน้าร้อน ระหว่างกลางเดือนมิถุนายน-สิงหาคม อีกทั้งยังมีภูมิประเทศที่หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นบ้านเมืองทางชายฝั่ง French Riviera ที่ติดกับทะเลเมอดิเตอเรเนียน บ้านเมืองแถบเทือกเขาแอลป์ (Frence Alps) อย่าง Provence-Alpes-Côte d'Azur รวมถึงแถบ แม่น้ำโรน (River Rhône) ทำให้เมืองในแต่ละภาคส่วนมีเสน่ห์ที่แตกต่างกันออกไปค่ะ
ที่เที่ยวโพรวองซ์ ฝรั่งเศส
1. Palais de Papes
Avignon
เริ่มด้วยเมืองมรดกโลกอย่าง อาวีญง (Avignon) เมืองเก่าแก่ที่เคยเป็นศูนย์กลางของศาสนาคริสต์นิกายโรมันคาทอลิกในช่วงศตวรรษที่ 14 รวมถึงเป็นที่ตั้งของ พระราชวังแห่งพระสันตะปาปา (Palais des Papes) ซึ่งเคยเป็นที่อยู่อาศัยของพระสันตะปาปาถึง 9 พระองค์ ระหว่างปี ค.ศ. 1309 - 1403 ปัจจุบัน Palias des Papes ได้กลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวได้มากถึง 650,000 คนต่อปี รวมถึงยังเป็นแลนด์มาร์คของเมืองอาวีญงที่ไม่ควรพลาดด้วย
พิกัด : https://goo.gl/maps/5ZBQRXe6J7vwrmBw8
=============
2. Valensole Plateau
Valensole
ขึ้นชื่อว่าเป็น "ดินแดนแห่งลาเวนเดอร์" แล้ว จะไม่พูดถึง Valensole Plateau แห่งเมือง Valensole เลยคงเป็นไปไม่ได้ เพราะที่นี่ขึ้นชื่อว่าเป็นทุ่งลาเวนเดอร์ที่มีชื่อเสียงที่สุดในโพรวองซ์ เพียงแค่ได้เห็น ทุ่งลาเวนเดอร์ สีม่วงปกคลุมบนที่ราบสูงกว่า 800 ตารางกิโลเมตร ก็ไม่แปลกใจเลยค่ะว่าทำไมที่นี่ถึงได้ดึงดูดนักท่องเที่ยวได้มากมายขนาดนี้ แถมยังมีผลิตภัณฑ์ที่ทำจากดอกลาเวนเดอร์มากมายให้ไปลองกันด้วย ไม่เพียงเท่านี้ ในช่วงเดือนกรกฎาคม-สิงหาคม เราเองก็จะได้พบกับ ดอกทานตะวัน สีเหลืองอร่ามที่บานสะพรั่งตัดกับสีม่วงของลาเวนเดอร์ด้วย ดูสวยฉูดฉาดไปอีกแบบ ถ่ายรูปสวยแบบไม่ยั้งกันเลยทีเดียว
พิกัด : https://goo.gl/maps/pDdH8nsBbETU1t5h8
=============
3. Lavender Trail
Sault
ยังแชะรูปไม่หนำใจ ไปต่อที่เมือง Sault กันจ้า เป็นอีกเมืองที่ขึ้นชื่อในเรื่องของทุ่งลาเวนเดอร์แสนสวยท่ามกลางบรรยากาศของบ้านเมืองน่ารักๆ ในชนบท และเทือกเขา Ventoux สวยจนคิดว่าหลุดออกมาจากภาพวาดสีน้ำมันเลยค่ะ ที่นี่เองก็มีผลิตภัณฑ์ที่ทำจากลาเวนเดอร์ เช่น สบู่ น้ำหอม น้ำมันระเหย และอื่นๆ อีกมากมายให้เราไปลองใช้กันด้วย
พิกัด : https://goo.gl/maps/SK1vX45UeS3oU3hA9
=============
4. Senanque Abbey
Gordes
ภาพของโบสถ์เก่าแก่ของ Senanque Abbey และทุ่งลาเวนเดอร์สีม่วงตรงเบื้องหน้าคงเป็นภาพที่ใครหลายๆ คนเห็นตามโปสการ์ดของแคว้นโพรวองซ์ เพราะนอกจากจะมีทิวทัศน์ที่งดงามเกินต้านแล้ว ยังเป็นทุ่งลาเวนเดอร์ที่มีอายุเก่าแก่ตั้งแต่สมัยศตวรรษที่ 12 อีกทั้งยังสวยที่สุดในเมือง Gordes ด้วย ใครที่ชอบวิวแลนด์สเคปสวยๆ สไตล์คลาสสิกต้องไม่พลาดเลยจ้า
