รีเซต

12 ที่เที่ยวธรรมชาติ อินโดนีเซีย สวรรค์คนรักธรรมชาติ สไตล์ไหนก็โดน

12 ที่เที่ยวธรรมชาติ อินโดนีเซีย สวรรค์คนรักธรรมชาติ สไตล์ไหนก็โดน
SummerB
8 กรกฎาคม 2565 ( 21:00 )
2.7K

       เสน่ห์ของ อินโดนีเซีย นั้นมีมากกว่าที่คิด โดยเฉพาะ ที่เที่ยวธรรมชาติ ที่สวยงามจนติดอันดับโลกไปหลายแห่ง ถึงเวลาแล้วที่เราจะต้องไปเก็บสถานที่ท่องเที่ยวสวยๆ ให้ครบ อย่าได้รอช้า ไปปักหมุด 12 ที่เที่ยวธรรมชาติ อินโดนีเซีย ด้วยกัน มีครบหมดทั้งวิวภูเขาไฟสุดอลังการ ทะเล เนินเขาสวยๆ และน้ำตก โดนใจทุกสไตล์ รับรองว่าสายเที่ยวธรรมชาติไม่มีผิดหวังแน่นอนค่ะ

 

รวมพิกัด ธรรมชาติ ที่เที่ยวอินโดนีเซีย

 

1. Mount Bromo

ภูเขาไฟโบรโม

 

 

       สำหรับนักผจญภัยที่ชอบความท้าทายแล้ว การที่ได้ขึ้นไปปีนเขาที่ภูเขาไฟในอินโดนีเซียนับเป็นจุดมุ่งหมายอย่างหนึ่ง ซึ่ง ภูเขาไฟโบรโม (Mount Bromo) ก็เป็นหนึ่งในพิกัดที่ไม่ควรพลาดเป็นอย่างยิ่งค่ะ แม้จะไม่ได้เป็นหนึ่งในภูเขาไฟที่สูงที่สุดในอินโดนีเซีย แต่ด้วยความสูงถึง 2,392 เมตร จึงทำให้มีทัศนียภาพที่มหัศจรรย์เกินบรรยาย ยิ่งเมื่อได้เห็ยทะเลหมอกที่ปกคลุมไปทั่วภูเขาสลับซับซ้อน และอาทิตย์ขึ้นในยามเช้าก็ทำให้ความเหนื่อยหายไปเป็นปลิดทิ้งเลยทีเดียว 

อ่านรีวิวเต็มๆ ที่ ภูเขาไฟโบรโม่ Mount Bromo ที่เที่ยวอินโดนีเซีย พิกัดสุดท้าทายของนักปีนเขา

 

Mount Bromo ที่เที่ยวธรรมชาติ อินโดนีเซีย

 

พิกัด : https://goo.gl/maps/odoDwhPJqnkegE3E8 

============

 

2. Kawah Ijen

ภูเขาไฟคาวาอีเจี้ยน

 

 

       ลุยกันต่อที่ ภูเขาไฟคาวาอีเจี้ยน (Kawah Ijen) ภูเขาไฟที่ยังไม่ดับสนิทอีกแห่งหนึ่งของอินโดนีเซีย มีความสูงประมาณ 2,600 เมตร บริเวณปากปล่องภูเขาไฟจะมี ทะเลสาบสีมรกต ที่เกิดจากการปะทุของภูเขาไฟเมื่อปี ค.ศ. 1817 ทำให้เกิดเป็นทะเลสาบล้อมรอบปล่องภูเขาไฟ ที่สำคัญ ยังมีปรากฏการณ์ ลาวาสีน้ำเงิน ที่มีอุณภูมิขึ้นสูงถึง 600 องศาเซลเซียส เป็นปรากฏการณ์ที่แสนอันตราย แต่ก็แฝงไปด้วยความมหัศจรรย์ ใครที่แพลนเที่ยวภูเขาไฟคาวาอีเจี้ยน แนะนำให้เตรียมตัวให้พร้อมทั้งอุปกรณ์และสภาพร่างกาย รวมถึงเช็คความปลอดภัยให้ดีก่อนท่องเที่ยวค่ะ

 

 

พิกัด : https://goo.gl/maps/R6jevaiGK4L28wMt7 

============

 

3. Madakaripura Waterfall

น้ําตกมาดาคารีปุระ

 

