รีเซต

10 ที่เที่ยวชิลี Chile ดีต่อใจ คนไทยเที่ยวได้ไม่ต้องขอวีซ่า

10 ที่เที่ยวชิลี Chile ดีต่อใจ คนไทยเที่ยวได้ไม่ต้องขอวีซ่า
Travel TrueID
16 พฤศจิกายน 2565 ( 18:05 )
15.7K
2

      คราวนี้ เราพามาเที่ยวไกลออกไปจากบ้านเรามากๆ ที่ ชิลี (Chile) ค่ะ อีกหนึ่งในประเทศน่าเที่ยวในอเมริกาใต้ คนที่รักการท่องเที่ยวธรรมชาติต้องฟินแน่ๆ เพราะ แลนด์สเคปของชิลีมันช่างยิ่งใหญ่อลังการเว่อร์วังซะจริงๆ ทั้ง ทะเลทราย หน้าผา ภูเขาไฟ ธารน้ำแข็ง ก็มีให้ดูกันที่นี่ค่ะ ตามเรามาชิลมากๆ กับ 10 ที่เที่ยวชิลี ต้องเช็คอิน ตามนี้ได้เลยค่ะ แถมคนไทยเราไม่ต้องขอวีซ่าอีกด้วย

 

 

      ชิลี เป็นประเทศที่ยาวที่สุดในโลก โดยมีความยาวตลอดชายฝั่งมหาสมุทรแปซิฟิกกว่า 4,300 กิโลเมตรเลยทีเดียว แต่ก็มีจุดที่กว้างที่สุดเพียง 130 กิโลเมตรเท่านั้นค่ะ ที่นี่มีธรรมชาติที่สมบูรณ์ และมีความหลากหลายทางลักษณะภูมิประเทศ โพสต์ตรงไหน ถ่ายรูปสวยไปหม๊ดดดด

 

     นอกจากนี้ ความพิเศษของการมาเที่ยวชิลีก็คือ คนไทยที่ถือหนังสือเดินทางประเทศไทย สามารถเที่ยวชิลีได้โดยไม่ต้องขอวีซ่า และสามารถอยู่ในประเทศได้เป็นเวลานานถึง 90 วันเลยทีเดียวจ้า

 

 

10 ที่เที่ยวชิลี นักท่องเที่ยวไทยไม่ต้องขอวีซ่า!

 

1. Torres Del Paine National Park

 

Torres Del Paine National Park

 

      อุทยานแห่งชาติ Torres Del Paine เป็นอุทยานฯ ที่มีพื้นที่ธรรมชาติ ครอบคลุมทั้งแม่น้ำ ทะเลสาบ ธารน้ำแข็ง และพื้นป่าที่อุดมสมบูรณ์ และมีความซับซ้อนทางธรณีวิทยา และชีววิทยาอย่างมาก ทำให้ในอุทยานฯ นั้นเต็มไปด้วยพืชมากมายหลากหลายสายพันธุ์

 

 

     นอกจากความสวยงามของธรรมชาติสุดอลังการด้วยนั้น เราอาจจะได้พบกับ กวานาโก (Guanaco) สัตว์หายากที่หาพบได้ในอุทยานฯ แห่งนี้อีกด้วย 

=================

 

2. โมอาย เกาะอีสเตอร์ Moai, Easter Island

 

 

     มาถึงชิลี จะไม่พูดถึง โมอาย (Moai) ที่ เกาะอีสเตอร์ (Easter Island) ก็คงจะไม่ได้ เพราะที่นี่คือแหล่งดึงดูดนักท่องเที่ยวชื่อดังระดับโลกของชิลีเลยล่ะค่ะ มีความเชื่อหลายอย่างเกี่ยวกับรูปปั้นโมอาย ตั้งแต่เรื่องของชนเผ่าไปยันมนุษย์ต่างดาวเลยทีเดียว ด้วยความไม่ชัดเจนในการสร้างของรูปป้นโมอายเหล่านี้ จึงดึงดูดใจนักโบราณคดี นักประวัติศาสตร์ รวมไปถึงนักท่องเที่ยวจากทั่วโลกนั่นเอง 

 

 

      นอกจากนี้ รูปปั้นโมอาย ยังได้ขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกโดย UNESCO อีกด้วย ซึ่งบริเวณทั่วทั้งเกาะนั้น จะมีรูปปั้นโมอาย มากกว่า 600 ตัวทีเดียว อีกทั้งบางตัวยังมีหน้าตาต่างกันออกไป เป็นอะไรที่น่าอัศจรรย์มากๆ ค่ะ

ดูรีวิวเต็มๆ ที่ ไขปริศนา รูปปั้นโมอาย เกาะอีสเตอร์ ความลึกลับที่ซ่อนอยู่ใต้ผืนดิน

