รีเซต

พักใจ ไปติดเกาะยาวใหญ่ พังงา นอนโฮมสเตย์ หนีฝุ่นเมืองหลวง 3 วัน 2 คืน

พักใจ ไปติดเกาะยาวใหญ่ พังงา นอนโฮมสเตย์ หนีฝุ่นเมืองหลวง 3 วัน 2 คืน
Filmthii
15 มกราคม 2562 ( 10:00 )
93.8K

          หากพูดถึงจังหวัด พังงา บนด้ามขวานของประเทศไทยแล้ว หลายคนจะนึกถึงเกาะเจมส์บอนด์ เขาตะปู ใช่ไหมล่ะครับ ? แต่ใครจะไปรู้ว่านอกจากหาดทรายสวยๆ ถ่ายรูปชิคๆ คู่เขาตะปู และเมืองเก่าแก่สุดคลาสสิคแล้ว ยังมีแหล่งท่องเที่ยวเชิงธรรมชาติ ที่รอเราอยู่บน เกาะยาวใหญ่

 

 

        ครั้งนี้เราจะพาทุกคนที่มีสายเลือดนักเที่ยว ที่เที่ยวธรรมชาติ บนเกาะยาวใหญ่ สัมผัสวิถีชาวบ้านแบบมุสลิม นอนโฮมสเตย์เก๋ๆ ล่องเรือดูป่าโกงกางยักษ์ เดินป่าระยะทาง 4 กม. และนอนอาบแดดชิลล์ๆ ริมหาดทรายขาว กันครับ

        เรามีเวลา 3 วัน 2 คืน สำหรับทริปนี้ เลยเลือกเดินทางด้วยเครื่องบิน จะดีที่สุดครับ

 

——– DAY 1 ——–

 

         เกาะยาวใหญ่ เป็นเกาะกลางทะเลมหาสมุทรอันดามัน ตั้งอยู่ในจังหวัดพังงา ซึ่งเราต้องนั่งเครื่องบิน ไปลงที่สนามบินนานาชาติภูเก็ต

 

 

          แล้วหารถตู้ไปท่าเรือบางโรง ที่ใกล้สนามบิน จากนั้นขึ้นเรือสปีดโบ๊ทข้ามฟากไปยังเกาะยาวใหญ่ ใช้เวลาประมาณ 30 นาที ในราคาคนละ 200 บาทครับ (สำหรับเที่ยวเดียว)

 

เกาะยาวใหญ่ พังงา 3 วัน 2 คืน

 

          เพลิดเพลินกับวิวระหว่างทาง บนท้องทะเลอันดามัน กันได้ไม่นาน ก็มาถึงเกาะยาวใหญ่ จ.พังงา กันแล้วครับ (มันแปปเดียวจริงๆ นะนาย ! )

 

 

         เราได้จองที่พักแบบโฮมสเตย์ จำนวน 2 คืน ซึ่งติดต่อผ่านชาวบ้าน อ.เกาะยาวใหญ่ (รายละเอียดทั้งหมดสามารถดูได้ ด้านล่างคอนเทนต์นี้นะครับ)

         เมื่อเทียบท่าเรือเกาะยาวใหญ่ เราเลือกใช้บริการรถสองแถวของชาวบ้าน ให้มารับเราไปส่งที่พัก รวมถึงพาเราไปส่งสถานที่เที่ยวต่างๆ บนเกาะยาวใหญ่ ตลอดทริปด้วยเช่นกันครับ

 

 

          สวัสดี เกาะยาวใหญ่ เรามาถึงแล้ว ! ขอฝากเนื้อฝากตัวกันด้วยนะครับ ทริปนี้ ฮ่าาาาา

 

 

          ขอเก็บกระเป๋ากันเข้าที่พักกันก่อนละกันเนอะ และนี่ก็คือบ้านพักโฮมสเตย์ของเราครับ เจ้าของบ้านเป็นคนมุสลิมแท้ๆ ทั้งครอบครัว ใจดีมาก และเป็นมิตรสุดๆ

          เรา และเพื่อนๆ จะเรียกเจ้าของบ้าน ว่า บัง (ผู้ชาย) และ จ๊ะ (ผู้หญิง) เหมือนแอบปลอมตัวเป็นเจ้าถิ่นไปกับเขาด้วย ฮ่าๆ

