รีเซต

13 ตำนานเมือง เรื่องผีญี่ปุ่นสุดสยอง ฟังก่อนนอน หลอนจนไม่กล้าหลับ

13 ตำนานเมือง เรื่องผีญี่ปุ่นสุดสยอง ฟังก่อนนอน หลอนจนไม่กล้าหลับ
Muzika
1 เมษายน 2563 ( 15:00 )
184.4K
34

     เรื่องผีไหนๆ ในโลก ก็ไม่มีที่ไหนมีบรรยากาศ และความเย็นยะเยียบราวมีคนจ้องมองอยู่ข้างหลังได้เท่ากับ เรื่องผีญี่ปุ่นอีกแล้ว เพราะตำนานเมืองของเขานั้นมันช่างมีความแปลกประหลาด และมีเงื่อนไขการปรากฏกายที่ค่อนข้างมากกว่าที่อื่น (บางเรื่องต้องจำวิธีการตอบคำถามผีด้วย ไม่งั้นตาย !)

 

 

     และต่อไปนี้ก็คือ 13 เรื่องราวเล่าขาน ตำนานเมืองสยองขวัญที่โด่งดังที่สุดในญี่ปุ่น ชนิดที่ว่าแม้จะมาถึงยุคปัจจุบันที่การมาของอินเตอร์เน็ตนั้นเข้าถึงทุกคนแล้ว แต่ความหวาดกลัวลึกๆ ในจิตใจกลับไม่เคยจางหายไปตามกาลเวลา…

 

 

 

1. ตำนานผี ฮานาโกะซัง ในห้องน้ำ

     เรื่องผีที่ติดอันดับเข้ามาตลอด และเด็กไทยเองก็น่าจะรู้จักเหมือนกัน สำหรับผีฮานาโกะที่สิงสู่อยู่ตามห้องน้ำ เล่ากันว่า หากเคาะประตูห้องน้ำที่ชั้นสาม เคาะสามครั้งแล้วถามว่า “ฮานาโกะซังอยู่ไหม” หากมีเสียงตอบว่า “ไฮ่” ประตูก็จะเปิดออก และมีเด็กผู้หญิงใส่กระโปรงสีแดงลากตัวเราไป สถานที่จะพบเจอได้ต้องเป็นห้องน้ำเด็กผู้หญิงเวลาหลังเลิกเรียน 

 

     ฮานาโกะนั้นเป็นเรื่องผีที่อาจมีรายละเอียดที่แตกต่างกันในในแต่ละโรงเรียนด้วย น่าจะเพื่ออัพเดทให้มีความน่ากลัวเข้ากับที่ตรงนั้นนั่นเอง ส่วนความเป็นมาของฮานาโกะนั้น เชื่อกันว่าเธอเป็นเด็กที่เสียชีวิตในช่วงสงครามโลก ขณะที่มีเครื่องบินมาทิ้งระเบิด เธอได้หนีเข้าไปหลบในห้องน้ำ ผลก็คือเปลวเพลิงจากระเบิดครอกตายทั้งเป็น นั่นจึงทำให้ดวงวิญญาณของเธอต้องคอยเร่ร่อนไปมาในห้องน้ำ

 

 

2. ฮิโตบาชิระ ตำนานเสาหลักเมืองของญี่ปุ่น

     ฮิโตบาชิระ เป็นชื่อเรียกของพิธีบูชายัญที่ใช้มนุษย์ทั้งเป็น ฝังไว้ใต้หรือใกล้อาคารใหญ่ ตามเขื่อน, สะพาน และปราสาทในยุคก่อน เพื่อเป็นคำอธิษฐานต่อเทพเจ้าให้การก่อสร้างสำเร็จลุล่วง และไม่ให้อาคารโดนทำลายจากธรรมชาติหรือการโจมตีของศัตรู 

 