=================

 

3. General Carrera Lake

 

 

       ถ้ำลายหินอ่อน ที่ ทะเลสาบ General Carrera ตั้งอยู่ระหว่างประเทศชิลี และประเทศอาร์เจนตินา เป็นอีกหนึ่งสถานที่เที่ยวในชิลีที่ใครได้มาถึงแล้วต้องร้องว่า โอ้โห้ววว! และตะลึงในความสวยงามของที่นี่

 

 

       กิจกรรมท่องเที่ยวของที่นี่ก็คือ การพายเรือคายัคเข้าไปในถ้ำเพื่อชมความสวยงาม เราจะได้ตื่นตาตื่นใจกับหินอ่อนภายในถ้ำ ซึ่งมีแสงสะท้อนจากผิวน้ำในทะเลสาบ จนทำให้ผนังถ้ำกลายเป็นสีฟ้าตามสีของน้ำทะเลสาบนั่นเองค่ะ อีกทั้งแสงสะท้อนผิวน้ำนี้จะให้ความสวยงามที่แตกต่างกันไปตามระดับน้ำขึ้นน้ำลง แสง และอากาศในช่วงเวลานั้นๆ อีกด้วย

===================

 

4. Lauca National Park

 

 

      อุทยานแห่งชาติเลากา (Lauca National Park) ตั้งอยู่ในเทือกเขาแอนดีส (Andes) ที่นี่มีลักษณะภูมิประเทศที่หลากหลายมากๆ ทั้ง ทะเลสาบ ทะเลทราย หุบเขา และภูเขา ทำให้กลายเป็นที่เที่ยวสวยสุดๆ ที่พลาดไม่ได้อีกแห่งหนึ่งในชิลีเลยทีเดียวค่ะ 

 

 

      ไฮไลท์ของที่นี่อยู่ที่ ทะเลสาบชุงการา (Chungara Lake) ที่ได้ชื่อว่าตั้งอยู่สูงมากเป็นอันดับที่ 29 ของโลกเลยทีเดียวค่ะ นอกจากนี้ภายในอุทยานฯ ยังมีสัตว์น้อยใหญ่มากมายกว่า 100 สายพันธุ์ รวมถึงมีสัตว์ใกล้สูญพันธุ์อย่าง วิคูนา (Vicuna) อาศัยอยู่ที่นี่อีกด้วย

===================

 

5. Todos Los Santos Lake

 

 

       ทะเลสาบ Todos Los Santos แห่งนี้เกิดขึ้นจากแม่น้ำสีมรกต ที่ชื่อว่า ปิโตร (Petrohué) ใน อุทยานแห่งชาติ Vicente Pérez Rosales ซึ่งมีฉากหลังเป็นภูเขาที่สวยงาม โดยสีของแม่น้ำจะสะท้อนสวยงามเป็นสีเขียว สีน้ำเงิน หรือสีเงิน ขึ้นอยู่กับการไหลของแม่น้ำปิโตร และสภาพอากาศนั่นเองค่ะ

 

 

      ที่นี่ยังเป็นสวรรค์ของการตกปลาอีกด้วย จนได้ชื่อว่า เป็นแหล่งตกปลาที่ดีที่สุดในชิลีเลยทีเดียว ทำให้ในทุกๆ ปี มีคนหลายร้อยคนจากทั่วโลกชุมนุมกันที่นี่เพื่อมาตกปลานั่นเองค่ะ

===================

 

6. บัลปาราอีโซ Valparaiso

 

 

      เมืองบัลปาราอีโซ (Valparaiso) เป็นเมืองท่องเที่ยวอีกแห่งที่ไม่ไปไม่ได้ค่ะ เพราะบ้านเรือนภายในเมืองเต็มไปด้วยลวดลาย และสีสันสวยงาม ฉูดฉาด และดูคึกคักมากๆ ที่นี่เป็นเมืองท่าที่สำคัญของชิลี และได้รับการประกาศว่าเป็น เมืองหลวงทางวัฒนธรรมของชิลีอีกด้วย ด้วยความเป็นเอกลักษณ์ของเมืองนี้ทำให้ UNESCO ขึ้นทะเบียนเมืองบัลปาราอีโซเป็นหนึ่งในมรดกโลก

 

Yasemin Olgunoz Berber / Shutterstock.com

 

     ไฮไลท์ของที่นี่ก็คือ การเดินเล่นชิลตามตรอกซอกซอย ต่างๆ ของเมืองที่มีลวดลายต่างๆ เพ้นท์ตามผลัง กำแพงอย่างสวยงาม เหมือนได้ไปดื่มด่ำกับศิลปะรอบตัว ใครที่ชอบตึกสวยๆ อาร์ทๆ วินเทจ ต้องลองไปเดินเที่ยวดูสักครั้งค่ะ