 

      ไม่ไกลจากภูเขาไฟโบรโม จะพบกับ น้ำตกมาดาคารีปุระ (Madakaripura Waterfall) น้ำตกแสนสวยที่ซ่อนตัวอยู่ในหุบเขา โดยเราจะต้องเดินผ่านเส้นทางศึกษาธรรมชาติที่มีทั้งแม่น้ำลำธาร และผืนป่าเข้าไปประมาณ 20 นาที ก่อนจะพบกับม่านน้ำตกทั้ง 7 สายที่ไหลลงมาจากกำแพงผา ซึ่งมีความสูงทั้งหมด 200 เมตร นับเป็นน้ำตกที่สูงที่สุดในเกาะชวา และสูงที่สุดเป็นอันดับ 2 ของอินโดนีเซียเลยทีเดียว ความพิเศษของน้ำตกแห่งนี้ก็คือลักษณะของผาหินที่มีแนวโค้งเข้าหากัน หากมองจากมุมหนึ่งจะดูเหมือนเป็นอุโมงค์น้ำตกที่มีแสงลอดผ่านเข้ามา ทำให้ทัศนียภาพตรงหน้าดูพิศวงและน่าอัศจรรย์ใจเป็นอย่างมาก

 

 

พิกัด : https://goo.gl/maps/iteLdEVcqWtfE4Qy6 

 

============

 

4. Lake Toba

ทะเลสาบโตบา

 

 

      ชมวิวสวยๆ ของ ทะเลสาบโตบา (Lake Toba) ทะเลสาบบนปากปล่องภูเขาไฟที่ใหญ่ที่สุดในโลก ตั้งอยู่ทางทิศเหนือของเกาะสุมาตรา เกิดจากการปะทุของภูเขาไฟครั้งใหญ่ หรือ ปรากฏการณ์ Supervolcano เมื่อประมาณ 69,000-77,000 ปีก่อน พื้นที่รอบๆ ทะเลสาบรายล้อมไปด้วยพื้นที่ราบ และภูเขาสูงอย่าง เกาะซาโมซีร์ (Samosir Island) รวมถึงป่าฝน และ ป่าสนเขาเขตร้อนเกาะสุมาตราอุดมไปด้วยพืชพันธุ์ที่หลากหลาย

อ่านรีวิวเต็มๆ ที่ เที่ยวอินโดนีเซีย ทะเลสาบโตบา ทะเลสาบบนปากปล่องภูเขาไฟยักษ์ ที่สุดในโลก

 

 

      ท่องเที่ยวไปรอบๆ ทะเลสาบ เราจะได้พบกับ น้ำตกซิปิโซ ปิโซ (Sipisopiso) กับทิวทัศน์ของสายน้ำสีขาวที่ไหลลงมาจากหน้าผาสูง 120 เมตร ซึ่งเป็นหนึ่งในน้ำตกที่สูงที่สุดในอินโดนีเซีย ปกคลุมไปด้วยป่าเขาสีเขียวขจี อีกทั้งยังมีโอกาสได้ไปสัมผัสวิถีชีวิตของชาวบ้านพื้นเมืองใน หมู่บ้านชาวบาตัก ที่สะท้อนให้เห็นถึงศิลปะ วัฒนธรรม และความเป็นอยู่ของชาวบาพักที่อาศัยอยู่บริเวณทะเลสาบโตบามาตั้งแต่ในอดีต

 

พิกัด : https://goo.gl/maps/9BBCEJsU5a56oRYt6 

============

 

5. Komodo National Park

อุทยานแห่งชาติโคโมโด

 

       อยากสัมผัสบรรยากาศทั้งภูเขาและทะเลแบบครบจบในที่เดียว ต้องไปที่ อุทยานแห่งชาติโคโมโด (Komodo National Park) 1 ใน 3 เกาะที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในอินโดนีเซีย อีกทั้งยังได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกจาก UNESCO เมื่อ ปี ค.ศ. 1991 อีกด้วย ที่นี่เป็นทั้งอยู่อาศัยตามธรรมชาติของ เจ้ามังกรโคโมโด รวมถึงเป็นแหล่งรวมธรรมชาติที่หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นทุ่งหญ้าสะวันนาปกคลุมตามทิวเขา ชายหาดสีขาว ชายหาดสีชมพูสวยแปลกตา และแนวปะการังรอบๆ เกาะ เหมาะกับการไปดำน้ำดูปะการัง และปีนเขาชมวิวสุดๆ