 

 

          เนื่องจากเราบินไฟล์ทไม่เช้ามากจากกรุงเทพ มาถึงที่เกาะก็เกือบบ่ายแล้ว ดังนั้นกิจกรรมครึ่งวันแรก จะเน้นเบาๆ ละกันครับ

          เกาะยาวใหญ่ แห่งนี้มีกิจกรรมให้เราเลือกทำ มากมาย สไตล์พื้นบ้าน และธรรมชาติเน้นๆ โดยเกิดขึ้นจากความร่วมมือของชาวบ้านในพื้นที่ จำนวนทั้งหมด 4 หมู่บ้าน เราเริ่มต้นกันด้วย ดีลกับชาวบ้านเหมาเรือหางยาว ไปล่องเรือชมป่าโกงกางยักษ์ แถวบริเวณใกล้หาดสนครับ

 

 

           ตรงจุดนี้มีกิจกรรมให้เราเลือก 2 อย่างด้วยกัน คือ การล่องเรือชมป่าโกงกาง และ พายเรือคายัคชิลล์ๆ

 

 

            แต่เราเลือกล่องเรือชมอุโมงค์ต้นโกงกาง เพราะขี้เกียจพายเรือ (อ้าว !) ฮ่าๆ ซึ่งเรือลำนึงนั่งได้เกิน 6 คนนะครับ ใช้ระยะเวลาประมาณ 1.30 – 2 ชั่วโมง พร้อมแล้วก็ออกเรือกันเล้ย ! ทักทายพวกเลือกพายเลือกคายัคซักหน่อย อิอิ

 

 

         ระหว่างทางเราจะได้ดื่มด่ำกับแดดเปรี้ยงๆ กับต้นโกงกางยักษ์สองฝั่ง คล้ายจะเป็นอุโมงค์ เลยก็ว่าได้ครับ

 

 

            สำหรับเราแล้ว มันสวยนะ เพราะไม่เคยเห็นป่าโกงกางที่ไหน อุดมสมบูรณ์เท่าที่นี่ รวมถึงคุณพี่คนขับเรือก็คอยอธิบายสภาพแวดล้อม ชื่อต้นไม้ ให้เราฟังอีกด้วย ดีย์อ้ะ !!

 

 

             ความพิเศษอีกอย่างหนึ่งก็คือ การแวะพัก ให้เราได้ดูจุดเพาะเลี้ยงกุ้ง หอย ปู ปลา ด้วยนะ ซึ่งมันดีมาก ในแง่การเรียนรู้วิถีของชาวประมงโดยแท้

 

 

           สามารถอ่านรีวิวพายเรือคายัค ล่องเรือชมป่าโกงกางได้ที่ :: พายเรือคายัคชิลล์ๆ ชมอุโมงค์ป่าโกงกาง ที่เกาะยาวใหญ่ นอนกอดธรรมชาติท้องอันดามัน

           หลังจากนั้นก็กลับขึ้นฝั่ง เพื่อเดินทางไปกินกับข้าวมื้อเย็น ที่ชาวบ้าน ที่พักโฮมสเตย์ เตรียมไว้ให้ รู้ไหม ? ว่าเราเจออะไรในระหว่างทางกลับที่พัก..เราพบฝูงแพะจำนวน 10 ตัว (น่าจะ) กำลังเดินอยู่กลางถนน พร้อมด้วยลิงน้อย 1 ที่รั้งขบวนอยู่ด้านหลัง

 

 

           ทาด้าาาาา บอกเลยว่ามื้อนี้ ซีฟู้ด จัดเต็ม ! ถามว่าเราแฮปปี้ไหม ? ตอบเลยว่า แฮปปี้มาก ฮ่าๆ

 

 

         ความสดของอาหารทะเลที่นี่ ดีงามมากๆ รวมถึงรสชาติหวาน ละมุนลิ้น ทั้งกุ้ง หอยชักตีน ปูไข่ และปลาพงย่าเกลือ เหมือนมันยังไม่ตายอ่ะ (ใช้คำไงดี) เรียกได้ว่า ซีฟู้ดเรียลไทม์มากๆ

