รีเซต

12 ที่เที่ยวโรม อิตาลี เสน่ห์อารยธรรมตะวันตก เที่ยวชิลตลอดปี

12 ที่เที่ยวโรม อิตาลี เสน่ห์อารยธรรมตะวันตก เที่ยวชิลตลอดปี
SummerB
3 กันยายน 2565 ( 10:00 )
17.1K

       กรุงโรม ที่เที่ยวอิตาลี เมืองที่ใครหลายคนใฝ่ฝันถึง เพราะนอกจากจะเป็นเมืองหลวงและเมืองที่ใหญ่ที่สุดใน อิตาลี แล้ว ยังเป็นศูนย์รวมของศิลปะและสถาปัตยกรรมที่สะท้อนถึงประวัติศาสตร์อันยิ่งใหญ่กว่า 2,700 ปี ตั้งแต่สมัย อาณาจักรโรมัน ซึ่งเป็นรากฐานของอารยธรรมตะวันตกในหลายๆ แง่มุมอีกด้วย จะมีที่ไหนน่าสนใจบ้าง ตามเราไปเช็คอิน 12 ที่เที่ยวโรม อิตาลี ด้วยกันเลยค่ะ

 

ปักหมุด ที่เที่ยวโรม อิตาลี

ตามรอยประวัติศาสตร์ และศิลปะ

 

1. The Colosseum

โคลอสเซียม

 

 

      โคลอสเซียม (Colosseum) สิ่งก่อสร้างสุดอลังการที่แสดงให้เห็นถึงความยิ่งใหญ่ของอาณาจักรโรมันในอดีต สร้างขึ้นเมื่อปี ค.ศ. 72 โดยจักรพรรดิเวสปาเซียน (Vespasian AD 69-79) โดยใช้เวลาทั้งหมด 8 ปีถึงจะสร้างจนแล้วเสร็จ กลายเป็นสนามกีฬากลางแจ้งขนาดใหญ่มหึมาที่สามารถจุได้ถึง 50,000 คน น่าเศร้าที่ในสมัยก่อนนั้นใช้เพื่อเป็นสถานที่ประลองของเหล่า กลาดิเอเตอร์ รวมถึงการปะลองกับสัตว์ดุร้าย และการประลองของนักโทษที่ต่อสู้เพื่อแลกกับอิสระภาพและเกียรติยศ แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าโคลอสเซียมเองก็เป็นหนึ่งในสัญลักษณ์ของความแข็งแกร่งของอาณาจักรโรมัน และไม่น่าเชื่อว่าจะมีการก่อสร้างสนามกีฬาที่ใหญ่ขนาดนี้เมื่อพันกว่าปีก่อนได้ จึงไม่แปลกใจเลยว่าทำไมโคลอสเซียมจึงได้รับการยกย่องให้เป็นหนึ่งใน 7 สิ่งมหัศจรรย์ของโลก

อ่านรีวิวเต็มๆ ที่ เปิดประวัติ โคลอสเซียม Colosseum อิตาลี สิ่งก่อสร้างสุดมหัศจรรย์แห่งโรมัน

 

โคลอสเซียม ที่เที่ยวโรม อิตาลี

 

พิกัด : https://goo.gl/maps/sw3NNFn3NKUJAJsDA 

=============

 

2. Roman Forum

จัตุรัสโรมัน

 

 

      จัตุรัสโรมัน (Roman Forum) ศูนย์รวมความรุ่งเรืองทางด้านเศรษฐกิจ การค้า การเมือง และศาสนาในยุครุ่งเรืองของอาณาจักรโรมัน เป็นที่ตั้งของสิ่งก่อสร้างต่างๆ ได้แก่ โบสท์แซทเทิร์น (Temple of Saturn), บ้านแห่งเวสทอล (House of the Vestals), เทวสถานแห่งอันโตนินัสและฟาอัสติ (Temple of Antoninus & Faustina), ซุ้มประตูแห่งติตุส (The Arch of Titus) ตั้งอยู่ระหว่างเนิน เนินพาเลติเน (Palatine hill) และ เนินแคปิโตลิเน (Capitoline hill) ที่สำคัญยังมี ซุ้มประตูหินอ่อนแห่งเซปติมุส เซเวรุส (Arch of Septimius Severus) สร้างเมื่อปี ค.ศ. 203 เพื่อแสดงถึงชัยชนะจากการรบของจักรพรรดิที่มีต่อชาวปาร์เธียนด้วยค่ะ

พิกัด : https://goo.gl/maps/E1gq62r9fzZByF6A8 

=============

 

3. Trevi Fountain

น้ำพุเทรวี

 

 

