เที่ยวอิตาลี 12 ที่เที่ยวเวนิส เมืองในฝัน ชาตินี้ต้องไปสักครั้ง !
เวนิส เมืองแห่งสายน้ำของ อิตาลี ที่มาพร้อมกับความสวยงามตรึงใจราวกับอยู่ในโลกแห่งนิทาน สำหรับใครที่ใฝ่ฝันอยากจะลองไปเยือนสักครั้ง เรามี 12 ที่เที่ยวเวนิส มาฝาก ไปสัมผัสบรรยากาศแสนชิล และบ้านเมืองอันแสนน่ารักกันค่ะ เชื่อว่าหลายคนจะต้องหลงรักเสน่ห์อันเป็นเอกลักษณ์ของที่นี่อย่างแน่นอน
รวมพิกัด เวนิส ที่เที่ยวอิตาลี ราชินีแห่งทะเลเอเดรียติก
ข้อควรรู้ก่อนไปยุโรป
ทำความรู้จักกับ เวนิส
เวนิส (Venice) เมืองหลวงแห่งภูมิภาค Veneto ของ ประเทศอิตาลี มีลักษณะเป็นเกาะเล็กเกาะน้อยรวมกันกว่า 100 เกาะ เกิดเป็นลากูนบน ทะเลเอเดรียติก (Adriatic Sea) ผืนน้ำที่คั่นระหว่างเกาะต่างๆ จะมีสะพานเชื่อมถึงกัน พื้นดินทั้งหลายนั้นแท้จริงแล้วเป็นเกาะใหญ่น้อยมาร้อยรวมกันเสมือนผ้าผืนใหญ่ที่อยู่กลางน้ำนั่นเอง
สัญลักษณ์ของเวนิส หลายๆ คนคงคุ้นเคยกับ เรือกอนโดลา (Gondola) กันดี เป็นเรือที่มีรูปทรงเป็นเอกลักษณ์ โดยเฉพาะบริเวณหัวเรือกับท้ายเรือที่มีลักษณะปลายแหลม ความยาวอยู่ที่ 4-5 เมตร กว้างประมาณ 1.2 เมตร และสามารถจุผู้โดยสารได้ 5-6 คน เดิมเป็นเรือที่ใช้ในการอพยพผู้คนที่หนีภัยสงครามในสมัยอาณาจักรโรมัน และมาตั้งถิ่นฐานอยู่ที่เวนิส ด้วยความพื้นที่ส่วนใหญ่ของเมืองเป็นคูคลอง และทะเล เรือจึงเป็นยานพาหนะสำคัญในการเดินทางสันจร และการขนส่งของเมือง
ปัจจุบันเรือกอนโดลาได้พัฒนาให้กลายเป็นเรือท่องเที่ยว พานักท่องเที่ยวนั่งเรือชมเมือง พร้อมกับผู้เดินเรือที่จะพาเราแวะตามสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญต่างๆ รวมถึงขับร้องเพลงให้ฟังไปพลางๆ ด้วย เรียกว่าเป็นเอกลักษณ์ประจำเมืองของเวนิสที่ไม่ควรพลาดเลยทีเดียวค่ะ
การเดินทางไป เวนิส
การเดินทางมาเวนิสจากสนามบินมาได้สามทาง คือ ทางรถบัส เรือ และรถไฟ ค่ะ เมืองเวนิสมีสถานีรถไฟหลัก คือ Venezia Santa Lucia เป็นสถานีที่ผู้โดยสารสามารถมาลง และเดินเที่ยวในเมืองเวนิสได้เลย สำหรับการเดินทางภายในตัวเมืองสามารถเลือกได้ คือเดินเท้า นั่งเรือโดยสาร Vaporetto นั่งเรือแท๊กซี่ หรือนั่งเรือกอนโดล่าไปตามจุดต่างๆ ในตัวเมืองค่ะ
เช็กอิน ที่เที่ยวเวนิส
1. Basilica di San Marco หรือ St. Mark's Basilica
มหาวิหารซานมาร์โก
มหาวิหารซานมาร์โก (Basilica di San Marco หรือ St. Mark's Basilica) โบสถ์สำคัญแห่งเมืองเวนิสที่เริ่มสร้างขึ้นครั้งแรกเมื่อปี ค.ศ. 823 ผสมผสานศิลปะของหลายยุคขึ้นไว้ด้วยกัน ตั้งแต่ไบเซนไทน์ โรมาเนสก์ โกธิค จนถึงเรอเนสซองซ์ หลังคาของมหาวิหารซานมาร์โกสร้างแบบโดมสุเหร่าของศาสนาอิสลาม โดมกลางมีขนาดใหญ่ที่สุด ประดับโมเสกสีทองอร่ามตั้งแต่หลังคาจรดพื้น จึงได้รับสมญานามว่า “Church of Gold” มาตั้งแต่สมัยศตวรรษที่ 11 เลยทีเดียว
Mo Wu / Shutterstock.com
===============
2. Palazzo Ducale
พระราชวังปาลัซโซดูคาเล