พิกัด : https://goo.gl/maps/h1vzaj4rCdZKKJt99
=============
5. Old Port of Marseilles
Marseilles
มาร์แซย์ (Marseilles) เมืองท่าที่เก่าแก่ที่สุดในฝรั่งเศสที่มีอายุยาวนานถึง 2,600 ปี รวมถึงเป็นเมืองที่ใหญ่เป็นอันดับ 2 ของประเทศ โดยมี ย่านท่าเรือเก่า (Old Port of Marseilles) เป็นหัวใจสำคัญ เนื่องจากมีทำเลที่ตั้งอยู่ริมชายฝั่งทะเลเมดิเตอเรเนียน เมืองแห่งนี้จึงกลายเป็นศูนย์กลางทางคมนาคม การส่งออก และการค้าขายของประเทศฝรั่งเศสตั้งแต่ในอดีตอย่างไม่ต้องสงสัยค่ะ เราจะได้เห็นเรือเล็กใหญ่หลายร้อยลำจอดมาจอดเทียบท่า พร้อมกับตึกอาคารสีโทนอุ่นรายล้อม ตัดกับสีฟ้าสดใสของน้ำทะเลได้อย่างพอดิบพอดี เข้ากับไอแดดอุ่นๆ และบรรยากาศชิลๆ ของเมืองเป็นอย่างมาก
พิกัด : https://goo.gl/maps/hyqtr4Aq8phPDDgMA
=============
6. Saint Tropez
แซ็ง-ทรอเป (Saint-Tropez) เป็นเมืองที่ตั้งอยู่บริเวณชายฝั่ง French Riviera ห่างจากเมืองมาร์แซย์ไปทางทิศตะวันออกประมาณ 104 กิโลเมตร โดดเด่นด้วยบ้านเมืองสีสันสดใสตัดกับน้ำทะเลสีฟ้า สวยราวกับหลุดออกมาจากภาพวาด เป็นเมืองพักตากอากาศที่มีชื่อเสียงตั้งแต่สมัยปลายศตวรรษที่ 19 เดินเล่น และถ่ายรูปสวยๆ ในเมืองจนเต็มที่แล้วก็อย่าลืมไปชิลที่ Pampelonne Beach ชายหาดสีขาว ยาว 5 กิโลเมตร เป็นแหล่งพักผ่อน อาบแดดที่มีชื่อเสียงของเมือง ใครที่ชอบบรรยากาศสดใสของท้องทะเล และเมืองสวยๆ ต้องมาที่นี่ค่ะ
พิกัด : https://goo.gl/maps/VWa4Gpg5oGfPVND19
=============
7. Villefranche sur Mer
เมื่อมาเที่ยวแทบชายฝั่ง French Riviera แล้ว ยังไงก็ต้องไปเยือน Villefranche-sur-Mer ค่ะ ขึ้นชื่อว่าเป็นเมืองที่มีสีสันสดใสที่สุดในฝรั่งเศส ตามตรอกซอกซายมีมุมสวยๆ น่ารักๆ ให้ถ่ายรูปเยอะแยะไปหมด โดยเฉพาะ St Pierre Chapel โบสถ์เก่าแก่ตั้งแต่สมัยศตวรรษที่ 16 แต่มีการตกแต่งขึ้นใหม่โดย Jean Cocteau ศิลปินชาวฝรั่งเศสที่มีชื่อเสียงแห่งศตวรรษ 20 ปรากฏภาพจิตรกรรมฝาผนังที่บอกเล่าถึงวิถีชีวิตเหล่าชาวประมงในเมือง Villefranche-sur-Mer ได้อย่างงดงาม ที่สำคัญยังมีชายหาดที่โค้งรับไปกับน้ำทะเลไล่สีสวยๆ ให้เราไปนอนอาบแดด ชมวิวชิลๆ ด้วย
พิกัด : https://goo.gl/maps/SWtwpgjYkV2yRf957
=============
8. Verdon Gorge
Verdon George หรือ Gorges du Verdon แคนยอนที่สวยที่สุดในฝรั่งเศส โดดเด่นด้วยทัศนียภาพของแม่น้ำ River Verdon สีเทอร์ควอยซ์ที่ลัดเลาะไปตามผาหินขนาดใหญ่ในระยะทาง 25 กิโลเมตร และมีความลึกถึง 700 เมตร เหมาะกับการมาพายเรือคายัค หรือล่องเรือชมวิวสวยๆ ไปตามแม่น้ำสุดๆ
