รีเซต

ประวัติจังหวัดยโสธร ดินแดนเก่าแก่ แดนอีสาน เมืองบั้งไฟ

ประวัติจังหวัดยโสธร ดินแดนเก่าแก่ แดนอีสาน เมืองบั้งไฟ
nukkpidet
20 พฤศจิกายน 2566 ( 10:00 )
489

     อีกสถานที่ท่องเที่ยวของ ภาคอีสาน ที่เป็นเมืองรอง แต่นับว่ามีความสวยงามทั้งในเรื่องของวัฒนธรรม ที่มีมาอย่างยาวนาน แต่ๆ ก่อนที่เราจะไปเที่ยวกันนั้น ลองมาดู ประวัติความเป็นมาของ ยโสธร กันก่อนดีกว่า บอกเลยว่ามีไม่น้อยกว่าร้อยปีเลยทีเดียวน้า ใครชอบเที่ยวอีสาน มาเจาะลึกประวัติกันเลยค่า

 

 

เปิดประวัติ จังหวัดยโสธร เมืองเก่าแก่ ริมฝั่งแม่น้ำชี

 

ที่มา จังหวัดยโสธร

     จังหวัดยโสธร นั้นถือได้ว่าเป็นดินแดนอันอุดมสมบูรณ์ริมฝั่งแม่น้ำชีเลยค่ะ โดยเรียกกันว่าเป็น เมืองบั้งไฟ ดินแดนที่มีอดีตอันล้ำค่า และอยู่มานานกว่า 200 ปี ซึ่งในอดีตนั้นจะเกี่ยวกับ เมืองหนองบัวลุมภูนคร เขื่อนขัณฑ์กาบแก้ว บัวบาน และเกี่ยวพันกับเมืองอุบลฯ ด้วยค่ะ และในพื้นที่ยังพบร่องรอยการตั้งถิ่นฐานของมนุษย์จากยุคประวัติศาสตร์มากมาย และในปี พ.ศ.2314 พระเจ้าตา เจ้าพระวอ เสนาบดีเก่านครเวียงจันทน์ ได้อพยพครอบครัวและบริวาร หนีมาเพื่อตั้งรกรากใหม่ โดยมีการใช้ชื่อเมืองใหม่ว่า เมืองหนองบัวลุมภู และก็ยังได้มีการอพยพไปในสถานที่ต่างๆ อีกมากมาย

 

 

     จนมาในปี พ.ศ. 2357 พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ยกบ้านสิงห์ท่าขึ้นเป็นเมือง และพระราชทานนามว่า เมืองยศสุนทร โดยให้เจ้าราชวงศ์สิงห์เป็นเจ้าครองเมืองมีราชทินนามว่า พระสุนทรราชวงศา เป็นเจ้าเมืองคนแรกของเมืองยโสธร ซึ่งคำว่า ยศสุนทร นั้น ต่อมาได้กลายเป็น ยะโสธร มีความหมาย ว่า ทรงไว้ซึ่งยศ 

 

     แต่ปกติการเขียนหรือการเรียกสั้นๆ ว่า ยะโส ไม่ไพเราะหูและไม่เป็นมงคลนาม ร.ต.ท.พวง ศรีบุญลือ นายอำเภอยะโสธรในช่วงนั้น เลยได้มีการหนังสือขอให้เขียนชื่อเสียใหม่เป็น ยโสธร และได้รับอนุญาตจากกระทรวงมหาดไทย โดยความเห็นชอบของราชบัณฑิตยสถานให้เปลี่ยนได้ และใช้มาจนในปัจจุบันนี้นั่นเองค่ะ 

 

WIPAWEE SARATA / Shutterstock.com

 

     ในสมัยรัชกาลที่ 5 ก็ได้มีการจัดรูปการปกครองใหม่ ซึ่งเมืองยโสธรนั้นก็มีการรวมเข้าอยู่ในหัวเมืองฝ่ายตะวันออกเฉียงเหนือ  มีข้าหลวงตั้งกองว่าราชการอยู่ที่เมืองอุบล ประกอบด้วยหัวเมือง 12 หัวเมือง คือ อุบลราชธานี กาฬสินธุ์ สุวรรณภูมิ มหาสารคาม ร้อยเอ็ด ภูแล่นช้าง กมลาไสย เขมราฐ นองสองคอนดอนดง ยโสธร และศรีสะเกษ ซึ่งขึ้นตรงต่อกรุงเทพฯ

 

     และในปี พ.ศ. 2443 ได้มีการยุบเลิกมณฑลอีสาน ทำให้เมืองยโสธรนั้นได้รวมเข้ากับเมืองอุบล โดยแยกออกเป็น 2 อำเภอ คือ อำเภออุทัยยโสธร (อำเภอคำเขื่อนแก้ว) และ อำเภอประจิมยโสธร (อำเภอยโสธร) ต่อมาในปี พ.ศ. 2456 ได้เปลี่ยนชื่ออำเภออุทัยยโสธร เป็นอำเภอคำเขื่อนแก้ว เปลี่ยนชื่ออำเภอปจิมยโสธร เป็นอำเภอยโสธร ทำให้เมืองยโสธรลดฐานะจากเมืองมาเป็นอำเภอ

 

 

     จนช่วงปี พ.ศ. 2494 กระทรวงมหาดไทยได้ริเริ่มขอตั้งอำเภอยโสธรขึ้นเป็นจังหวัด และวันที่ 6 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2515 ได้มีประกาศคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 70 ตั้งอำเภอยโสธรขึ้นเป็น จังหวัดยโสธร มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 มีนาคม พ.ศ.2515 โดยแยกอำเภอยโสธร อำเภอกุดชุม อำเภอเลิงนกทา อำเภอคำเขื่อนแก้ว อำเภอมหาชนะชัย อำเภอป่าติ้ว และ ของจังหวัดอุบลราชธานี รวมกันเป็นจังหวัดยโสธร จังหวัดที่ 71 ของประเทศไทยค่ะ

 

ตราประจำจังหวัดยโสธร

     ตราประจำจังหวัดยโสธร เป็นรูปของ พระธาติอานนท์ ปูชนียสถานสำคัญของจังหวัดยโสธร ขนาบด้วยรูปสิงห์ 2 ตัว ด้านล่างของภาพดังกล่าวรองรับด้วยรูปดอกบัวบาน เป็นการแสดงถึงการที่จังหวัดยโสธรแยกออกมาจากจังหวัดอุบลราชธานีนั่นเองค่ะ

 

 

คำขวัญประจำจังหวัดยโสธร

“ เมืองบั้งไฟโก้ แตงโมหวาน หมอนขวานผ้าขิต แหล่งผลิตข้าวหอมมะลิ ”

 

สถานที่ท่องเที่ยว ใน ยโสธร

     ยโสธร เมืองที่ขึ้นชื่อได้ว่าเป็น เมืองพญาแถน ดินแดนบั้งไฟ แห่ง ภาคอีสาน เต็มไปด้วยเสน่ห์ของชุมชนเก่าแก่ที่น่าสนใจมากมาย จนกลายมาเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจ ไม่ว่าจะเป็น พิพิธภัณฑ์พญาคันคาก ย่านเมืองเก่าบ้านสิงห์ท่า โบสถ์คริสบ้านซ่งแย้ พระธาตุก่องข้าวน้อย วัดพระพุทธบาทยโสธร เป็นต้น หรือแม้กระทั่ง ศาลเจ้าพ่อหลักเมืองยโสธร เองก็มีความโดดเด่นไม่เหมือนใครค่ะ

 

อ้างอิง https://yasothon.treasury.go.th , https://www.yasothonlocal.go.th