==================

 

7. หุบเขาแห่งพระจันทร์ Valle De La Luna

 

 

       Valle de la Luna หรือ Moon Valley เป็นหุบเขาที่ได้รับสมยานามว่า หุบเขาแห่งพระจันทร์ ตั้งอยู่ห่างจากเมือง San Pedro de Atacama ทางเหนือของชิลี ไปประมาณ 13 กิโลเมตรค่ะ ความอลังการของที่นี่อยู่ตรงธรรมชาติ พื้นผิวของที่แห่งนี้มีลักษณะและสีคล้ายคลึงกับดวงจันทร์มากๆ อย่างไม่น่าเชื่อ ซึ่งกิดจากการทับถมของแร่ธาตุพร้อมทั้งการกัดกร่อนของลมและน้ำเป็นเวลาหลายล้านปี ทำให้เหมือนยืนอยู่นอกโลกเลยทีเดียว

 

 

       อีกทั้งหุบเขานี้ ยังเป็น 1 ในสถานที่ที่แห้งแล้งที่สุดในโลกอีกด้วยค่ะ เนื่องจากไม่มีฝนตกมากว่าหลายร้อยปี และน้ำทะเลที่แห้งไปจนกลายเป็นสีขาวปกคลุม จึงกลายเป็นที่เที่ยวสวยอีกแห่งที่นักท่องเที่ยวสายถ่ายรูปพลาดไม่ได้ 

===================

 

8. La Portada

 

 

      ซุ้มประตูแห่งท้องทะเล La Portada แห่งนี้ตั้งอยู่ที่ เมืองอันโตฟากัสตา (Antofagasta) เมืองท่าทางเหนือของชิลี ที่นี่เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่เหมาะที่จะแพ็คกระเป๋าไปชิลมากๆ รวมถึงยังมีที่เที่ยวสวยอย่าง La Portada หรือที่เรียกว่า ซุ้มประตูแห่งท้องทะเล นั่นเอง

 

 

      ประตูแห่งนี้ ไม่ได้ถูกสร้างขึ้นด้วยฝีมือมนุษย์อย่างเราๆ แต่ถูกสร้างโดยธรรมชาติ น้ำทะเลที่กัดกร่อนหินจนกลายเป็นซุ้มประตูกลางทะเลที่สวยงาม

===================

 

9. Los Pinguinos Natural Monument

 

 

      ปิดท้ายกันที่  Los Pinguinos Natural Monument หรือ หมู่บ้านเพนกวิน ที่เที่ยวที่มีเพนกวินสายพันธุ์มาเจลลันมากกว่า 150,000 ตัวเลยทีเดียว ใครที่อยากไปเจอน้องตัวเป็นๆ น่ารักๆ แบบนี้ล่ะก็ พลาดไม่ได้เลยค่ะ 

 

 

      หมู่บ้านเพนกวิน Los Pinguinos Natural Monument แห่งนี้ ตั้งอยู่บนเกาะ Magdalena ทางตอนใต้ของประเทศชิลี เป็นที่อยู่อาศัยตามธรรมชาติของเหล่าเพนกวินน้อย อยู่ที่ความดูแลขององค์กรป่าสงวนแห่งชาติ National Forest Corporation of Chile การเดินทางมาเที่ยวที่นี่ต้องใช้เวลาหมดไปเกือบวันเต็มๆ ค่ะ เพราะต้องนั่งเรือข้ามฟากจากท่าเรือเมืองปุนตาอาเรนัส (Punta Arenas) ใช้เวลา 5 ชั่วโมง (ไป-กลับ)

===================

 

10. ทะเลทรายอาตาคามา Atacama Desert

 

 

     ทะเลทรายอาตาคามา ได้ชื่อว่าเป็นทะเลทรายที่แห้งแล้งที่สุดในโลก ตั้งอยู่ทางตอนใต้ของประเทศเปรู กินพื้นที่กว้างใหญ่สุดลูกหูลูกตา แถมในทางธรณีวิทยาแล้ว ที่นี่ยังมีลักษณะคล้ายกับดวงจันทร์อีกต่างหาก

 

 

     แม้จะแห้งแล้งขนาดไหน แต่สิ่งที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวให้มาที่นี่ ก็คือการมาดูฝูงนกฟลามิงโก้นับพันตัว ที่ยืนอวดเรียวขา ย่องผ่านผืนน้ำสีน้ำเงิน รวมถึงสิ่งมีชีวิตอันแสนทรหดอดทนอีกหลากหลายชนิดที่อาศัยอยู่ภายใต้แสงอาทิตย์อันแสนร้อนแรงนี้ เช่น แพะ ลามา เป็นต้น

===================