       น้ำพุชื่อดังของกรุงโรม จะเป็นที่อื่นไปไม่ได้เลยนอกจาก น้ำพุเทรวี (Trevi Fountain) น้ำพุศิลปะบาโรกสุดอลังการที่มีความสูงถึง 30 เมตร บริเวณด้านหลัง พระราชวัง Palazzo Poli เดิมน้ำพุแห่งนี้ออกแบบโดย จีอัน โลเรนโซ เบอร์นีนี (Gian Lorenzo Bernini) ประติมากรและสถาปนิกชาวอิตาเลียนที่มีชื่อเสียงมากที่สุดท่านหนึ่งในยุคบาโรก แต่เนื่องจากดีไซน์นี้จำเป็นต้องใช้ทุนสร้างอย่างมหาศาล จึงได้มีการออกแบบขึ้นใหม่โดย นิโคลา ซัลวี (Nicola Salvi) สถาปนิกชาวอิตาเลียนอีกท่านหนึ่ง ก่อนจะเริ่มการก่อสร้างอย่างเป็นทางการเมื่อปี ค.ศ. 1732 ถึง 1762 นอกจากความงดงามอันน่าทึ่งแล้ว ยังมีความเชื่อด้วยว่าหากโยนเหรียญข้ามไหล่ซ้ายลงไปยังใต้น้ำพุจะสามารถกลับมายังกรุงโรมได้อีกครั้งค่ะ

 

พิกัด : https://goo.gl/maps/iDMbjXmVcemaCNPr6 

=============

 

4. Pantheon

วิหารแพนธีออน

 

Heracles Kritikos / Shutterstock.com

 

         วิหารแพนธีออน (Pantheon) เทวสถานศักดิ์สิทธิ์แห่งกรุงโรมที่เริ่มสร้างขึ้นในช่วง 27-25 ปีก่อนคริสต์ศักราชก่อนจะมีการสร้างขึ้นใหม่ในยุค จักรพรรดิฮาเดรียน เมื่อปี ค.ศ. 126 เพื่อเป็นเทวสถานบูชาเทพเจ้าแห่งกรีก-โรมันทั้ง 7 แห่งดาวในระบบสุริยะ ได้แก่ พระอาทิตย์ (Apollo) พระจันทร์ (Diana) อังคาร (Mars)  พุธ (Mercury) พฤหัส (Jupiter) ศุกร์ (Venus)และเสาร์ (Saturn) นับเป็นเรื่องแปลกใหม่ในสมัยนั้นเป็นอย่างมาก เนื่องจากวิหารกรีก-โรมันส่วนใหญ่มักจะสร้างขึ้นเพื่อบูชาเทพเจ้าเพียงองค์เดียวเท่านั้น แต่วิหารแพนธีออนกลับสร้างขึ้นเพื่อบูชาเทพเจ้าทุกพระองค์ จึงกลายเป็นที่มาของชื่อ แพนธีออน (Pantheon Πάνθεον) ในภาษากรีก แปลว่า “เกียรติศักดิ์แห่งทวยเทพ” นั่นเองค่ะ แต่ผ่านไปประมาณ 500 ปี วิหารแพนธีออนก็ได้เปลี่ยนให้กลายเป็นโบสถ์คริสต์เมื่อปี ค.ศ. 609 

อ่านรีวิวเต็มๆ ที่ วิหารแพนธีออน Pantheon ที่เที่ยว อิตาลี วิหารโบราณแห่ง กรุงโรม

 

 

      ไฮไลท์ของวิหารแพนธีออนที่พลาดไม่ได้เลยก็คือ ช่องวงกลม (Oculus) หรือที่เรียกว่า “ช่องตา” ซึ่งเป็นช่องแสงบริเวณกลางโดม มีเส้นผ่าศูนย์กลางอยู่ที่ 43.30 เมตร เชื่อกันว่าเป็นดวงตาสวรรค์ที่เอาไว้เชื่อมโยงระหว่างเทพเจ้าและมนุษย์ แต่ถ้าอิงตามทฏษฎีวิทยาศาสตร์ก็สันนิษฐานว่า Oculus อาจมีหน้าที่เป็นนาฬิกาจากแสงอาทิตย์ เพื่อให้แสงอาทิตย์อาบส่องลงมาที่ตังกษัตริย์เวลาประกอบพิธีต่างๆ ก็เป็นได้ อีกทั้งยังมีวัสดุที่ค่อนข้างเบา แต่มีความคงทนแข็งแรงมาจนถึงปัจจุบัน นับเป็นการก่อสร้างชิ้นเอกของยุคนั้นเลยทีเดียว

 

พิกัด : https://goo.gl/maps/cLf1QawgtbhmvUrRA 

=============

 