 

 

พิกัด : https://goo.gl/maps/sBUpBoBG6UFJ6BfB9 

============

 

6. Mount Batur

ภูเขาไฟบาตูร์

 

 

       ภูเขาไฟบาตูร์ (Mount Batur) พิกัดสายลุยยอดฮิตแห่ง บาหลี (Bali) ที่มีความสูง 1,717 เมตรจากระดับน้ำทะเล ภายในหลุมภูเขาไฟจะมีทะเลสาบรูปจันทร์เสี้ยวขนาดใหญ่ชื่อว่า ทะเลสาบบาตูร์ (Lake Batur) ที่เกิดจากการปะทุของภูเขาไฟบาตูร์เมื่อ 30,000 ปีก่อน บริเวณทะเลสาบและภูเขาไฟจะมี หมู่บ้านคินตามณี (Kintamani) หมู่บ้านเก่าแก่ที่อบอวลไปด้วยเสน่ห์ของวัฒนธรรมและธรรมชาติ

อ่านรีวิวเต็มๆ ที่ คินตามณี Kintamani ที่เที่ยวบาหลี หมู่บ้านโบราณ ชมวิวทะเลสาบ ภูเขาไฟบาตูร์ สุดอลัง

 

 

       กิจกรรมไฮไลท์ของการปีนขึ้นไปบนภูเขาไฟบาตูร์ก็คือ การชมอาทิตย์ขึ้นบนยอดภูเขาไฟ นั่นเองค่ะ ซึ่งการเดินทางขึ้นไปบนยอดนั้นไม่หมูเลย ต้องใช้เวลานานถึง 2 ชั่วโมง แต่เมื่อขึ้นไปถึง ได้ชมวิวสวยๆ ของแสงแรกของวัน รวมถึงทะเลหมอกที่คละเคล้าไปตามทิวเขาและหมู่บ้านด้านล่างก็นับว่าคุ้มค่าเหนื่อยจริงๆ ค่ะ

 

พิกัด : https://goo.gl/maps/JKZpuXhCSyQK7JDM7 

============

 

7. Sekumpul Waterfall

น้ำตกเซกุมปุล

 

 

      น้ำตกเซกุมปุล (Sekumpul Waterfall) น้ำตกสวยชื่อดังของบาหลีที่แอบซ่อนอยู่ในป่าลึก โดดเด่นด้วยสายน้ำที่หลั่งไหลลงมาจากผาน้ำตกหลายสาย คล้ายกับละอองฝนที่โปรยปราย รอบข้างรายล้อมไปด้วยธรรมชาติบริสุทธิ์ บรรยากาศสีเขียวขจี เพียงแค่ได้สูดอากาศสดชื่น และชมน้ำตกสวยๆ ก็รู้สึกเหมือนได้รับพลังงานดีๆ เลยค่ะ

 

พิกัด : https://goo.gl/maps/E6tn99A5boB8hPwa9 

============

 

8. Campuhan Ridge Walk

 

 

      Campuhan Ridge Walk เส้นทางยาว 2 กิโลเมตรในเมืองอุบุด (Ubud) ที่ตัดผ่านเนินเขาและทุ่งหญ้าสีเขียวขจี ล้อมรอบด้วยต้นไม้ใหญ่ บรรยากาศสุดสดชื่นและเงียบสงบ แม้จะต้องเดินขึ้นลงเนินบ้าง แต่เมื่อเทียบกับที่อื่นแล้ว นับว่าเป็นเส้นทางที่ค่อนข้างชิลเลยค่ะ เดินชมวิวเพลินๆ แถมยังถ่ายรูปสวยมากๆ ด้วย  📸

 

พิกัด : https://goo.gl/maps/SjhnKuvNF8PYxvxU7 

============

 

9. Kelingking Beach

หาดเคลิงคิง

 

 

