รีเซต

8 ข้อควรรู้ก่อน เที่ยวเกาะเชจู เกาหลี แหล่งมรดกโลกทางธรรมชาติ

8 ข้อควรรู้ก่อน เที่ยวเกาะเชจู เกาหลี แหล่งมรดกโลกทางธรรมชาติ
SummerB
27 ตุลาคม 2565 ( 20:30 )
36.7K

      เกาะเชจู เกาะที่ใหญ่ที่สุดใน เกาหลี อีกทั้งยังเป็นแหล่งของ มรดกโลก และ ที่เที่ยวธรรมชาติ สวยๆ มากมายที่ไม่ควรพลาดเมื่อไป เที่ยวเกาหลี แต่ก่อนออกเดินทาง เราขอชวนทุกคนไปทำความเข้าใจกับ 8 ข้อควรรู้ก่อน เที่ยวเกาะเชจู เพื่อเป็นการเตรียมตัวให้พร้อม จะได้ท่องเที่ยวกันอย่างสนุกสนาน และสบายใจหายห่วงค่า~

 

ข้อควรรู้ก่อน เที่ยวเกาะเชจู

แหล่งมรดกโลกแห่ง เกาหลี

 

     สำหรับใครที่เตรียมตัวเที่ยว เกาะเชจู (Jeju Island) ลองตามสาวๆ Red Velvet ไปท่องเที่ยวบนเกาะเชจูไปพร้อมกับภารกิจสนุกๆ ไปกับรายการเรียลลิตี้ Level Up Project Season 5 กันค่ะ บอกเลยว่าแต่ละสถานที่และกิจกรรมที่สาวๆ พาไปนั้นน่าสนใจมากๆ เชื่อว่าทุกคนจะต้องหลงรักในเสน่ห์ของเกาะเชจู และความน่ารักสดใสของสาวๆ Red Velvet อย่างแน่นอนค่ะ

ดูต่อเพิ่มเติมได้ที่ รวมลิงค์ดูย้อนหลัง 'Level Up Project Season 5' ทุกตอน ทุก EP. ที่นี่ที่เดียว

ดูรายการเรียลลิตี้ออนไลน์ที่ Red Velvet Level Up Project!

 

ทำความรู้จักกับ เกาะเชจู

Jeju Island

 

 

       เกาะเชจู (Jeju Island 제주특별자치도) เกาะที่มีขนาดใหญ่ที่สุดใน ประเทศเกาหลีใต้ ครอบคลุมพื้นที่ทั้งหมด 1,846 ตารางกิโลเมตร ตั้งอยู่ห่างจากแผ่นดินใหญ่ของทางตอนใต้ของเกาหลีใต้ประมาณ 130 กิโลเมตร เป็นเกาะที่เกิดจากการระเบิดของภูเขาไฟเมื่อหลายล้านปีก่อน ทำให้ปัจจุบันยังมีปากปล่องภูเขาไฟหลายแห่งที่ดับสนิทลงแล้วหลงเหลือให้เราได้ชมกัน เกาะเชจูนั้นจะแบ่งออกเป็นสองส่วนใหญ่ๆ นั่นก็คือ เมืองเชจู (Jeju City) ที่เป็นเมืองหลวงของจังหวัดเชจู และ เมืองซอกวีโพ (Seogwipo) ที่ครอบคลุมพื้นที่ทางตอนใต้ของเกาะทั้งหมด อีกทั้งยังเป็นแหล่งของที่พักและสถานที่ท่องเที่ยวมากมาย

 

 

      แม้เกาะเชจูจะรายล้อมไปด้วยทะเล และมีชายหาดสวยชื่อดังมากมาย แต่ที่นี่ก็มีสถานที่ท่องเที่ยวธรรมชาติที่ค่อนข้างหลากหลาย และอุดมสมบูรณ์เป็นอย่างมาก โดยเฉพาะ อุทยานแห่งชาติฮัลลาซาน (Hallasan National Park) และ ยอดเขาซองซาน อิลชุลบง (Seongsan Ilchulbong) หรือที่รู้จักกันในชื่อ Sunrise Peak ที่ได้รับการขึ้นทะเบียนจาก UNESCO ให้เป็นมรดกโลกทางธรรมชาติ ด้วยเหตุนี้ เกาะเชจูจึงเป็นที่รู้จักกันในฐานะแหล่งมรดกโลกที่สำคัญของประเทศเกาหลีใต้นั่นเองค่ะ