     ตำนานเสามนุษย์ที่ขึ้นชื่อที่สุดก็คือที่ ปราสาทมารุโอกะ จังหวัดฟุคุอิ หนึ่งในปราสาทไม้ที่เก่าแก่ และสวยงามที่สุดของญี่ปุ่น แต่ก่อนการก่อสร้างนั้นลำบากมาก ไม่ว่าจะพยายามสร้างกี่ครั้งเสาหินก็จะถล่มลงมาเสมอ แม่ม่ายนามว่า โอชิซึ จึงถูกนำตัวมาเป็นเครื่องสังเวย โดยมีข้อแลกเปลี่ยนคือให้ลูกชายของโอชิซึจะได้เข้ามาเป็นซามูไรรับใช้ในปราสาท เธอถูกฝังทั้งเป็นใต้เสาหลัก และหลังจากนั้นการก่อสร้างปราสาทก็เป็นไปอย่างราบรื่น

 

 

3. ตำนาน โอคิคุซัง (ผีนับจาน) ปราสาทฮิเมจิ

 

 

     หนึ่งในปราสาทที่สวยงาม และโด่งดังที่สุดของญี่ปุ่น ปราสาทฮิเมจิ เองก็มีเรื่องเล่าอยู่เช่นกัน ถึงเรื่องราวการปรากฏตัวของวิญญาณผีสาวข้างบ่อน้ำ แล้วออกเสียงนับจานอย่างช้าๆ กระทั่งนับถึงใบที่ 9 เธอจะเริ่มร้องไห้ ส่งเสียงโหยหวนชวนขนหัวลุก

 

     ตำนานเล่าว่า โอคิคุเป็นสาวใช้ของซามูไรนามว่า อาโอยามา เท็ตซัน เขาตกหลุมรักเธอจึงได้วางแผนหลอกด้วยการนำชุดเครื่องจานราคาแพงจากดัตช์ มามอบให้เป็นหน้าที่ของโอคิคุคอยดูแล วันหนึ่งเขาจึงนำจานหนึ่งใบไปซ่อน แล้วสั่งสาวใช้ให้นำชามทั้ง 10 ใบมาให้ เมื่อโอคิคุไม่สามารถหาได้ครบ เธอจึงหวาดกลัวว่าจะถูกลงโทษ เท็ตซันจึงยื่นข้อเสนอจะยกโทษให้หากเธอยอมเป็นภรรยาน้อยของเขา โอคิคุไม่ยอม และเลือกที่จะรักษาเกียรติของตนด้วยการกระโดดลงบ่อน้ำ จบชีวิตของตนลงในที่สุด

 

 

 

4. เทเคะเทเคะ ตำนานผีครึ่งท่อน

     เทเคะเทเคะ เป็นการจำลองเสียง ครืด ครืด คล้ายมีสิ่งของถูกลากไปมา เพียงแต่สิ่งของที่ว่านั้นคือ “ร่างกายครึ่งบน” ของมนุษย์นั่นเอง

 

     เทเคะเทเคะนั้น เกิดจากหญิงสาวคนหนึ่งที่ถูกทำร้าย และข่มขืน เธอตัดสินใจกระโดดฆ่าตัวตายลงบนทางรถไฟ ร่างของเธอถูกรถไฟทับจนขาดครึ่งท่อน แต่ด้วยความหนาวเย็นของอากาศในตอนนั้นทำให้เธอไม่ตายในทันที และต้องทรมานอยู่อย่างนั้นจนกว่าจะขาดใจตาย กลายเป็นวิญญาณอาฆาตที่จะฆ่าทุกคนที่โชคร้ายไปเจอเธอเข้า โดยจะตัดร่างของเหยื่อเป็นสองท่อน และเอาร่างท่อนล่างไป

 

 

5. โอคิคุ (OKiku) ตุ๊กตาผีผม

     ใครชอบตุ๊กตาเด็กผู้หญิงน่ารัก ผมยาวสลวยคงจะชอบโอคิคุแน่ๆ ตุ๊กตาตัวนี้อยู่ที่วัดมันเนน หมู่บ้านคุริซาว่า จังหวัดฮอกไกโด แต่เดิมนั้นเจ้าของตุ๊กตาชื่อว่า "โอคิคุ" เธอรักตุ๊กตาตัวนี้มาก หลังจากเธอล้มป่วยและเสียชีวิตลงในปีไทโชที่ 8 ด้วยวัย 3 ขวบเท่านั้น พ่อแม่ของเธอนำตุ๊กตาตัวนี้ไปไว้กับป้ายวิญญาณเพื่อเป็นเพื่อนเล่น แต่สิ่งที่ประหลาดคือตุ๊กตากลับมีผมยาวออกมาเรื่อยๆ ซึ่งปัจจุบันก็ยังไม่มีการพิสูจน์อะไรต่อด้วยว่ายาวขึ้นมาได้เพราะอะไร

