12 ที่เที่ยวจอร์เจีย ถ่ายรูปสวย ดินแดนแห่งขุนเขา อลังการยิ่งกว่าภาพวาด
วันนี้เราขอชวนทุกคนไปเยือน 12 ที่เที่ยวจอร์เจีย ดินแดนแห่งขุนเขาระหว่าง เอเชีย และ ยุโรป ที่กำลังมาแรงสุดๆ เพราะนอกจากค่าครองชีพไม่สูง และฟรีวีซ่าสำหรับคนไทยแล้ว บ้านเมืองของเขายังสผานกลิ่นอายวัฒนธรรมแบบยุโรปและโซเวียตเข้าด้วยกันอย่างลงตัว แถมยังมีทิวทัศน์ที่งดงามชวนฝัน สวยแบบไม่มีอะไรมากั้นเลยขอบอก~
รวมพิกัด ที่เที่ยวจอร์เจีย สวยๆ ที่ไม่ควรพลาด
รับส่วนลดเปิดโรมมิ่งได้ที่นี่
1. The Chronicle of Georgia
อนุสาวรีย์ประวัติศาสตร์จอร์เจีย
ทบิลิซี (Tbilisi) เมืองหลวงของจอร์เจียที่สะท้อนถึงวัฒนธรรมโบราณตลอดมาจนถึงปัจจุบันผ่านรูปแบบสถาปัตยกรรมของแต่ละยุคสมัย สำหรับพิกัดแรก เราขอพาไปเช็กอิน อนุสาวรีย์ประวัติศาสตร์จอร์เจีย (The Chronicle of Georgia) ที่ตั้งอยู่บนเนินเขาสูง สร้างขึ้นเมื่อปี ค.ศ. 1985 โดย Zurab Tsereteli สถาปนิกชื่อดัง เป็นแท่งหินสีดำขนาดใหญ่ 16 ต้น แต่ละต้นสูง 35 เมตร แกะสลักเป็นลวดลายต่างๆ ที่บอกเล่าเรื่องราวในประวัติศาสตร์ โดยแบ่งออกเป็น 3 ส่วน ส่วนล่างสุดเป็นเรื่องราวของพระคัมภีร์ศาสนาคริสต์ ส่วนกลางเป็นเรื่องราวของข้าราชการชนชั้นสูงในประเทศ และชั้นบนสุดบอกเล่าถึงเหตุการณ์สำคัญของจอร์เจียค่ะ
===============
2. Rezo Gabriadze Theatre
โรงละครเรโซกาเบรียลเซ
ย่านเมืองเก่าของทบิลิซีเป็นหนึ่งในย่านที่มีเสน่ห์ที่สุด เนื่องจากเป็นศูนย์รวมอาคาร และโบสถ์สถาปัตยกรรมเก่าแก่มากมาย โรงละครเรโซกาเบรียลเซ (Rezo Gabriadze Theatre) หนึ่งในอาคารที่มีรูปแบบสถาปัตยกรรมเป็นเอกลักษณ์ไม่เหมือนใคร สร้างขึ้นเมื่อปี ค.ศ. 1981 โดดเด่นด้วย หอนาฬิกา ที่มีรูปทรงบิดเบี้ยว และมีรูปปั้นนางฟ้าโผล่ออกมาทักทายผู้คนทุกๆ หนึ่งชั่วโมงยามที่เข็มนาฬิกาเดินถึงเลข XII (12) เป็นอาคารที่มีสีสันฉูดฉาด และดูน่ารักคล้ายสุดออกมาจากนิทานเลยทีเดียว
===============
3. Bridge of Peace
สะพานแห่งสันติภาพ
สะพานแห่งสันติภาพ (Bridge of Peace) หนึ่งในแลนด์มาร์คสุดล้ำทันสมัยที่สร้างขึ้นเมื่อปี 2010 โดย Michele De Lucchi สถาปนิกชาวอิตาเลียน เป็นสะพานที่เชื่อมต่อระหว่างเขตเมืองเก่าและเขตเมืองใหม่เข้าด้วยกัน ซึ่งสร้างด้วยเหล็กและกระจกใส รูปร่างโค้งคล้าคันศร ยาว 150 เมตร ประดับด้วยไฟ LED ตลอดทาง ทำให้ส่องแสงสวยงามในยามค่ำคืน
===============
4. Caucasus
เทือกเขาคอซัส
