13 ที่เที่ยวยุโรป เที่ยวสบายไปได้ทุกฤดู
จำได้ว่าเมื่อก่อนการคุยกับคนใกล้ตัวถึงเรื่องทริปเที่ยวยุโรปนั้น ดูเป็นเรื่องไกลตัวกว่าตอนนี้มากๆ ไม่ใช่แค่จะต้องเก็บเงินเที่ยวนะ ยังมีทั้งเรื่องของเที่ยวบิน เรื่องของเวลาอีกมากมาย เพราะไปทีก็ต้องลางานหลายวันด้วย กว่าจะไปได้ทีต้องใช้เวลาตัดสินใจเยอะมากกก
- วีซ่าเชงเก้น สำหรับทัวร์ยุโรป คืออะไร ขออย่างไร มาเตรียมให้พร้อมกัน !
- สแกนดิเนเวีย คืออะไร อยู่ที่ไหน มีประเทศอะไรบ้าง ไปเที่ยวช่วงไหนดี ?
แต่การได้ไปสัมผัสเรื่องราวทางประวัติศาสตร์ ศิลปวัฒนธรรม และแหล่งท่องเที่ยวธรรมชาติที่แปลกตา ทำให้ประเทศในทวีปยุโรป ล้วนมีสถานที่น่าหลงใหลชวนให้บินไปทั้งนั้น และทุกวันนี้การไปแถบยุโรปก็ง่าย และสะดวกกว่าเดิมมาก มีไฟล์ทบินทุกวัน และค่าใช้จ่ายไม่สูงเมื่อเทียบกับเมื่อก่อน สตาร์ทไม่กี่หมื่นก็ได้ไปเที่ยวแล้ว แต่ก่อนจะแพ็คกระเป๋าเดินทางเราไปดูกันว่า 13 ประเทศในทวีปยุโรปมีสถานที่ท่องเที่ยวไหนบ้าง ที่ต้องไปเยือนให้ได้!
1.ออสเตรีย (Austria)
ใครที่ชอบฟังดนตรีคลาสสิก ชอบดูงานศิลปะ และสถาปัตยกรรมต่างๆ ท่ามกลางบรรยากาศแสนโรแมนติกล่ะก็ ต้องนึกถึง เวียนนา (Vienna) เมืองหลวงและเมืองใหญ่ที่สุดของประเทศ อันขึ้นชื่อว่าเป็นเมืองแสนสะอาดรายล้อมด้วยธรรมชาติและขุนเขา ทั้งเมื่อปี 2014 ยังได้รับการกล่าวขานว่าเป็นเมืองที่น่าอยู่ และคุณภาพชีวิตที่ดีที่สุดในโลก สำหรับสถานที่ท่องเที่ยวไม่ควรพลาด อาทิ
- พระราชวังมรดกโลก-พระราชวังเชินบรุนน์ (Schoenbrunn Palace) พระราชวังฤดูร้อนอันยิ่งใหญ่ของราชวงศ์ฮับส์บวร์ก สร้างขึ้นปลายศตวรรษที่ 17
- จัตุรัสสเตฟาน (Stephansplatz) ศูนย์กลางกรุงเวียนนา ผู้คนมากมายนิยมมาเที่ยวที่จัตุรัสแห่งนี้ เพราะเป็นที่ตั้งของ มหาวิหารเซนต์สตีเฟน (St. Stephen) สัญลักษณ์ของเมืองและสำคัญที่สุดของออสเตรีย ด้วยสถาปัตยกรรมแบบโกธิคที่อ่อนช้อยงดงามมาก
- บ้านดนตรี (House of Music) ภายในบ้านดนตรีได้จัดสรรพื้นที่เป็นห้องพิพิธภัณฑ์ทางดนตรีของเหล่าศิลปินชื่อก้องโลกอย่าง บีโธเฟ่น (Ludwigvan Beethoven), โมสาร์ต (Wolfgang Amadeus Mozart), โยฮัน สเตราส (Johann Strauss)