 

 

 

6. ตำนานผีสาวปากฉีก Kuchisake Onna

     ผีสาวปากฉีกเองก็เป็นอีกตำนานยอดฮิตของญี่ปุ่น ช่วงที่เรื่องนี้ดังๆ นี่ถึงกับทำให้เด็กๆ ไม่กล้าออกจากบ้านคนเดียวกันไปพักใหญ่ๆ เลย เรื่องเล่าของผีตนนี้ค่อนข้างสับสน และมีหลากหลายรูปแบบมาก แต่จะขอยกเอาอันที่คนรู้จักกันมากที่สุดมาเล่ากันครับ

 

     หญิงสาวคนหนึ่งที่ว่ากันว่าสวยมากๆ ถูกสามีของตนเองใช้ดาบตัดปากไปจนถึงไปหู เพราะคิดว่าเธอนั้นเป็นชู้กับชายอื่น คำพูดสุดท้ายที่เธอได้ยินคือคำพูดของสามีเธอที่ว่า “ตอนนี้ใครจะคิดว่าเธอสวยบ้างล่ะ” ด้วยความแค้นเธอจึงไม่สามารถไปเกิดใหม่ได้ และกลายเป็นวิญญาณอาฆาตในที่สุด

 

     เธอจะปรากฏกายโดยสวมผ้าปิดปากไว้ ใครเดินผ่านมาจะเข้าไปทัก แล้วถามว่า “ฉันสวยไหม” ถ้าตอบกลับไปว่าสวย แล้วสาวปากฉีกจะถอดผ้าปิดปากออก แล้วถามอีกครั้งว่า “แล้วแบบนี้ละ” ถ้าเหยื่อตกใจแล้วพยายามวิ่งหนี สาวปากฉีกจะวิ่งไล่ และตัดให้ปากฉีกเหมือนเธอ หากตอบว่าไม่สวยเธอก็จะวิ่งไล่ และเล่นงาน แต่หากตอบว่า “ก็ดูปกติดี” “ก็สวยดี” สาวปากฉีกจะพอใจ แล้วจากไปแต่โดยดี

 

 

7. อุโมงค์ผีสิงคิโยทากิ 

 

     หนึ่งในสถานที่ที่ขึ้นชื่อเรื่องความหลอนที่สุดแห่งหนึ่งของญี่ปุ่น อุโมงค์แห่งนี้สร้างขึ้นช่วงประมาณปี ค.ศ. 1929 บนที่ที่เคยเป็นทั้งสนามรบ และลานประหาร แค่นี้ก็สยองพออยู่แล้ว แต่เรื่องราวที่ทำให้อุโมงค์นี้โด่งดังขึ้นมา ก็คือเรื่องหญิงสาวที่มาฆ่าตัวตายอยู่ใกล้ๆ นี้ ช่วงประมาณปี 1998 หลังจากนั้นก็เริ่มมีคนพบวิญญาณผู้หญิงในนี้เรื่อยมา บ้างก็ได้ยินเสียงร้องไห้ บ้างก็เห็นเงาในกระจกหลังรถ ฯลฯ 

 

     มีหลากหลายเรื่องเข้าก็เกิดเป็นตำนานเมืองขึ้นมา ว่าถ้าสัญญาณไฟเขียวหน้าอุโมงค์สว่างขึ้น อย่าเพิ่งรีบขับผ่านไป ปล่อยให้ผ่านไปอีกหนึ่งไฟแดงก่อน แล้วค่อยขับเมื่อไฟเขียวอีกครั้ง เชื่อกันว่าไฟเขียวแรกนั้นเป็นการเชื้อเชิญของดวงวิญญาณในอุโมงค์หลอกให้เราเข้าไปนั่นเอง