พิกัด : https://goo.gl/maps/wBtDkMCjkdDHZFx69
=============
9. Moustiers Sainte Marie
ทางทิศตะวันตกของ Verdon Gorge เราจะพบกับ Moustiers Sainte-Marie หนึ่งในเมืองที่สวยที่สุดในฝรั่งเศสที่ตั้งอยู่ท่ามกลางผาหินขนาดใหญ่ และลดหลั่นลงมาเป็นชั้นๆ งดงามมากจนต้องหยิบกล้องขึ้นมาถ่ายภาพรัวๆ ค่ะ ด้านบนเป็นที่ตั้งของ Notre-Dame-de-Beauvoir โบสถ์เก่าแก่ของหมู่บ้านที่ต้องฝ่าฟันบันไดขึ้นไปถึง 250 ขั้นเพื่อชมวิวสวยสุดอลังของเมือง ถ้าไม่อยากพลาดจุดชมวิวปังๆ ก็ฟิตร่างกายแล้วไปลุยกันค่ะ 💪🏼
พิกัด : https://goo.gl/maps/Ct2tSb5jqB838LFj6
=============
10. Chateau des Baux
Les Baux de Provence
Les Baux de Provence ขึ้นชื่อว่าเป็นหนึ่งในหมู่บ้านที่สวยที่สุดอีกแห่งหนึ่งในฝรั่งเศส โดดเด่นด้วย Château des Baux ปราสาทและป้อมปราการเก่าแก่ที่ถูกทิ้งร้างตั้งแต่ศตวรรษที่ 16 ตั้งอยู่บนเนินเขาท่ามกลางบ้านเรือนสถาปัตยกรรมแบบยุคกลางและป่าเขา เพียงแค่ได้เดินเล่นรอบๆ เมือง ผ่านร้านค้า ร้านอาหารน่ารักๆ มากมาย สัมผัสกลิ่นอายเก่าๆ ก็รู้สึกเหมือนได้ย้อนเวลากลับไปในสมัยยุคกลางเลยทีเดียวค่ะ
พิกัด : https://goo.gl/maps/mwHGj5wY6qr5emx89
=============
11. Carrieres de Lumieres
Les Baux de Provence
Evgeny Shmulev / Shutterstock.com
สายอาร์ตต้องไม่พลาดสิ่งนี้! Carrières de Lumières หรือ Quarries of Light สถานที่จัดงานนิทรรศการศิลปะในรูปแบบมัลติมีเดีย ที่จะนำเอาภาพผลงานจากศิลปินชื่อดังในประวัติศาสตร์ศิลปะ เช่น Claude Monet, Vincent van Gogh, Paul Cézanne, Pablo Picasso และ Marc Chagall มาจัดแสดงแบบจัดเต็มทั้ง ภาพ แสง สี เสียง ให้พวกเราได้เปิดประสบการณ์ในการเสพศิลป์อย่างทันสมัย และสวยงามอลังการสุดๆ
พิกัด : https://goo.gl/maps/TUssjHxzXfaLY5d18
=============
12. Grasse
Marco Rubino / Shutterstock.com
ฝรั่งเศสขึ้นชื่อว่าเป็นแหล่งน้ำหอมชั้นนำของโลก แต่คงจะฟินยิ่งกว่าหากเราได้ไปเที่ยว Grasse เมืองหลวงแห่งน้ำหอม ที่เป็นทั้งที่ตั้งของ Musée International de la Parfumerie พิพิธภัณฑ์น้ำหอมอันเลื่องชื่อ จัดแสดงประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมเกี่ยวกับน้ำหอมตั้งแต่โบราณ รวมถึงกรรมวิธีในการผลิตน้ำหอม รวมถึงโรงงานผลิตน้ำหอมอีกหลายแห่งที่ทำให้เมืองแห่งนี้กลายเป็นเมืองแห่งน้ำหอมขึ้นชื่อของโลกเลยทีเดียวค่ะ
พิกัด : https://goo.gl/maps/93LYAH2fwnF3aTi68