5. St. Peter's Basilica

มหาวิหารเซนต์ปีเตอร์

 

 

      เดินทางมาเที่ยวใน นครรัฐวาติกัน (Vatican City) กันบ้าง ก่อนอื่นเลย เราขอพาไปชมความวิจิตรตระการตาของ มหาวิหารเซนต์ปีเตอร์ (St. Peter's Basilica) กันก่อนค่ะ โบสถ์หลังเดิมสร้างขึ้นเมื่อศตวรรษที่ 4 และหลังที่เห็นในปัจจุบันนั้นสร้างขึ้นระหว่างปี ค.ศ. 1506 – 1626 รวมทั้งหมดก็ประมาณ 120 ปีเลยทีเดียวค่ะ เป็นการรวมผลงานของสุดยอดศิลปิน ประติมากร และสถาปนิกยุคยุคเรอเนสซองส์และบาโรก อย่าง ไมเคิลแองเจโล (Michelangelo) โดนาโต บรามันเต (Donato Bramante) ราฟาเอล (Raphel) และ จีอัน โลเรนโซ เบอร์นีนี (Gian Lorenzo Bernini) ทำให้สถาปัตยกรรมภายในมหาวิหารนั้นมีการผสมผสานของศิลปะยุคเรอเนสซองส์และบาโรกเข้าด้วยกันอย่างลงตัว ที่สำคัญคือเข้าชมฟรีด้วยนะ ถ้าพลาดไปคงน่าเสียดายแย่เลย

อ่านรีวิวเต็มๆ ที่ 11 โบสถ์สวย ทั่วโลก ศิลปะจากทุกยุคสมัย อลังการจนแทบลืมหายใจ !

 

 

พิกัด : https://goo.gl/maps/HM8jYJVJATMomjpG7 

=============

 

6. Sistine Chapel

โบสถ์น้อยซิสทีน

 

Krikkiat / Shutterstock.com

 

       ชมจิตรกรรมฝาผนังและเพดานโบสถ์สุดวิจิตรงดงามภายใน โบสถ์น้อยซิสติน (Sistine Chapel) สถานที่คัดเลือกพระสันตะปาปาองค์ใหม่ เป็นผลงานที่วาดขึ้นโดย ไมเคิลแองเจโล ที่บอกเล่าเรื่องราวของการสร้างโลก รวมไปถึง การพิพากษาครั้งสุดท้าย (The Last Judgement) ซึ่งเป็นหนึ่งในผลงานชิ้นเอกของเขา ถ้ามาถึงนครวาติกันแล้วไม่ได้เข้ามาชมภาพจิตรกรรมฝาผนังในโบสถ์น้อยซิสทีนถือว่าพลาดจริงๆ ค่ะ 

 

พิกัด : https://goo.gl/maps/8rxS24C9EaTBqXJY9 

=============

 

7. Castel Sant’Angelo

ปราสาทซันตันเจโล

 

Westermak / Shutterstock.com

 

      ปราสาทซันตันเจโล (Castel Sant'Angelo) ตั้งอยู่ริม แม่น้ำไทเบอร์ (River Tiber) โดยมีสะพานเชื่อมระหว่างปราสาทกับวิหารเซนต์ปีเตอร์ ปราสาทแห่งนี้สร้างขึ้นในช่วงศตวรรษที่ 2 โดยจักรพรรดิเฮเดรียน เดิมเป็นป้อมปราการ และสุสานของกษัตริย์ในยุคโบราณ แต่ปัจจุบันก็ได้มีการปรับปรุงให้กลายเป็น พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติปราสาทซันตันเจโล (Museo Nazionale di Castel Sant'Angelo) ที่จัดแสดงโบราณวัตถุเก่าแก่ของกรุงโรม ไม่ว่าจะเป็น ชุดเกราะโบราณ เหรียญ เครื่องปั้นดินเผา เฟอร์นิเจอร์ และข้าวของเครื่องใช้ต่างๆ ให้นักท่องเที่ยวได้ชมกัน

 

พิกัด : https://goo.gl/maps/WkBaZ1eB4xac7ySf8 

=============

 

8. Piazza Navona

จัตุรัสนาโวนา

 

 

       เปลี่ยนบรรยากาศมาพักผ่อนที่ จัตุรัสนาโวนา (Piazza Navona) จัตุรัสชื่อดังของกรุงโรมที่สร้างขึ้นครั้งแรกในสมัยศตวรรณที่ 8 ก่อนจะมีการปรับปรุงครั้งใหญ่เมื่อศตวรรษที่ 17 โดยเบอร์นินี ตามพระราชประสงค์ของสมเด็จพระสันตะปาปาอินโนเซนต์ที่ 10 ทำให้จัตุรัสแห่งนี้มีความสวยงาม ตกแต่งด้วยงานประติมากรรม และเสาโอเบลิกส์ที่ตั้งอยู่กลางน้ำพุ นอกจากนี้ยังเป็นแหล่งรวมร้านค้า ร้านอาหาร แถมยังมีผู้คนมาทำการแสดงเปิดหมวก สร้างสีสันให้กับจัตุรัสแห่งนี้ได้เป็นอย่างดีค่ะ