พระราชวังดอจ (Doge's Palace) หรือ พระราชวังปาลัซโซดูคาเล (Palazzo Ducale) เป็นพระราชวังสไตล์เวเนเชียนโกธิคของดยุคผู้ครองเมืองเวนิส ซึ่งสร้างขึ้นในศตวรรษที่ 9 ภายในพระราชวังประดับด้วยทองคำ และมีภาพจิตรกรรมมากมาย ยามอาทิตย์ตกดิน บริเวณหน้าลานของพระราชวังจะกลายเป็นจุดชมอาทิตย์ตกดินสุดแสนโรแมนติก น่าประทับใจเป็นอย่างมาก
===============
3. Bridge of Sighs
สะพานบริดจ์ออฟไซส์
ภายใต้ความสวยงามโอ่อ่าของพระราชวังดูคาเล่ ชั้นใต้ดินของพระราชวัง ยังมีคุกขังนักโทษ ซึ่งถูกเชื่อมด้วยทางเดินแคบๆ ไปยังสะพานข้ามคลองสู่แดนคุมขัง สะพานแห่งนี้จึงมีชื่อเรียกว่า สะพานถอนหายใจ (Ponte dei Sospiri หรือ Bridge of Sighs) ตามอาการของนักโทษที่เดินข้ามสะพานและกำลังจะหมดอิสรภาพนั่นเอง ปัจจุบันคุกใต้ดินไม่ได้ใช้งานแล้ว แต่ก็ยังเปิดเป็นสถานที่ท่องเที่ยวเชิงประวัติศาสตร์ให้ผู้คนได้เข้าไปชมกัน และสะพานถอนหายใจแห่งนี้ก็เป็นหนึ่งในแลนด์มาร์คของการนั่งเรือกอนโดลาชมเมืองค่ะ
===============
4. Piazza San Marco and San Marco Campanile
จัตุรัสเปียซซ่าซานมาร์โก และ หอระฆังซานมาร์โก
Pani Garmyder / Shutterstock.com
หอระฆังซานมาร์โก (San Marco Campile) เป็นหอระฆังสูงถึง 98 เมตร ที่ตั้งอยู่ด้านหน้ามหาวิหารซานมาร์โก เรียกว่าเป็นจุดเด่นที่ตั้งอยู่ท่ามกลาง จัตุรัสเปียซซ่าซานมาร์โค (Piazza San Marco) เลยทีเดียว ที่นี่เป็นอีกแลนด์มาร์คที่นักท่องเที่ยวนิยมมาถ่ายภาพ และยังเป็นจุดที่นักท่องเที่ยวสามารถเดินขึ้นบันไดไปชมวิวสวยๆ ของเมืองเวนิส จากชั้นบนสุดของหอระฆังได้ทุกวันอีกด้วย
===============
5. Torre dell’Orologio
หอนาฬิกาเซนต์มาร์ค
บริเวณมุมหนึ่งของจัตุรัส เราจะพบกับ หอนาฬิกาเซนต์มาร์ค (Torre dell'Orologio) อีกหนึ่งแลนด์มาร์คของเวนิสที่สร้างขึ้นเมื่อศตวรรษที่ 15 ด้วยสถาปัตยกรรมแบบเวเนเชียนเรอเนสซองส์ หน้าปัดนาฬิกาเป็นสีน้ำเงิน ตกแต่งด้วยลวดลายสีทองของ 12 ราศี ส่วนด้านบนเป็นลวดลายโมเซคสีน้ำเงินสลับทองด้วยเช่นกัน เป็นการแต่งเติมเมื่อปี ค.ศ. 1755 โดย Giorgio Massari สถาปนิกชาวเวนิสสมัยบาโรกค่ะ
===============
6. Grand Canal
คลองแกรนด์คาแนล
แกรนด์ คาแนล (Grand Canal) หรือเรียกเป็นภาษาอิตาเลียนว่า “คานาเล่ แกรนเด้” เป็นคลองที่มีชื่อเสียงในด้านการท่องเที่ยว และเป็นจุดหมายปลายทางหลักของนักท่องเที่ยวที่อยากล่องเรือกอนโดล่านั่นเองค่ะ นักท่องเที่ยวนิยมไปนั่งเรือกอนโดลาลัดเลาะไปตามคูคลองในเวนิส ซึ่งจะผ่านสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญต่างๆ ในเมือง รวมถึงได้สัมผัสกับความสวยงาม และวิถีชีวิตของชาวเมืองอีกด้วยค่ะ
===============
7. Santa Maria della Salute
มหาวิหารซานตามารียา เดลล่า ซาลูเต
ภาพเวนิสที่เราเห็นกันตามรูปถ่ายต่างๆ มักจะมี มหาวิหารซานตามารียา เดลล่า ซาลูเต (Santa Maria Della Salute) อยู่ด้วยเสมอ เป็นโบสถ์สไตล์บาโรกที่ตั้งอยู่บริเวณปาก แกรนด์คาแนล (Grand Canal) ทางด้านทิศใต้ ก่อนที่จะออกสู่ทะเลสาบ ภายในโบสถ์จะมีภาพเขียน และประติมากรรมล้ำค่าหลายชิ้น รวมทั้งรูปสลัก Queen of Heaven expelling the Plague ผลงานชิ้นเอกของศิลปิน Josse de Corte อยู่ด้วยค่ะ
