รีเซต

เที่ยวญี่ปุ่นหน้าร้อนสยองขวัญ! ทำไมคนญี่ปุ่นชอบเล่าเรื่องผีในหน้าร้อน ?

เที่ยวญี่ปุ่นหน้าร้อนสยองขวัญ! ทำไมคนญี่ปุ่นชอบเล่าเรื่องผีในหน้าร้อน ?
แมวหง่าว
4 มิถุนายน 2563 ( 15:00 )
14.7K
6

     ช่วงเดือนกรกฎาคมถึงสิงหาคมที่ญี่ปุ่น ไม่ได้มีแค่เทศกาลดอกไม้ไฟหรือชุดยูกาตะสวยๆ เท่านั้น แต่ยังเป็นฤดูที่เต็มไปด้วยบรรยากาศชวนขนหัวลุก! ไม่ว่าจะเป็นรายการโทรทัศน์ที่พากันเล่าเรื่องผี กิจกรรมท้าทายความกล้าในหมู่วัยรุ่น หรือแม้แต่การนั่งล้อมวงเล่าเรื่องสยองขวัญกันในครอบครัว แต่ทำไมหน้าร้อนที่ควรจะร้อนระอุถึงเป็นช่วงเวลาแห่งความสยองขวัญ? วันนี้เราจะพาไปไขปริศนา พร้อมเจาะลึกความเชื่อ และตำนานเบื้องหลังของกิจกรรมสุดหลอนนี้กันครับ

 

 

ทำไมคนญี่ปุ่นถึงชอบเล่าเรื่องผีกันในหน้าร้อน ?

 

โอบ้ง วันที่ผู้ล่วงลับจะกลับมา

     ความเชื่อที่อยู่คู่ชาวญี่ปุ่นมาอย่างยาวนานคือ ในช่วงฤดูร้อนโดยเฉพาะใน "เทศกาลโอบ้ง" (Obon) ระหว่างวันที่ 13-15 สิงหาคม (หรือ 13-16 กรกฎาคมในบางภูมิภาค) เรียกให้เข้าใจง่ายๆ หน่อยก็จะคล้ายๆ กับงาน "เช็งเม้ง" ของชาวจีนนั่นแล

     เมื่อเป็นช่วงเวลาที่ดวงวิญญาณของผู้ล่วงลับจะเดินทางกลับมาเยี่ยมบ้านเกิด ชาวญี่ปุ่นจึงมีการจัดพิธีต้อนรับ เตรียมของเซ่นไหว้ และจุดโคมไฟเพื่อนำทางวิญญาณกลับสู่โลกมนุษย์ การเล่าเรื่องผีจึงเป็นเหมือนอีกหนึ่งกิจกรรมที่เกิดขึ้นตามความเชื่อนี้ เพื่อระลึกถึงผู้จากไปและเพื่อความบันเทิงในเทศกาล

 

 

    อีกทฤษฎีที่น่าสนใจคือ การเล่าเรื่องสยองขวัญจะทำให้ผู้ฟังรู้สึก "ขนลุก" และ "เย็นสันหลัง" ซึ่งเป็นกลไกที่ร่างกายใช้เพื่อช่วยคลายความร้อนในฤดูร้อนอันแสนอบอ้าวได้เป็นอย่างดี เป็นการหลอกตัวเองให้เย็นจากภายในสู่ภายน่ว (แต่ถ้าเจอของจริงก็จับไข้หัวโกร๋นกันไป)

 

 

Hyaku-Monogatari ตำนานร้อยเรื่องเล่าเขย่าขวัญ

     จากข้างต้น จึงเป็นที่มาของกิจกรรมยอดฮิต สืบทอดกันมาตั้งแต่โบราณที่เรียกว่า "ตำนานร้อยเรื่องเล่า" (Hyaku-Monogatari : 百物語) เป็นการนั่งล้อมวงผลัดกันเล่าเรื่องผี หรือเรื่องลี้ลับสยองขวัญที่มาพร้อมกฎเหล็กสุดหลอน ขั้นตอนการเล่นมีดังนี้

  1. ปิดไฟในห้องทั้งหมด และจุดเทียนไว้ทั้งหมด 100 เล่มตั้งไว้ตามจุดต่างๆ ของห้อง
  2. ผู้เข้าร่วมทุกคนมานั่งล้อมวงกันที่กลางห้อง
  3. เริ่มต้นเล่าเรื่องผี หรือเรื่องสยองขวัญกันทีละคน ใครเล่าจบก็ไปดับเทียน 1 เล่ม ทำอย่างนี้ไปเรื่อยๆ จนครบ 100 เล่ม
  4. หากทำตามขั้นตอนทุกอย่างอย่างถูกต้องล่ะก็ เมื่อเทียนเล่มสุดท้ายดับลง... บางสิ่งจากในเรื่องเล่าเหล่านั้นจะปรากฏตัวออกมา !