 

พิกัด : https://goo.gl/maps/vpEwXPaZZ4Y7qFARA 

=============

 

9. ย่าน Trastevere

 

Nicola Forenza / Shutterstock.com

 

       ย่าน Trastevere เป็นย่านเก่าเต็มไปด้วยอาคารสมัยยุคกลางสุดคลาสสิก ตั้งอยู่ทางทิศใต้จากนครรัฐวาติกัน ริมแม่น้ำไทเบอร์ มีร้านอาหารมากมายให้เลือกสรร บรรยากาศสุดวินเทจคล้ายได้ย้อนเวลากลับไปยังกรุงโรมในอดีต ยิ่งถ้าได้มานั่งทานอาหารชิลๆ ในยามค่ำคืนคงเป็นอะไรที่โรแมนติกน่าดู

 

พิกัด : https://goo.gl/maps/TPtQSA9z41MTSva39 

=============

 

10. Basilica Papale di Santa Maria Maggiore

มหาวิหารซันตามาเรียมัจโจเร

 

 

     มหาวิหารซันตามาเรียมัจโจเร (Basilica Papale di Santa Maria Maggiore) หนึ่งในสี่มหาวิหารเอกของโรมันแคทอลิก สร้างขึ้นเมื่อปี ค.ศ. 432 ที่โดดเด่นด้วยการผสมผสานสถาปัตยกรรมสไตล์โรมันและบาโรกเข้าด้วยกัน โดยมีหอระฆังสูง 75 เมตร ซึ่งเป็นหอระฆังที่สูงที่สุดในช่วงศตวรรษที่ 14 ส่วนสถาปัตยกรรมภายในมหาวิหารนั้นตกแต่งด้วยกระเบื้องสีโมเสก เสาหินอ่อน และลวดลายสีทอง มีความวิจิตรตระการตามากๆ นับเป็นมหาวิหารที่สำคัญมากที่สุดแห่งหนึ่งในกรุงโรมเลยทีเดียว

 

Stockbym / Shutterstock.com

 

พิกัด : https://goo.gl/maps/HxYz7ArAUTwv62sH6 

=============

 

11. Spanish Steps หรือ Piazza di Spagna

บันไดสเปน

 

 

       บันไดสเปน (Spanish Steps) เป็นบันไดที่เชื่อมต่อระหว่าง Piazza di Spagna และ Piazza Trinità dei Monti สร้างขึ้นระหว่างปี ค.ศ. 1723-1726 มีทั้งหมด 138 ขั้น ทำให้ที่นี่เป็นบันไดที่มีความยาวและกว้างมากที่สุดในยุโรป ส่วนชื่อ "บันไดสเปน" นั้นมาจากการที่บริเวณนี้เคยเป็นที่ตั้งของสถานทูตประเทศสเปนค่ะ บรรยากาศรอบๆ อบอวลไปด้วยความครึกครื้น เป็นแหล่งช้อปปิ้ง ร้านค้า ร้านอาหาร และร้านกาแฟน่านั่งมากมาย นับเป็นสวรรค์แห่งการช้อปปิ้งที่ไม่ควรพลาด

 

พิกัด : https://goo.gl/maps/tAHxprgW17aXpZAKA 

=============

 

12. หอศิลป์ Palazzo Doria Pamphilj

 

Suchart Boonyavech / Shutterstock.com

 

      สายอาร์ตต้องมาทางนี้ The Doria Pamphilj Gallery หอศิลป์สุดอลังการที่เดิทเป็นพระราชวังในกรุงโรมช่วงศตวรรษที่ 16 จัดแสดงผลงานจิตรกรรมต่างๆ ของศิลปินชื่อดังในยุคเรอเนสซองส์ และบาโรก เช่น Titian, Raphael, Caravaggio, Correggio and Vélazquez ที่ ตระกูลดอเรีย (Doria Family) ตระกูลเศรษฐีชั้นสูงในยุคนั้นได้เก็บสะสมเอาไว้ ใครที่ชอบงานศิลปะในยุคนี้ล่ะก็ ต้องไม่พลาดเลยค่า~

 

Anna Pakutina / Shutterstock.com

 

พิกัด : https://goo.gl/maps/xnzvmPHrikZHesqk7