===============
8. Ponte di Rialto
สะพานริอัลโต
สะพานรีอัลโต (Ponte di Rialto) หนึ่งในสะพานข้ามแกรนด์คาแนล ที่นักท่องเที่ยวนิยมแวะมาถ่ายรูปมากที่สุด เนื่องจากเป็นสะพานที่มีความเก่าแก่ที่สุด สร้างขึ้นครั้งแรกด้วยไม้ในปี ค.ศ.1181 ต่อมาได้มีการรื้อ และสร้างใหม่ด้วยหินอย่างที่เห็นในปัจจุบันค่ะ นอกจากสะพานรีอัลโตจะเชื่อมระหว่างเกาะ San macro กับเกาะ San polo ของเวนิสแล้ว บริเวณตีนสะพานยังเต็มไปด้วยร้านอาหาร คาเฟ่ และร้านค้าขายของต่างๆ อีกมากมาย จึงเป็นจุดไฮไลท์ของเมืองที่นักท่องเที่ยวชอบไปกันมากค่ะ
===============
9. Gallerie dell’Accademia
Baloncici / Shutterstock.com
Gallerie dell'Accademia หอศิลป์ริมแกรนด์คาแนล ที่สร้างขึ้นเพื่อเป็นสถานที่เก็บสะสมและจัดแสดงภาพจิตรกรรมของเวเนเชียน ตั้งแต่สมัยศตวรรษที่ 15-18 รวมถึงผลงานชื่อดังอย่าง St. John the Baptist และ Pietà โดย ทิเชียน (Titian) จิตกรชาวเวนิสมากความสามารถที่มีชื่อเสียงสุดๆ ในช่วงศตวรรษที่ 15 บอกเลยว่าคนรักศิลปะไม่ควรพลาด
===============
10. Scuola Grande di San Rocco
IArTono / Shutterstock.com
Scuola Grande di San Rocco เป็นอาคารที่ตั้งอยู่ข้างๆ โบสถ์ San Rocco สร้างขึ้นเพื่ออุทิศให้แก่ San Rocco ระหว่างปี ค.ศ 1515 และ 1560 ตัวอาคารสร้างด้วยหินอ่อนทั้งหลัง ภายในตกแต่งด้วยภาพจิตรกรรมสุดวิจิตรอลังการกว่า 60 ภาพ ประดับบนฝาผนังและเพดานโบสถ์ วาดเขียนขึ้นโดย Tintoretto ศิลปินชาวเวนิสที่มีชื่อเสียงในศตวรรษที่ 16 เป็นอาคารที่สะท้อนให้เห็นถึงคุณค่าประวัติศาสตร์ผ่านผลงานศิลปะได้เป็นอย่างดี
Isogood_patrick / Shutterstock.com
===============
11. Teatro La Fenice
โรงละครลาเฟนิเช
pisaphotography / Shutterstock.com
โรงละครลาเฟนิเช (Teatro La Fenice) ได้รับแรงบันดาลใจมาจากแนวคิดของ นกฟีนิกซ์ (Phoenix) นกในตำนานที่ฟื้นคืนชีพจากเถ้าถ่าน และกลับมาสง่างามอีกครั้ง เนื่องจากอาคารแห่งนี้ได้ถูกทำลายและสร้างใหม่ถึง 3 ครั้ง ครั้งสุดท้ายคือในปี ค.ศ. 1996 จึงได้มีการสร้างใหม่ให้กลายเป็นโรงละครจนถึงทุกวันนี้ มีนักร้องโอเปร่าที่มีชื่อเสียงอย่าง Rossini, Donizetti และ Verdi มาแสดงที่นี่ รวมถึงเหล่าคณะบัลเล่ต์ และคณะดนตรีออร์เคสตราด้วยเช่นกันค่ะ
===============
12. Lido di Venezia
เกาะลิโด
นอกจากตึกอาคารสุดแสนคลาสสิก เต็มไปด้วยคุณค่าทางประวัติศาสตร์แล้ว เวนิสยังมีเกาะอื่นๆ มากมายที่น่าสนใจ อย่าง เกาะลิโด (Lido di Venezia) ที่มี ชายหาดลิโด (Lido Beach) ทอดยาวอยู่ริมชายฝั่งถึง 12 กิโลเมตร เป็นสถานที่พักตากอากาศยอดนิยมมาตั้งแต่ศตวรรษที่ 20 เหมาะกับการไปอาบแดด และเล่นน้ำทะเล บริเวณริมชายฝั่งยังมีที่พักสวยๆ มากมายให้เลือกสรร อีกทั้งยังเป็นสถานที่จัดงาน International Film Festival ประจำปีด้วย
4kclips / Shutterstock.com