รีเซต

เมโสอเมริกา Mesoamerica คืออะไร? รู้จักอารยธรรมโบราณก่อนยุคโคลัมบัส

เมโสอเมริกา Mesoamerica คืออะไร? รู้จักอารยธรรมโบราณก่อนยุคโคลัมบัส
Muzika
17 สิงหาคม 2565 ( 15:00 )
7.5K

     เมโสอเมริกา Mesoamerica 1 ในบ่อเกิดของอารยธรรมโบราณที่สำคัญมากของโลกนี้ เชื่อว่าหลายๆ คนน่าจะติดภาพอารยธรรมของแถบนี้ว่าจะออกแนวๆ ชนเผ่า อาศัยอยู่ในป่าลึก เน้นการทำพิธีกรรมศักดิ์สิทธิ์เป็นประจำ โดยเฉพาะการบูชายัญ ที่กลายเป็นภาพจำหลังจากที่ภาพยนตร์ Hollywood นิยมนำด้านนี้มาใส่ในหนังกัน แท้จริงแล้วกลุ่มวัฒนธรรมนี้มีมากมายหลากหลาย มีอาณาเขตที่กว้างขวาง มีความเจริญรุ่งเรืองทางวัฒนธรรม และศิลปะ มากกว่าที่เราคิดมากครับ

 

 

เมโสอเมริกา Mesoamerica คืออะไร อยู่ที่ไหนกัน?

 

By GringoInChile assumed (based on copyright claims), CC BY-SA 3.0

 

     เมโสอเมริกา เป็นคำที่ใช้เรียกภูมิภาคบางส่วนของเม็กซิโก และอเมริกากลางที่มีอารยธรรมในยุคก่อนสเปน ซึ่งครอบคลุมตั้งแต่ตอนกลางของประเทศเม็กซิโก จนถึงตอนเหนือของประเทศคอสตาริกา ประมาณกันว่ากลุ่มชนกลุ่มแรกที่เดินทางมาถึงแถบนี้น่าจะเดินทางมาจากไซบีเรียตะวันออกเฉียงเหนือ ในช่วงยุคน้ำแข็ง หรือราวๆ 6,500 ปีก่อนคริสตกาล ที่ทวีปต่างๆ ยังเชื่อมติดเป็นผืนแผ่นดินเดียวกันอยู่ เมื่อมีประชากรอยู่รวมกันมากขึ้นเรื่อยๆ ก็เริ่มเกิดการพัฒนาจากสังคมนักล่า มาสู่สังคมการเกษตร ผู้คนอาศัยเลี้ยงชีพด้วยการปลูกข้าวโพดเป็นหลัก รวมถึงโกโก้ มะเขือเทศ อโวคาโด พริก ฯลฯ ซึ่งส่วนใหญ่ก็กลายมาเป็นพืชเศรฐกิจสำคัญๆ ที่หล่อเลี้ยงประชากรทั้งโลกมาจนถึงทุกวันนี้ครับ

 

ชาวเมโสอเมริกามีความเชื่อที่ว่า พระเจ้าสร้างมนุษย์ขึ้นมาจากแป้งข้าวโพด

 

     จากจุดนี้เอง พวกเขาก็มีความเชื่อที่ว่า พระเจ้าสร้างมนุษย์ขึ้นมาจากแป้งข้าวโพด และสีสันของข้าวโพดที่ดูหลากหลาย ก็คล้ายกับเส้นเลือดของมนุษย์ (ต้องเข้าใจว่าสายพันธุ์ข้าวโพดแท้ๆ นั้นมีหลายสีครับ ไม่ใช่แค่สีเหลืองอย่างที่เรารู้จักในปัจจุบัน) เมื่อโลหิตนั้นนับเป็นอีกสีหนึ่งของข้าวโพด จึงต้องมีพิธีกรรมบูชายัญที่อาศัยสีแดงของเลือด เป็นสิ่งสังเวยเพื่อตอบแทนเทพเจ้านั่นเอง

 

 

     การดำรงอยู่ของหลากอารยธรรมในเมโสอเมริกาก็ดำเนินต่อเนื่องกันมาหลายพันปี จนกระทั่งช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 15 ภูมิภาคเมโสอเมริกาก็เผชิญกับการรุกรานจากกองทหารจากสเปน ในช่วงอาณาจักรแอซเท็ก Aztec รวมถึงเมืองอื่นๆ ทั้งแถบก็ล้วนตกอยู่ภายใต้อาณานิคม รวมทั้งยังเกิดโรคระบาดครั้งใหญ่ที่มาจากทวีปยุโรป โดยแพร่มากับกลุ่มทหาร และนักเดินทางจากต่างถิ่น ทั้งโรคฝีดาษ โรคหัด ส่งผลให้ชนพื้นเมืองเสียชีวิตไปถึงกว่าร้อยละ 90 