 

ข้อควรรู้ก่อนเที่ยวเกาะเชจู เกาหลี

1. เอกสารในการท่องเที่ยวเกาหลี

 

เอกสารในการเดินทางไป เที่ยวเกาหลี

 

       การเตรียมเอกสารการเดินทางที่จำเป็นให้ครบถ้วน ไม่ว่าจะเป็น พาสปอร์ต ตั๋วเครื่องบินไป-กลับ เอกสารการจองโรงแรม นั่นเป็นสิ่งสำคัญในการเดินทางไปยังต่างประเทศเป็นอย่างมาก สำหรับประเทศเกาหลีใต้นั้น แม้คนไทยจะสามารถเดินทางเข้าประเทศได้โดยไม่ต้องขอวีซ่า แต่จะต้องลงทะเบียนผ่านระบบ K-ETA (Electronic Travel Authorization) ล่วงหน้าให้เรียบร้อยก่อนเดินทางเข้าประเทศเกาหลีใต้ แต่หลังจากวันที่ 1 ตุลาคม 2565 เป็นต้นไป นักท่องเที่ยวก็ไม่จำเป็นต้องกักตัว ทำการทดสอบ RT-PCR ภายใน 24 ชั่วโมง หรือตรวจโควิดเมื่อไปถึงที่สนามบินอีกต่อไป ทำให้การเดินทางสะดวกขึ้นมาระดับหนึ่ง

อ่านรายละเอียดเต็มๆ ที่

===========

 

2. การเดินทางบนเกาะเชจู

 

Qiongna Liao / Shutterstock.com

 

       การเดินทางไปยังเกาะเชจูที่ง่ายที่สุดก็คือการนั่งเครื่องบินจากกรุงโซลไปยังเกาะเชจู โดยใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง 10 นาทีเท่านั้นค่ะ ส่วนการเดินทางในเกาะเชจูนั้นสามารถเลือกได้ว่าจะเช่ารถยนต์ขับ นั่งรถบัส หรือ นั่งรถแท็กซี่ สำหรับใครที่สามารถขับรถได้ และทำ ใบอนุญาตขับรถระหว่างประเทศ (International Driving Permit) หรือ ใบขับขี่สากล มาแล้ว เราขอแนะนำให้เช่ารถขับจะสะดวกและประหยัดเวลาที่สุดค่ะ แต่สำหรับนักท่องเที่ยวที่ต้องการเดินทางแบบรบประหยัดก็สามารถเลือกโดยสารด้วยบัส ซึ่งจะมีบัสประจำทางสายต่างๆ ประจำอยู่ทั่วเกาะ หรือสามารถเรียกแท็กซี่ได้จาก KakaoTaxi แอปฯ เรียกแท็กซี่ของเกาหลีนั่นเองค่ะ

 

Dmitry Rukhlenko / Shutterstock.com

===========

 

3. แหล่งที่พักบนเกาะเชจู

 

ที่พักเกาะเชจู เกาหลี ติดทะเล

 

      ขึ้นชื่อว่าเป็นสถานที่พักตากอากาศชื่อดังของเกาหลี ยังไงก็ต้องมีโรงแรม รีสอร์ท และที่พักหลากหลายประเภทให้เลือกสรรอย่างแน่นอน ซึ่ง เมืองเชจู และ ซอกวีโพ ก็มักจะเป็นตัวเลือกแรกๆ ของนักท่องเที่ยว เนื่องจากเป็นแหล่งท่องเที่ยวหลักของเกาะ อีกทั้งยังมีโรงแรมและรีสอร์ทมากมายให้เลือกสรร ไม่ว่าจะเป็นที่พักในตัวเมือง ที่พักติดทะเลบรรยากาศดีๆ  และที่พักท่ามกลางธรรมชาติก็ตาม