         ยิ่งไปกว่านั้น ตอนจิ้มกับน้ำจิ้มซีฟู้ด รสเด็ด โคตรจะนิพพานเลย ! ฮ่าๆๆ (ค่าใช้จ่ายเรื่องอาหารแต่ละมื้อ เราต้องติดต่อกับชาวบ้านเอาเอง ขึ้นอยู่กับความต้องการของเรา และจำนวนคน)

 

 

          อิ่มท้องกันไปแล้ว เราก็ได้นั่งเม้ามอยกับชาวบ้านนิดหน่อย จากนั้นก็ไปอาบน้ำ นอนเอาแรง เพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับ การเดินป่าพรุ่งนี้กันดีกว่า

 

——– DAY 2 ——–

 

         ไก่ยังไม่ทันขัน ชาวบ้านยังไม่ทันตื่น ! เราตั้งนาฬิกาปลุกกัน ตี 5 นิดๆ เพื่อเดินทางไปดูพระอาทิตย์ขึ้นบริเวณท่าเรือหินกอง กันก่อครับ

 

 

         แต่ก็ไม่ค่อยประสบความสำเร็จ เนื่องจากวันนั้นเมฆหนาเกินไป รู้ตัวอีกที พระอาทิตย์ก็ขึ้นไปปล่อยพลังแสงอยู่บนท้องฟ้าแล้ว ฮืออออออๆๆ

 

 

         กลับมาอาบน้ำที่พัก ด้วยความเฟลนิดๆ แต่ไม่เป็นไร พรุ่งนี้เช้าค่อยเริ่มใหม่ ! (มือก็เอื้อมไปกดตั้งนาฬิกาปลุกล่วงหน้าเช่นเดิม) ฮ่าาๆ กองทัพต้องเดินด้วยท้อง รวมถึงเราด้วยเช่นกัน มื้อเช้าเลยฝากท้องกันที่ร้านโรตีดั้งเดิม สไตล์ชาวบ้านเกาะยาวใหญ่ กันครับ

 

 

          ความแปลกของเมนูที่ร้านนี้ คือเมนูโรตีกรอบ โปะด้วยไข่ดาวไม่สุก พร้อมน้ำแกงเนื้อวัวร้อนๆ เอาไว้ราดทานคู่ด้วย

 

 

          แปลกไม่พอนะครับ ยังว้าว ! อีกต่างหาก เพราะ มันอร่อยมาก ใครจะไปคิดว่า โรตีธรรมดาๆ จะเข้ากันกับไข่ดาว แถมลงตัวกับน้ำแกงเนื้อวัว

          รู้ไว้ซักนิด : เมนูนี้มีความคล้ายกับโรตีมะตะบะ แต่มันไม่ใช่นะฮะ (จบ)

 

 

           จากที่เกริ่นไปก่อนนอนเมื่อคืน ว่าแพลนวันนี้เราจะไปเดินป่าชิลล์ๆ ชมพันธุ์ไม้ ท่ามกลางธรรมชาติกัน ซึ่งหากใครอยากมาสัมผัสแบบเรา ก็ต้องติดต่อกับชาวบ้านที่พักโฮมสเตย์ได้เลยครับ

 

 

         ระยะทางการเดินป่า บนเขาหินกอง เกาะยาวใหญ่ มีให้เลือก 2 รูท ใครที่อยากเดินชิลล์ๆ เสียพลังงานนิดหน่อย ก็เลือกแบบ 2 กม. ส่วนถ้าหากใครที่บ้าบิ่น บ้าพลัง พลังงานเยอะแบบเรานั่น ต้องเลือกแบบ 4 กม. ครับ

 

 

         เมื่อเตรียมตัวกันพร้อมแล้ว เราก็ลุยกันเล้ย ! เส้นทางในการเดินป่าที่นี่ ค่อนข้างง่าย แต่ถ้าโชคร้ายมาวันที่หน้าดินชื้น ก็จะเสี่ยงต่อการลื่น หน่อยนะครับ

 

 

ต้นไม้ พืชพันธุ์ที่นี่ อุดมสมบูรณ์ดี และเขียวขจีสุดๆ แม้จะมีเหนื่อยบ้าง หอบบ้าง พักบ้าง บ่นบ้าง แต่เราก็แฮปปี้กับการเดินป่า ที่นี่มาก