      เปลี่ยนบรรยากาศมาทะเลกันบ้างค่ะ Kelingking Beach เกาะรูปทรงแปลกตาที่มีลักษณะคล้ายหัวไดโนเสาร์ยื่นออกไปยังท้องทะเล ด้านหน้าจะมีชายหาดสั้นๆ สีขาวสะอาดตาคู่ขนานไปกับน้ำทะเล ไฮไลท์ของที่นี่ก็คือการปีนขึ้นไปบนผา และถ่ายรูปกับหัวไดโนเสาร์พร้อมกับชมวิวสวยๆ  ส่วนชายหาดด้านล่างนั้น เราสามารถเดินลงบันไดเพื่อไปชมความงามของชายหาดได้ แต่ไม่เหมาะกับการเล่นน้ำเพราะคลื่นลมค่อนข้างแรง อาจทำให้เกิดอันตรายได้ค่ะ

 

พิกัด : https://goo.gl/maps/iYsNq6fem6dsZSe76 

============

 

10. Bunaken

บูนาเคน

 

 

      เอาใจนักดำน้ำตัวยงด้วยการพาไปที่ บูนาเคน (Bunaken) เกาะที่ตั้งอยู่ทางตอนเหนือของเกาะซูลาเวซี (Sulawesi) ที่มีระบบนิเวศทางธรรมชาติใต้ท้องทะเลที่อุดมสมบูรณ์ น้ำทะเลสีน้ำเงินใสสะอาด สามารถเห็นแนวปะการังและฝูงปลาได้จากผิวน้ำเลยทีเดียว ใต้ท้องทะเลเป็นแหล่งปะการังและที่อยู่อาศัยของปลาชนิดต่างๆ รวมแล้วกว่า 70 สายพันธุ์ ไม่ว่าจะเป็น ฉลามครีบขาว กระเบนราหู ฉลามหัวค้อน ช่วงเวลาที่สวยที่สุดของเกาะบูนาเคนก็คือช่วงเดือนเมษายน-เดือนพฤศจิกายนค่ะ

 

 

พิกัด : https://goo.gl/maps/tHJChLTNtdxBpQhPA 

============

 

11. Lombok Island

เกาะลอมบอก

 

 

      เกาะลอมบอก (Lombok Island) เกาะสวยที่มีเสน่ห์ไม่แพ้บาหลี เป็นแหล่งธรรมชาติที่หลากหลาย และอุดมสมบูรณ์ ไม่ว่าจะเป็น Tangsi Beach หรือ ชายหาดสีชมพู Sendang Gile Waterfall น้ำตกที่ใหญ่ที่สุดบนเกาะ และ ภูเขาไฟรินจานี (Mount Rinjani) ภูเขาไฟที่สูงที่สุดเป็นอันดับ 2 ของอินโดนีเซียที่มีความสูงถึง 3,726 เมตร ส่วนทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือของเกาะจะเป็นที่ตั้งของ หมู่เกาะกีลี (Gili Islands) ที่เป็นแหล่งดำน้ำสำรวจโลกใต้ท้องทะเลที่มีชื่อเสียงแห่งหนึ่ง ส่วนบนเกาะเองก็เป็นทั้งแหล่งที่พัก ร้านอาหาร และคาเฟ่ด้วยเช่นกัน

 

 

พิกัด : https://goo.gl/maps/bBN1my4DWeAfzc2M6 

============

 

12. Raja Ampat Islands

หมู่เกาะราชาอัมพัต

 

 

      ปิดท้ายด้วย หมู่เกาะราชาอัมพัต (Raja Ampat Islands) หนึ่งใน 10 จุดดำน้ำที่ดีที่สุดในโลก ที่มาพร้อมกับเกาะน้อยใหญ่มากมาย โดยมี เกาะมิซูล (Misool) เกาะซาลาวาติ (Salawati) เกาะบาตันตา (Batanta) และ เกาะไวเกียว (Waigeo) เป็น 4 เกาะหลักแห่งหมู่เกาะ แต่ละเกาะก็จะมีเสน่ห์ที่แตกต่างกันออกไป เนื่องจากเป็นเขตอนุรักษ์พันธุ์สัตว์น้ำของประเทศอินโดนีเซีย จึงทำให้ที่นี่มี สามเหลี่ยมปะการัง ที่อุดมสมบูรณ์และงดงามงามที่สุด รวมถึงเป็นแหล่งของปะการังมากกว่า 500 ชนิด และปลาทะเลอีกกว่า 1,300 สายพันธุ์ เรียกว่าเป็นสวรรค์ของนักดำน้ำดีๆ นี่เองค่ะ

 

 

พิกัด : https://goo.gl/maps/WuEqB7YxxQepyvfY6