อ่านรีวิวเต็มๆ ที่ 9 ที่พักเกาะเชจู เกาหลี ติดวิวทะเล ถ่ายรูปสวย บรรยากาศสดใส

 

Stock for you / Shutterstock.com

===========

 

4. ฤดูกาลในเกาะเชจู

 

 

       แม้ผู้คนจะนิยมไปเที่ยวเกาะเชจูในช่วงฤดูใบไม้ผลิ และฤดูร้อน แต่ความจริงแล้วเราสามารถเที่ยวเกาะเชจูได้ตลอดทั้งปีค่ะ เพราะแต่ละฤดูก็จะมีเสน่ห์ที่แตกต่างกันออกไป ฤดูกาลบนเกาะเชจูนั้นแบ่งออกได้เป็น 4 ฤดู ได้แก่ ฤดูใบไม้ผลิ ฤดูร้อน ฤดูใบไม้เปลี่ยนสี และ ฤดูหนาว ในช่วงฤดูใบไม้ผลิระหว่างปลายเดือนมีนาคม-พฤษภาคม เราจะได้เห็น ทุ่งดอกคาโนล่า (Canola) สีเหลืองอ่อนบานทั่วทุ่ง รวมถึง ดอกซากุระ หรือที่คนเกาหลีเรียกกันว่า พ็อตกต ที่จะบานในช่วงเดือนเมษายนด้วยเช่นกันค่ะ แถมอากาศที่ไม่ถึงกับร้อนหรือหนาวมากจนเกินไป อุณหภูมิเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 10-20 องศาเซลเซียส

 

JIPEN / Shutterstock.com

 

       สำหรับใครที่อยากไปนอนอาบแดด และทำกิจกรรมทางน้ำที่ทะเล แนะนำให้มาในช่วงฤดูร้อน ระหว่างเดือนมิถุนายน-สิงหาคม โดยจะมีอุณหภูมิเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 24-30 องศาเซลเซียส ซึ่งบนเกาะเชจูจะมีชายหาดชื่อดังอยู่หลายหาด เช่น ชายหาดฮัมด็อก (Hamdeok Beach) และ ชายหาดวอลจองรี (Woljeongri Beach) ชายหาดฮพ็อพแจ, (Hyeopjae Beach) และ ชายหาดคึมนึง (Geungneung Beach) เป็นต้น

 

 

       ฤดูใบไม้เปลี่ยนสีบนเกาะเชจูเป็นอีกหนึ่งฤดูที่มีเสน่ห์ไม่แพ้ใคร โดยจะเริ่มตั้งแต่เดือนกันยายน-พฤศจิกายน บนเกาะเชจูนั้นจะมีจุดชมใบไม้เปลี่ยนสีอยู่หลายแห่งด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็น อุทยานแห่งชาติฮัลลาซาน (Hallasan National Park) วัดกวานึมซา (Gwaneumsa Temple) และ 1100 Highland Ecological Swamp ไม่เพียงเท่านี้ เรายังมีโอกาสได้ไปถ่ายรูปสวยๆ กับ ทุ่งหญ้าสีเงิน หรือ ทุ่งหญ้ายูลาเลีย (Eulalia Grass) และ ทุ่งหญ้ามูลี่สีชมพู (Pink Muhly) ในช่วงเทศกาล Pink Muhly Festival ตามจุดต่างๆ บนเกาะด้วย

อ่านรีวิวเต็มๆ ที่ เที่ยวเกาหลี 7 ที่เที่ยวเกาะเชจู ใบไม้เปลี่ยนสี ถ่ายรูปสวย ละมุนใจ

 

 

       ฤดูหนาวบนเกาะเชจูนั้นจะเริ่มขึ้นตั้งแต่เดือนธันวาคมไปจนถึงประมาณต้นเดือนมีนาคม โดยจะมีอุณหภูมิเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 5-7 องศาเซลเซียส บางพื้นที่ของเกาะอย่างบนเขาก็จะปกคลุมไปด้วยหิมะ ได้ฟีลไปอีกแบบ สำหรับใครที่มาเที่ยวเกาะเชจูในช่วงหน้าหนาว แนะนำให้ไปเช็คอิน Camellia Hill Botanical Garden สวนดอกไม้ที่มีต้นดอกคามีเลียกว่า 6,000 ต้น และ 500 สายพันธุ์ ที่จะผลิบานในช่วงฤดูหนาว เป็นจุดเช็คอินถ่ายรูปสวยๆ ที่ไม่ควรพลาดเลยค่ะ