 

อารยธรรมโบราณสำคัญของเมโสอเมริกา

1. โอลเม็ค Olmecs

 

CC BY 3.0

 

     ชาวโอลเม็ค เป็นกลุ่มชนที่มีอารยธรรมที่เก่าแก่ที่สุดในภูมิภาคเมโสอเมริกา ถือกำเนิดขึ้นในช่วง 1,200 ปีก่อนคริสตกาล ตั้งถิ่นฐานอยู่ในที่ราบลุ่มเขตร้อนในบริเวณตอนกลางของเม็กซิโก ซึ่งปัจจุบันคือรัฐเบรากรุซ (Veracruz)  และรัฐตาบัสโก (Tabasco) ซึ่งโอลเม็คนั้นถือเป็นต้นแบบสำคัญของอารยธรรมในเมโสอเมริกาในยุคหลัง ๆ ไม่ว่าจะเป็นอารยธรรมมายา หรือแอซเท็ก โดยพวกเขายังมีการประดิษฐ์ ตัวอักษรอิสธ์เมียน (Isthmian Script) ไว้ใช้จดบันทึกเรื่องราวสำคัญต่างๆ ด้วย 

 

รูปแกะสลักศีรษะยักษ์ (Olmecs Colossal Heads) อารยธรรมโอลเม็ค Olmecs

By Maribel Ponce Ixba (frida27ponce) - Flickr, CC BY 2.0

 

     สำหรับสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญๆ ของอารยธรรมในช่วงนี้ส่วนใหญ่ก็มักจะหายสาบสูญไปหมดแล้ว จะคงเหลือไว้ก็เพียงซากโบราณสถานที่สำคัญที่สุดก็คือรูปแกะสลักศีรษะยักษ์ (Olmecs Colossal Heads) ที่นักโบราณคดีพบประมาณ 17 ชิ้น แต่ละชิ้นสูงราว 2 เมตร และหนักถึง 20 ตัน เชื่อว่าเป็นรูปศีรษะของกษัตริย์หรือนักบวชของชาวโอลเม็ค ปัจจุบันหาชมได้ที่พิพิธภัณฑ์มานุษยวิทยาแห่งชาติ National Museum of Anthropology ประเทศเม็กซิโก

 

2. มายา Maya

 

 

     เชื่อว่าอารยธรรมมายานั้นนับเป็นหนึ่งในอารยธรรมที่มีคนรู้จักมากที่สุดของเมโสอเมริกา ถือกำเนิดขึ้นในช่วง 1,000 ปีก่อนคริสตกาล มีอาณาเขตครอบคลุมในหลายประเทศ เช่น เม็กซิโก เบลีซ กัวเตมาลา เอลซัลวาดอร์ และฮอนดูรัส โดยสิ่งที่มีชื่อเสียงที่สุดของชาวมายา เห็นจะเป็น พีระมิดขั้นบันได ที่ใช้สำหรับประกอบพิธีกรรมต่างๆ โดยเฉพาะการเซ่นสังเวยแก่เทพเจ้า ขณะเดียวกันในยุคนี้เองที่มีความก้าวหน้าของอาณาจักรในระดับสูงมากในทุกเรื่อง ไม่ว่าจะเป็นทางสถาปัตยกรรม ปฏิทิน ดนตรีการทำเครื่องประดับ อาวุธ ดาราศาสตร์ และคณิตศาสตร์ 

 

สถานที่ท่องเที่ยวสำคัญๆ ของอารยธรรมมายา นั้น หลักๆ จะมีอยู่ 2 แห่ง ได้แก่

 

  • ตีกัล Tikal ซากเมืองโบราณขนาดใหญ่ที่สุดของอารยธรรมมายา ปัจจุบันตั้งอยู่ในจังหวัดเปเตน ประเทศกัวเตมาลา และได้ขึ้นทะเบียนเป็นแหล่งมรดกโลกของยูเนสโก UNECSO เมืองโบราณแห่งนี้มีอายุถึง 400 ปีก่อนคริสต์ศักราช เป็นศูนย์กลางทั้งการปกครอง เศรษฐกิจ และการทหาร 