เทือกเขาคอเคซัส (Caucasus) จุดหมายปลายทางของคนรักธรรมชาติ และนักปีนเขา เนื่องจากเป็นที่ตั้งของ ยอดเขาแอลบรุส (Mount Elbrus) ยอดเขาที่ขึ้นชื่อว่าสูงที่สุดในทวีปยุโรป โดยมีความสูงทั้งหมด 5,621 เมตรจากระดับน้ำทะเล อีกทั้งยังเป็นเทือกเขาที่แบ่งทวีปยุโรป และเอเชียจากกันด้วย ครอบคลุมพื้นที่ทั้งหมด 4 ประเทศ ได้แก่ รัสเซีย จอร์เจีย อาร์เมเนีย และอาร์เซอร์ไบจาน ซึ่งในเขตของจอร์เจียนั้น ก็มีหมู่บ้านมากมายมาตั้งถิ่นฐานอยู่อาศัยในบริเวณเทือกเขาคอร์เคซัสค่ะ
===============
5. Gergeti Trinity Church
โบสถ์เกอเกติ
สัญลักษณ์ของจอร์เจีย ใครๆ ก็ต้องนึกถึง โบสถ์เกอเกติ (Gergeti Trinity Church) โบสถ์คริสต์นิกายจอร์เจียนออร์โธด็อกซ์ที่สร้างขึ้นเมื่อศตวรรษที่ 14 ด้วยหินแกรนิตขนาดใหญ่ ท่ามกลางทิวทัศน์สุดอลังการของ ภูเขาคาซเบกิ (Kazbegi) ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของเทือกเขาคอเคซัส ทอดตัวเรียงยาวสุดลูกหูลูกตาเป็นฉากหลัง งดงามไม่รู้ลืม
อ่านรีวิวเต็มๆ ที่ Gergeti Trinity Church ที่เที่ยวจอร์เจีย โบสถ์สวย กลางเทือกเขาคอเคซัส
===============
6. Juta
หมู่บ้านจูทา
หมู่บ้านจูทา (Juta) หมู่บ้านเล็กๆ ทางตอนเหนือของทบิลิซี ตั้งอยู่บนความสูงประมาณ 2,000 เมตร จากระดับน้ำทะเล ในเขตอุทยานแห่งชาติ Kazbegi National Park ใกล้กับบริเวณชายแดนระหว่างจอร์เจีย และรัสเซีย ที่นี่เป็นหนึ่งในหมู่บ้านที่ตั้งอยู่บนจุดที่สูงที่สุดในยุโรป แม้จะมีผู้คนอาศัยอยู่ไม่มาก แต่กลับมีทัศนียภาพที่งดงามราวกับภาพวาด ประกอบไปด้วยความยิ่งใหญ่ของขุนเขา สายน้ำ ทุ่งหญ้า และทุ่งดอกไม้ ไม่แปลกใจเลยหากที่นี่จะเป็นหนึ่งในหมู่บ้านที่สวยที่สุดในโลก
อ่านรีวิวเต็มๆ ที่ หมู่บ้านจูทา ที่เที่ยวจอร์เจีย ดินแดนแห่ง เทือกเขาคอเคซัส สวยติดอันดับโลก
===============
7. Ushguli
หมู่บ้านอุชกูลลี่
อุชกูลลี่ (Ushgul) หมู่บ้านอีกแห่งหนึ่งที่ตั้งอยู่บนจุดในยุโรป บนที่ราบเชิงเขา Shkhara ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของเทือกเขาคอเคซัส มีความสูงกว่าระดับน้ำทะเลประมาณ 2,100 เมตร ภายในหมู่บ้านเต็มไปด้วยสิ่งงก่อสร้างเก่าแก่ที่อนุรักษ์มาอย่างยาวนาน รายล้อมไปด้วยธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์ และสวยงาม ทำให้ที่นี่ได้รับการขึ้นทะเบียนให้เป็นมรดกโลกโดย UNESCO เมื่อปี ค.ศ. 1996 ค่ะ