 

 

     สุดท้ายจะออกมาจริงหรือไม่จริงก็ไม่มีใครรู้ เพราะไม่เคยมีการจดบันทึกเป็นลายลักษณ์อักษร ว่าเล่นจบแล้วเป็นไง แถมพอถึงเวลามาเล่นกันจริงๆ ก็จะเล่นแกล้งกันเป็นหลัก หรือเล่าสักพักก็จะง่วงนอนกันไปเอง แต่อย่างน้อยๆ ก็เป็นสีสัน กิจกรรมสนุกๆ ในช่วงฤดูร้อนอันแสนสั้นนี้

 

3 เรื่องผียอดนิยมใน Hyaku-Monogatari ที่คุณต้องเคยได้ยิน!

    ถ้าจะเล่าเรื่องผีในญี่ปุ่น จะขาด 3 ตำนานคลาสสิกนี้ไปไม่ได้เลย ได้แก่

 

1. ตำนานเรื่อง โอคิคุซัง (ผีนับจาน)

 

 

     โอคิคุ เป็นสาวใช้ของซามูไรนามว่า อาโอยามา เทสซัน เขาตกหลุมรักเธอจึงได้วางแผนหลอกด้วยการนำชุดเครื่องจานราคาแพงจากดัตช์ มามอบให้เป็นหน้าที่ของโอคิคุคอยดูแล วันหนึ่งเขาจึงนำจานหนึ่งใบไปซ่อน แล้วสั่งสาวใช้ให้นำชามทั้ง 10 ใบมาให้ เมื่อโอคิคุไม่สามารถหาได้ครบ เธอจึงหวาดกลัวว่าจะถูกลงโทษ เทสซันจึงยื่นข้อเสนอจะยกโทษให้หากเธอยอมเป็นภรรยาน้อยของเขา โอคิคุไม่ยอม และเลือกที่จะรักษาเกียรติของตนด้วยการกระโดดลงบ่อน้ำ จบชีวิตของตนลงในที่สุด

     หลังจากนั้นมาก็จะได้ยินเสียงดังขึ้นมาจากบ่อน้ำในตอนกลางคืน “หนึ่งใบ..” “สองใบ..” นับไปเรื่อยๆ ก็จะได้ยินเสียงกรีดร้องว่า “ขาดไปใบนึง...” จากนั้นก็เริ่มร้องไห้ ส่งเสียงโหยหวนจนชวนขนลุกทุกค่ำคืน...

 

2. ตำนานเรื่อง ฮานาโกะซังในห้องน้ำ

 

 

     เรื่องฮานาโกะซังนี้ใครอ่านหรือดูการ์ตูนญี่ปุ่นล่ะก็ รับรองเห็นประจำ เป็นหนึ่งในเรื่องเล่าที่ดังที่สุดของโรงเรียนทั่วญี่ปุ่น เล่ากันว่า หากเคาะประตูห้องน้ำที่ชั้นสาม เคาะสามครั้งแล้วถามว่า “ฮานาโกะซังอยู่ไหม” หากมีเสียงตอบว่า “ไฮ่” ประตูก็จะเปิดออก และมีเด็กผู้หญิงใส่กระโปรงสีแดงลากตัวเราไป สถานที่จะพบเจอได้ต้องเป็นห้องน้ำเด็กผู้หญิงเวลาหลังเลิกเรียน

 

3. ตำนานผีสาวปากฉีก Kuchisake Onna

     เรื่องเล่าว่า มีหญิงสาวคนหนึ่งสวมชุดโค้ทสีแดง และผ้าปิดปากคอยถามเด็กๆ ที่กลับจากโรงเรียนว่า “ฉันสวยไหม?” หากตอบว่า “สวย” หญิงสาวคนนั้นก็จะถามกลับว่า “แล้วแบบนี้ล่ะ?” พร้อมกับถอดผ้าปิดปาก จะพบว่า! ปากของหญิงสาวคนนั้นฉีกกว้างไปจนถึงหู และหากตอบว่าไม่สวยก็จะโดนฆ่าตายอยู่ดี

 

     เห็นมั้ยครับว่าการเล่าเรื่องผีในหน้าร้อนของญี่ปุ่นไม่ใช่แค่เรื่องความบันเทิง แต่ยังสะท้อนให้เห็นถึงความเชื่อ และวัฒนธรรมที่ฝังรากลึกมาอย่างยาวนาน ตั้งแต่เทศกาลโอบ้งที่เชื่อมโยงกับผู้ที่จากไป ไปจนถึงกิจกรรมอย่าง Hyaku-Monogatari ที่สร้างทั้งความสนุก ความตื่นเต้น และความหวาดกลัวไปพร้อมกัน

===============