 

===========

 

5. อาหารบนเกาะเชจู

 

 

       เมื่อมาถึงเกาะเชจูนั้น สิ่งแรกที่ต้องลองก็คือ อาหารทะเล ปลาดิบสดๆ โจ๊กเป๋าฮื้อ และ หมูดำ ที่เรียกว่าเป็นเมนูขึ้นชื่อของที่นี่เลยก็ว่าได้ ไม่เพียงเท่านี้เกาะเชจูยังมีไร่ชาชื่อดังอย่าง ไร่ชาโซุลลอค (O’Sulloc Tea Garden & Museum) ที่คนเลิฟชาเขียวต้องไม่พลาด รวมถึง ส้มฮัลลาบง (Hallabong) ส้มสายพันธุ์เฉพาะบนเกาะเชจูที่มีขนาดใหญ่และรสหวานมากกว่าส้มทั่วไป น่าลองมากๆ

อ่านรีวิวเต็มๆ ที่ 10 ร้านอาหาร เกาะเชจู เกาหลีใต้ หมูดำเนื้อนุ่ม ซีฟู้ดสดจนต้องแวะ!

 

 

===========

 

6. แอปฯ แผนที่ในการเดินทาง

 

       ต้องบอกก่อนเลยว่าแอปฯ แผนที่ที่เราใช้กันประจำอย่าง Google Maps นั้นไม่สามารถใช้ได้ในประเทศเกาหลีใต้ เนื่องจากความปลอดภัยทางการเมืองและทางทหาร พวกเราจึงต้องใช้ KakaoMap และ Naver Map ซึ่งเป็นแอปฯ แผนที่ของเกาหลีในการค้นหาสถานที่ต่างๆ แทนค่ะ 

 

===========

 

7. การส่งภาษา

 

       ก่อนไปเที่ยวเกาะเชจู เราขอแนะนำให้ทุกคนฝึกภาษาเกาหลีแบบพื้นฐานมาสักหน่อยค่ะ เพราะส่วนใหญ่แล้วคนท้องถิ่นจะใช้ภาษาเกาหลีเป็นหลักเลย แม้พนักงานหรือเจ้าหน้าที่ตามสถานที่สำคัญต่างๆ จะพอใช้ภาษาอังกฤษได้บ้าง แต่หากได้รู้ภาษาเกาหลีแบบพื้นฐานไปก่อนก็จะทำให้การเดินทาง และถามทางสะดวกขึ้นมากๆ

 

===========

 

8. แหล่งท่องเที่ยวธรรมชาติที่หลากหลาย

 

 

       อย่างที่ทราบกันว่าเกาะชจูเป็นแหล่งมรดกโลกของเกาหลี โดยเฉพาะมรดกโลกทางธรรมชาติ เกาะเชจูจึงมีสถานที่ท่องเที่ยวธรรมชาติแบบนับไม่ถ้วนเลยทีเดียว แถมยังสามารถอนุรักษ์สภาพป่าเขาให้ยังคงอุดมสมบูรณ์มาจนถึงทุกวันนี้ 

 

 

     นอกจาก อุทยานแห่งชาติฮัลลาซาน และ ยอดเขาซองซาน อิลชุลบง ที่ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกแล้ว ภายในเกาะเชจูก็ยังมีสถานที่ท่องเที่ยวธรรมชาติอื่นๆ ที่น่าสนใจมากมาย เช่น น้ำตกชอนเจยอน (Cheonjeyeon Waterfall) น้ำตกจองบัง (Jeongbang Waterfall) ถ้ำลาวามานจังกุล (Manjanggul Cave) โขดหินจูซังจอลรีแด (Daepo Jusangjeolli Cliff) และ อ่าวซอพจีโกจี (Seopjigoji) เป็นต้น