อ่านรีวิวเต็มๆ ที่ Ushguli ที่เที่ยวจอร์เจีย หมู่บ้าน มรดกโลก บนจุดสูงสุดของยุโรป
===============
8. Lake Sevan
ทะเลสาบเซวาน
ทะเลสาบเซวาน (Lake Sevan) ทะเลสาบน้ำจืดขนาดใหญ่ที่ล้อมรอบด้วย แม่น้ำฮราซดาน และ แม่น้ำมาสริค รวมถึงทิวทัศน์ของขุนเขา โดดเด่นด้วย Sevanavank Monastery โบสถ์เก่าแก่ที่สร้างขึ้นตั้งแต่ศตวรรษที่ 9 ตั้งอยู่บริเวณริมฝั่งทะเลสาบ ทำให้ที่นี่เป็นแหล่งพักผ่อนกลางธรรมชาติที่สวยน่าทึ่งอีกแห่งหนึ่งที่สายเที่ยวธรรมชาติไม่ควรพลาด
===============
9. Jvari Monastery
วิหารจวารี
วิหารจวารี (Jvari Monastery) โบสถ์เก่าแก่ของศานาคริสต์นิกายออร์โธด็อกซ์ที่สร้างขึ้นเมื่อศตวรรษที่ 6 ตั้งอยู่บริเวณจุดตัดระหว่าง แม่น้ำอักราวิ และ แม่น้ำมิกวาริ ใกล้กับ เมืองมิชเคทา (Mtskheta) ทางทิศตะวันออกของจอร์เจีย รายล้อมไปด้วยทิวทัศน์ที่สวยงามของขุนเขา แม่น้ำ และบ้านเมือง
===============
10. Svetitskhoveli Cathedral
วิหารสเวติสเคอเวรี
วิหารสเวติสเคอเวรี (Svetitskhoveli Cathedral) โบสถ์เก่าแก่ของศาสนาคริสต์นิกายออร์โธด็อกซ์ที่มีความสำคัญเป็นอย่างมากภายในเมืองมิชเคทา สร้างขึ้นในช่วงศตวรรษที่ 11 ด้วยสถาปัตยกรรมแบบจอร์เจียนดั้งเดิม และได้รับการอนุรักษ์เป็นอย่างดีจนได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกค่ะ
===============
11. Vardzia
หลังจากที่ชมโบสถ์สวยๆ ไปหลายแห่งแล้ว คราวนี้เราขอพาไปทำความรู้จักกับ Vardzia อารามถ้ำที่ขุดเจาะเข้าไปในผาหิน ใกล้ๆ กับ เมือง Aspindza ทางตอนใต้ของจอร์เจีย สร้างขึ้นในช่วงศตวรรษที่ 12 ในสมัยสมเด็จพระราชินีนาถทามาร์มหาราชินีแห่งจอร์เจีย (Tamar of Georgia) ในอดีตเคยเป็นสถานที่ลับ แต่กลับถูกค้นพบหลังจากเหตุการณ์แผ่นดินไหว และแม้จะถูกทำลายไปบางส่วน แต่ก็ยังสามารถคงสภาพที่ค่อนข้างสมบูรณ์เอาไว้อยู่ และถูกจัดในเป็นหนึ่งในมรดกโลก โดยเปิดเป็นสถานที่ท่องเที่ยวให้ผู้คนได้เข้าชมด้านในได้ค่ะ
===============
12. Batumi
เมืองบาทูมิ
เมืองบาทูมิ (Batumi) เป็นเมืองที่ใหญ่เป็นอันดับ 2 ของจอร์เจีย ที่ขึ้นชื่อว่าเป็นเมืองท่า และเมืองรีสอร์ทพักตากอากาศริมทะเลดำ (Black Sea) อีกทั้งยังมีความทันสมัยมากที่สุดในจอร์เจียด้วย เต็มไปด้วยตึกอาคารสมัยใหม่ที่อยู่ร่วมกันกับตึกอคารสถาปัตยกรรมแบบดั้งเดิมอย่างลงตัว สะท้อนกลิ่นอายแบบตะวันตกและเอเชีย ที่สร้างสรรค์ออกมาอย่างวิจิตรอลังการ เป็นเมืองที่มีสีสันทั้งยามกลางวัน และยามค่ำคืนค่ะ