 

 

8. โทมิโนะ บทกวีแห่งความตาย

 

     โทมิโนะ เป็นหนึ่งในตำนานเมืองเก่าแก่ของญี่ปุ่น เล่ากันว่ามันเป็นบทกวีที่หากอ่านออกเสียง หรือท่องออกมาดังๆ ล่ะก็จะเกิดการล้มป่วย อุบัติเหตุ หรืออย่างร้ายสุดคือตายไปเลย บทกวีแห่งความตายนี้เล่าเรื่องของโทมิโนะ ที่ตายด้วยความโดเดี่ยว และทุกข์ทรมานจนตกนรก ใครอยากลองฟังเข้าไปได้ ที่นี่ แต่ไม่ต้องกลัว เราจะไม่เป็นอะไรเพราะแค่ฟังเฉยๆ ไม่ได้ออกเสียง เพียงแต่มันน่าขนลุกมากเกินไปเท่านั้นเอง

 

 

9. คาชิมะ เรโกะ

     คาชิมะ เรโกะนั้นน่าจะเป็นเรื่องเล่าที่เกิดจากการผสมตำนานเมือง 2 เรื่องเข้าด้วยกันอีกที นั่นคือเรื่องเทเคะเทเคะ และฮานาโกะซัง เพราะเธอถูกทำร้ายทิ้งให้ตายท่ามกลางความหนาวเหน็บ และถูกรถไฟทับจนร่างขาดครึ่ง แต่แทนที่จะร่อนเร่อยู่ใกล้ทางรถไฟ เธอกลับไปสิงอยู่ตามห้องน้ำสาธารณะแทน

 

     เธอจะถามคำถามคุณ และถ้าคุณตอบไม่ถูก เธอจะตัดร่างของคุณเป็นสองส่วน คำถามทั้งสามมีอยู่ว่า

  • “ขาของฉันอยู่ที่ไหน” คำตอบคือ “บนรางรถไฟเมชิน”

  • เธอจะถามต่อว่า “ไปได้ยินมาจากไหน” ให้ตอบว่า “คาชิมะ เรโกะบอกมา”

  • บางครั้งคำถามอาจจะเปลี่ยนไปในแต่ล่ะพื้นที่เช่น มีเรื่องเล่าว่าเธอจะถามคุณว่า “รู้ชื่อฉันไหม” ในกรณีนี้ห้ามพูดชื่อเธอเด็ดขาด แต่ให้ตอบไปว่า “ปีศาจหน้ากากแห่งความตาย” คา มาจาก คาเมนแปลว่าหน้ากาก ชิ มาจาก ชินิน แปลว่า คนตาย และ มะ มาจาก มา ที่แปลว่า ปีศาจ ตอบตามนี้ แล้วคุณจะรอด…

 

 

10. ป่าฆ่าตัวตาย อะโอกิงะฮะระ (Aokigahara)

     ป่าที่ชื่อน่ากลัวแห่งนี้ทอดตัวอยู่บริเวณเชิงภูเขาฟูจิทางด้านตะวันตกเฉียงเหนือ นับตั้งแต่ ค.ศ. 1950 เป็นต้นมา พบศพผู้เสียชีวิตในป่าแห่งนี้มากกว่า 500 คน เฉลี่ยแล้วมีผู้ฆ่าตัวตายในป่าแห่งนี้ถึงปีละประมาณ 30 ราย โดยสาเหตุที่ผู้คนนิยมมาฆ่าตัวตายที่นี่ เป็นเพราะสามารถปลิดชีวิตตนเองได้โดยเงียบสงบ ไม่มีใครขัดขวาง และไม่เดือดร้อนใครอีกด้วย 

 