  • ชิเชน อิตซา Chichen Itza ปัจจุบันตั้งอยู่ในยูคาตาน ประเทศเม็กซิโก เป็นแหล่งโบราณคดีที่สร้างขึ้นโดยชาวมายันซึ่งสร้างขึ้นเพื่อเป็นอนุสรณ์ของเทพเจ้า วิหารที่ใหญ่สุดมีชื่อว่า วิหารแห่งนักรบ สร้างขึ้นในคริสต์ศตวรรษที่ 12 ใช้เป็นที่ทำพิธีสังเวยเทพเจ้าโดยใช้เด็กสาวโยนลงไปถวายเทพเจ้า 

    • ชิเชน อิตซา ยังเป็น 1 ใน 7 สิ่งมหัศจรรย์ของโลกยุคใหม่อีกด้วย อ่านข้อมูลเพิ่มเติมได้ ที่นี่

 

3. แอซเท็ก Aztec

 

 

     ชาวแอซเท็กนั้นถือว่าเกิดหลังชาวมายันถึงพันกว่าปี มีศูนย์กลางอาณาจักรอยู่บริเวณ Mexico City ในปัจจุบัน นั่นคือเมือง เตนอชตีตลัน Tenochtitlan ที่เจริญรุ่งเรืองสูงสุดในช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 15 โดยวัฒนธรรมที่นิยมทำกันมากที่สุดของชาวแอซเท็กนั้นคือการบูชายัญครับ ทำกันบ่อยกว่าชาวมายันมาก โดยการสังเวยครั้งใหญ่คือเมื่อตอนการเฉลิมฉลอง Great Pyramid of Tenochtitlan ในปี ค.ศ.1487 โดยชาว Aztect อ้างว่าพวกเขาได้สังเวยเชลยถึง 84,400 คน ในช่วงเวลาเพียง 4 วันเท่านั้น เรียกว่าเต็มไปด้วยคาวเลือดทั้งเมือง 

 

     ซึ่งการขยายพื้นที่อาณาเขตเพื่อการล่าเชลยศึกเพื่อนำมาบูชายัญนี่เอง ที่ทำให้บรรดาหัวเมืองใกล้เคียง และชนเผ่าอื่นๆ ในพื้นที่ล้วนยอมร่วมมือกับสเปน ที่สุดก็ถูกยึดครองในปี ค.ศ. 1521 โดยการนำของ Hernan Cortes ที่แม้จะนำกองทัพจากสเปนมาเพียง 500 นาย แต่ก็ได้พันธมิตรจากชนเผ่าอื่นๆมาช่วยเหลือในการสู้รบ จนมีกำลังรบประมาณ 150,000 – 200,000 คนเลยทีเดียว

 

สถานที่ท่องเที่ยวสำคัญๆ ของอารยธรรมแอซเท็ก

 

แบบจำลองวิหารเตนอชตีตลันที่พิพิธภัณฑ์

 

  • เตนอชตีตลัน Tenochtitlan เมืองหลวงของจักรวรรดิแอซเท็ก ที่ปัจจุบันเหลือเพียงซากปรักหักพังอันเป็นหลักฐานการมีอยู่ของอาณาจักรนี้ ตั้งอยู่ภายในศูนย์ประวัติศาสตร์เม็กซิโกซิตี้

  • เตโอติฮวากัน Teotihuacán เมืองใหญ่ที่มีความหมายว่า City of the Gods ไฮไลท์ที่สุดของเมืองนี้ก็คือ พีระมิดแห่งดวงอาทิตย์ Pyramid of the Sun ที่มีขนาดใหญ่เป็นครึ่งหนึ่งของมหาพีระมิดเมืองกิซา และพีระมิดแห่งดวงจันทร์ Pyramid of the Moon

 

     อันที่จริงแล้วอารยธรรมของชาวเมโสอเมริกานั้นยังมีอีกมากมายครับ เช่น มิกซ์เท็ค ซาโปเท็ค ตอลเต็ค ฯลฯ เพียงแต่พวกเขาจะเป็นกลุ่มย่อยๆ และไม่ได้ยิ่งใหญ่เท่าอารยธรรมที่กล่าวมาข้างต้นนั่นเอง รวมถึงวัฒนธรรม ประเพณีต่างๆ ก็มีความใกล้เคียงกันมาก ซึ่งก็มีการผัดเปลี่ยนหมุนเวียนกันขึ้น-ลงตามปรกติของอารยธรรมโบราณต่างๆ บนโลกนี้ครับ

====================