 

 

         รวมถึงเราต้องขอยกความดีความชอบ ในการเดินป่าครั้งนี้ ให้กับไกด์บัง และเหล่าเด็กๆ ในหมู่บ้าน ที่คอยแนะนำต้นไม้แปลกๆ อาทิ ต้นยายถีบหลาน เป็นต้น แถมยังช่วยเหลือเรา ตลอดทางอีกด้วย

         ใครจะไปคิด ว่าจุดหมายปลายทางของเส้นทางเดินป่าในครั้งนี้คือ ลำธาร แอ่งน้ำตกหินกอง นั่นเองครับ โหยยยย..ขอโดดน้ำให้หายเหนื่อย ไปพร้อมกับเด็กๆ ก่อนละกัน

 

 

          เราใช้เวลาในการเดินป่า 3 – 4 ชั่วโมง หรือเทียบเท่าครึ่งวันพอดี กลับที่พักไปอาบน้ำ เปลี่ยนเสื้อผ้าซะหน่อย เนื่องจากเหงื่อออกเยอะมาก บวกกับดินโคลนที่ติดมากับรองเท้าของเรา

          มื้อเที่ยงวันนี้เลทหน่อยๆ และยังคงเป็นอาหารที่มาจากฝีมือจากชาวบ้านอีกด้วยเช่นกัน เมนูเด็ดที่เราต้องยกนิ้วให้เลย สำหรับมือนี้ ก็คือ ยำมะม่วงปลาทอดกรอบ เผ็ดกำลังดี ครับ

 

 

         อิ่มท้องกันไปอีกหนึ่งมื้อ ก็ไปต่อกันที่บ้านโบราณเก่าแก่ อายุมากกว่า 60 ปี บนเกาะแห่งนี้ เพื่อเยี่ยมชมรอบๆ บ้าน และพูดคุยกัลคุณยายเจ้าของบ้าน

 

 

         จากนั้นก็ไปดูการสาธิตทำ สบู่น้ำนมแพะ และชมความงดงามของสินค้างานหัตถกรรมโดยฝีมือชาวบ้านเอง ที่ศาลากลางหมู่บ้าน

 

 

          ซึ่งจุดนี้เราจะได้มีส่วนร่วมด้วยนะครับ บอกเลยว่า สนุก แปลกใหม่มากๆ รวมไปถึงชาวบ้านที่นี่ใจดี และเม้าเก่งด้วย ฮ่าๆ

 

 

         เข้าสู่ช่วงเวลาที่เรารอคอย กับการนั่งรถ เพื่อไปเล่นน้ำทะเล ที่แหลมหาด หูยยยย ฝรั่งเยอะมาก แถมทรายสีขาวที่หาดละเอียดมาก นุ่มเท้าสุดๆ

 

 

         ชิลล์กันเสร็จแล้วก็ถึงเวลามื้อเย็นกันแล้วครับ มื้อนี้พิเศษหน่อย ตรงที่ชาวบ้านได้เชิญพวกเราไปกินกันที่ บ้านสามหลัง เพื่อช่วยผู้สบภัยพิบัติสึนามิ

 

 

         เมื่อกินข้าวกันเสร็จแล้ว ชาวบ้านก็รีบจัดพื้นที่กลางบ้านใหม่ เตรียมความพร้อมในการโชว์การแสดงพิเศษให้เราได้ดู…โหหหหห บอกแล้ว ว่าคนที่นี่สุดจริงไรจริง ! การแสดงชุดนี้ ชาวบ้านเรียกมวยกาหยง ถ้าจะให้นึกภาพง่ายๆ แอบคล้ายการรำมวยไทยบ้านเรา แต่เรารู้สึกว่า มวยกาหยง มันส์กว่านะ ฮ่าๆ

         คืนนี้ประทับใจสุดๆ รู้สึกรักชาวบ้านที่นี่มากๆ กลับที่พักไป นอนหลับฝัน เลยล่ะครับ

 

 

——– DAY 3 ——–

 

         ยังคงไม่ล้มเลิกในการตื่นมาชมพระอาทิตย์ขึ้นริมหาด ในเมื่อที่เก่าเมื่อวานไม่ดี วันนี้จึงเปลี่ยนที่ชมใหม่ ! ซึ่งที่ใหม่ก็ไม่ได้ไกลเล้ยยย อยู่ด้านหลังโฮมสเตย์ของเรานี่เอง เดินไปประมาณ 400 เมตร ก็ถึงหาดครับ