     ปัจจุบัน รัฐบาลท้องถิ่นพยายามมที่จะลดจำนวนคนที่เข้ามาฆ่าตัวตายในป่า ทั้งการจัดหาอาสาสมัครคอยดูแลทั่วบริเวณ ทั้งปักป้ายเชิญชวนให้ฉุกใจคิด พร้อม Hotline สายด่วนให้คำปรึกษา ก็ช่วยลดจำนวนได้บ้าง แต่ก็ยังมีผู้คนลักลอบเข้าไปจนได้ คนที่เคยเข้าไปเดินที่นี่ต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าบรรยากาศในป่านั้นมันช่างชวนหลอน และหดหู่จนคนที่คิดสั้นอยู่แล้วยิ่งตัดสินใจได้ง่ายขึ้น

 

 

11. สะพานฆ่าตัวตาย ยางิยาม่า

 

ภาพสะพานยางิยาม่า สมัยยังไม่ได้สร้างรั้วสูงกั้น

 

     สะพานยางิยาม่า เป็นสะพานข้ามแม่น้ำ เชื่อมระหว่างเขตไทฮาคุ และเขตอาโอบะ เมืองเซนได จังหวัดมิยากิ ที่แม้บนสะพานจะก่อกำแพงสูงถึง 2 เมตร ซ้อนกัน 2 ชั้นก็ตาม ยังไม่สามารถหยุดผู้คนที่ตั้งใจจะมาฆ่าตัวตายที่นี่ได้ ทั้งที่สะพานนี้นับได้ว่าเป็นหนึ่งในสะพานที่มีรั้วกั้นสูงที่สุดในญี่ปุ่นด้วย

 

     เรื่องสยองที่เล่าต่อๆ กันมาเกี่ยวกับสะพานแห่งนี้ก็คือ กลุ่มเพื่อนนักเรียนชั้นม.ปลาย ที่ชักชวนกันไปล่าท้าผีที่นี่ ตอนแรกก็ไปกันทั้งหมด 5 คน ขับรถมอเตอร์ไซต์ไปด้วยกัน วนอยู่สองรอบก็ไม่เจออะไรเลยตัดสินใจกลับบ้าน รุ่งเช้าเพื่อนในกลุ่ม 1 คนกลับไม่ได้ไปโรงเรียน ผ่านไปอีกหลายวันก็ยังไม่เจอตัว จนทั้ง 4 คนที่เหลือตัดสินใจขับรถกลับไปดูที่สะพานยางิยาม่าอีกครั้ง โดยนำกล้องวิดีโอติดไปถ่ายด้วย เสร็จแล้วก็กลับมาเปิดดูกันที่บ้าน พบว่าตรงริมสะพานนั้นกลับเห็นวิญญาณคนมากมายยืนเต็มไปหมด ทั้งที่ตอนขับวนไม่เจออะไรเลย โดยเพื่อนของพวกเขาที่หายตัวไปก็เป็นหนึ่งในกลุ่มวิญญาณนั้นด้วย…

  • อ่านเรื่องราวเพิ่มเติมของสะพานยางิยาม่าได้ ที่นี่

 

 

12. ผีเสื้อคลุมแดง อากะ มันโตะ (Aka Manto)

 

     ถ้าผมเป็นคนญี่ปุ่นล่ะก็นะ คงปวดหัวกับเรื่องเข้าห้องน้ำสุดๆ ไปเลย เพราะตำนานเมืองเรื่องนี้เป็นผีหลอกในห้องน้ำอีกแล้ว โดยเป็นได้ทั้งห้องน้ำสาธารณะ หรือห้องน้ำโรงเรียน จะมีเสียงลึกลับถามเราว่าต้องการกระดาษสีแดงหรือกระดาษสีฟ้า? 

 

  • ถ้าตอบว่ากระดาษสีแดง คุณจะถูกหั่นออกจากกันจนเสื้อผ้าของคุณถูกย้อมเป็นสีแดง 

  • ถ้าเลือกกระดาษสีฟ้าคุณจะถูกรัดคอจนผิวหนังของคุณเปลี่ยนเป็นสีน้ำเงิน 

     ดังนั้นทางรอดก็คือตอบไม่เอาทั้งสองอย่างนั่นเอง แต่ส่วนมากหลายคนมักตอบกระดาษสีใดสีหนึ่งเนื่องจากเป็นคำถามกระทันหันทำให้หลายคนตอบอย่างไม่รู้ตัว ตัวที่มาของเสียงนั้นกล่าวกันว่าเป็นมนุษย์ที่อยู่ในเสื้อคลุมสีแดง ซึ่งไม่ทราบเป็นผู้หญิงหรือผู้ชายเพราะสวมหน้ากากมิดชิด แต่ตำนานที่เชื่อกันคือเป็นผู้หญิงสาวสวยที่กลายเป็นวิญญาณหลอน

 

 

13. ฮิโตริ คาคุเรนโบะ ตำนานเล่นซ่อนหา…คนเดียว

     ใครกำลังเหงา เรามีวิธีเล่นซ่อนหาคนเดียวมาเล่าให้ฟังครับ นี่เป็นตำนานเมืองที่ค่อนข้างอันตราย เพราะของเดิมพันในเกมนี้มันคือ...ชีวิต นั่นเอง โดยมีอุปกรณ์ในการเล่น เพียงตุ๊กตายัดนุ่น 1 ตัว ข้าวสาร และน้ำเกลือ 1 แก้วเท่านั้น 

วิธีการเล่น

  1. ตัดท้องของตุ๊กตาแล้วเอานุ่นข้างในออก จากนั้นก็ใส่ข้าวสาร และตัดเล็บของคุณใส่ลงไป เย็บตุ๊กตาด้วยด้ายสีแดง แล้วก็พันตุ๊กตาด้วยด้ายที่เหลือ
  2. เติมน้ำในอ่างอาบน้ำให้เต็ม
  3. วางแก้วใส่น้ำเกลือไว้ในที่ที่คุณซ่อน ตั้งชื่อให้ตุ๊กตา
  4. พอตีสาม ให้เข้าไปในห้องน้ำ หยิบตุ๊กตาขึ้นมาแล้วพูดว่า “(ชื่อคุณ) จะเป็น(คนหา)ก่อนนะ”
  5. วางตุ๊กตาไว้ในอ่าง หยิบมีดมาถือแล้วก็เดินไปรอบบ้าน ปิดไฟให้หมดแล้วก็เปิดทีวีช่องที่เป็นคลื่นๆ ทิ้งไว้ (สมัยนี้ยังหาได้อยู่ไหม?)
  6. ไปยังที่ที่จะซ่อน หลับตาแล้วนับหนึ่งถึงสิบ
  7. กลับมาที่ห้องน้ำ พูดว่า “เจอแล้ว (ชื่อตุ๊กตา)” แล้วก็เสียบตุ๊กตาด้วยมีด พูดว่า “ตา (ชื่อตุ๊กตา) เป็นแล้ว” สามครั้ง แล้วก็วางมีดไว้ที่นั่น ก่อนจะกลับไปซ่อน

 

     ว่ากันว่าตุ๊กตาจะออกมาตามหาคุณ โดยคุณจะได้ยินเสียงคลื่นทีวีเวลาตุ๊กตาเข้ามาใกล้ ได้กลิ่นเหม็น หรือว่าได้ยินเสียงอะไรบางอย่างเดินไปเดินมา

 

     แต่ถ้าทนไม่ไหว และอยากรีบจบเกม ให้อมน้ำเกลือไปพ่นใส่ตุ๊กตา (ถ้ามันไม่อยู่ในห้องน้ำที่เดิม อันนี้ก็ต้องเดินตามหาเอง) แล้วก็พูดว่า “ฉันชนะแล้ว” สามครั้ง (เป็นการบอกตุ๊กตาให้รู้ว่า จบเกมแล้วนะ) ตัดด้ายแดงออก แล้วก็เอาตุ๊กตาไปเผาไฟ 

 

     ทั้งหมดนี้ ถ้าคุณถูกพบก่อนจะจบเกมล่ะก็…คุณจะโดนอย่างที่ทำไว้ในข้อ 7 ครับ ว่ากันว่าเด็กส่วนมากพอได้ลองเล่นแล้วก็มักจะกลัวจนไม่กล้าจบเกมก่อนเสมอ มักจะหลบในที่ซ่อนจนกว่าจะเช้านั่นเอง

===============