 

 

           เฝ้ารอคอยได้ซักพัก ก็เริ่มรู้สึกดี มีความหวังเล็กๆ ว่าเราจะได้เห็นพระอาทิตย์ขึ้นแน่นอนวันนี้ แต่ ! โชคก็ไม่เข้าข้างเราครับ เห่ยยยยย…พระอาทิตย์โดนเขาเกาะรังนกบัง ทำไมทำกับเราแบบนี้ ฮืออออ

 

 

           เดินกลับที่พัก อาบน้ำ เพื่อลืมเรื่องพระอาทิตย์ขึ้น ! แล้วลุยกันต่อ วันนี้เป็นวันสุดท้ายสำหรับทริปนี้แล้ว เราเลยขอลงไปดูกิจกรรมที่ชาวบ้าน แนะนำกันซะหน่อย โดยในช่วงเช้า เราได้ไปดูการดำนาโยน

 

 

          ซึ่งเราสามารถโยนต้นกล้าลงนา ได้ด้วยตัวเอง หลายคนอาจสงสัยว่า การทำนาโยน สนุกแค่ไหน ? บอกเลยว่า สนุกมาก เพราะ ถ้าอยู่ในเมือง หรือกรุงเทพ จะไม่มีกิจกรรมแบบนี้ให้ทำเลย ฮ่าๆ

 

 

            เมื่อเสร็จจากการทำนาโยน เราก็ไปกันต่อที่ ท่าเรือช่องหลาด เพื่อที่จะนั่งเรือหางยาว ไปดูกระชังกุ้งมังกร ! กรี๊ดดดด อยากกิน แต่ ด้วยราคาที่สูงมาก ทำให้เราแค่ยืนดู ฮ่าๆ

 

 

           กระชังกุ้งมังกรที่นี้ จะถูกเลี้ยงอยู่กลางทะเลเลยครับ ฉะนั้นเราต้องนั่งเรือออกไป เราขอบอกเลยว่า กุ้งมังกรที่นี้ ตัวใหญ่มาก ! และมีจำนวนหลายบ่อ แถมทุกตัวดูสุขภาพดีหมด

 

 

          กลับขึ้นเกาะมา ก็ร่วมกินข้าวกับชาวบ้านอีกหนึ่งมื้อสุดท้าย ครั้งนี้ได้ลองกินลูกละมุดด้วยครับ วิธีกินคือ ต้องทานคู่กับน้ำพริกกะปิ อร่อยเหาะไปเลย จริงๆ ฮ่าๆ รวมถึงปลาทอดแห้ง ที่ชาวบ้านตั้งไปเก็บให้เรา

 

 

         ช่วงบ่าย ถึงเวลากลับสู่ฝั่ง จ.ภูเก็ต เพื่อไปสนามบินครับ จบกันไปสำหรับทริปเกาะยาวใหญ่ นี้ สำหรับเราแล้ว ทริปนี้แฮปปี้ และได้ความรู้ภูมิปัญญาชาวบ้านเยอะมาก แถมยังได้รู้จักชาวบ้านอีกด้วย รวมถึงนอนบ้านพักโฮมสเตย์ ที่อากาศดีสุดๆ งบไม่แพง

 

 

ใครที่สนใจ หรือมีเวลาว่างซัก 3 วัน ก็อย่าลืมมากันได้ที่เกาะยาวใหญ่นะครับ **ผู้ประสานงานกลุ่มท่องเที่ยวโดยชุมชน 08-7272-6733 และ 08-9726-2419

 

ที่เที่ยว ภาคใต้ อื่นๆ ที่น่าสนใจ

10 ที่เที่ยว ภูเก็ต ถ่ายรูปสวย ต้องไปเช็คอิน

ดำน้ำ เกาะไม้ท่อน ภูเก็ต ชิลรับไอแดด แอบดูปลานีโม่

 

อัพเดทที่พักสุดชิลล์ ที่เที่ยวสุดมันส์ ที่กินสุดฮิป

ติดตาม travel.trueid.net ได้ที่