- สวนสนุกพราเตอร์ (Prater) สวนสนุกที่ใหญ่ที่สุดของออสเตรีย และมีชิงช้าสวรรค์ (Riesenrad) ขนาดยักษ์สูงกว่า 200 ฟุต เป็นชิงช้าสวรรค์ที่อยู่คู่เวียนนามาตั้งแต่ ค.ศ.1879 เมื่อขึ้นไปนั่งจะได้ชมวิวกับบรรยากาศที่แสนวิเศษ
====================
2.เบลเยี่ยม (Belgium)
แม้ว่า “เบลเยียม” (Belgium) จะโด่งดังในเรื่องของช็อกโกแลต แต่ประเทศนี้ยังมีมนต์เสน่ห์อีกหลายอย่างรอให้นักท่องเที่ยวได้มาสัมผัส ประวัติศาสตร์ยาวนานมากกว่า 1,000 ปี ประเทศเล็กๆ แห่งนี้แสนสงบ อากาศดี อุณหภูมิเฉลี่ย 5-18 องศาเซลเซียส ตลอดปี น่าไปชมความสวยงามของสถาปัตยกรรมและธรรมชาติ โดยเฉพาะ “กรุงบรัสเซลส์” (Brussels) เมืองหลวง ซึ่งเป็นศูนย์กลางของสหภาพยุโรป มีความงามเป็นเอกลักษณ์ดึงดูดนักท่องเที่ยวให้มาเยือนไม่ขาดสาย มีไฮไลต์อย่าง
- ศาลาว่าการกรุงบรัสเซลส์ (Brussels Town Hall) สร้างด้วยสถาปัตยกรรมเเบบโกธิกตั้งแต่ยุคกลาง ตระหง่านมั่นคงมาถึงปัจจุบัน จุดเด่นอยู่ที่ยอดแหลมของหอแขวนระฆังที่สวยงามมาก
- จัตุรัสกรองด์ ปลาส (Grong Plas) สถานที่ท่องเที่ยวอันดับหนึ่งของเบลเยียม อายุกว่า 400 ปี ถือเป็นจุดดึงดูดให้ทุกกรุ๊ปทัวร์มาเยือน เพราะสวยงามติดอันดับต้นๆ ของทวีปยุโรป เเวดล้อมไปด้วยอาคารเก่าเเก่สถาปัตยกรรมเเบบบาร็อก, โกธิก เเละนีโอโกธิก เเต่ละอาคารที่โอบล้อม ล้วนสูงตระหง่านสง่างาม และขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกตั้งแต่ปี 1983
====================
3.เดนมาร์ก (Denmark)
เดนมาร์ก โอบล้อมด้วยมหาสมุทร และเต็มไปด้วยสถานที่สวยงามมากมาย ทั้งธรรมชาติและสถาปัตยกรรมสุดอลังการ ไม่ว่าจะเป็น
- พระราชวังฤดูหนาว หรือ พระราชวังอะเมรินโบรก ที่ยิ่งใหญ่ เคยเป็นที่ประทับของ สมเด็จพระราชินีนาถมาร์เกรเธอที่ 2 แห่งเดนมาร์ก อาคารเป็นสถาปัตยกรรมร็อคโคโค ตรงกลางมีลานกว้างใหญ่แบบแปดเหลี่ยม ประดิษฐานอนุสาวรีย์ King Frederik V ประทับบนหลังม้า
- พระราชวังโรเซนเบิร์ก สถานที่ท่องเที่ยวสำคัญของกรุงโคเปนเฮเกน งานสถาปัตยกรรมยุคดัตส์เรเนสซอง อายุกว่า 400 ปี ด้านนอกโอบล้อมด้วยสวนคิงส์การ์เด้น ชวนให้เดินเล่นถ่ายรูป
- จัตุรัสซิตี้ฮอลล์ สถานที่ที่มีสถาปัตยกรรมเก่าแก่สวยที่สุดของกรุงโคเปนเฮเกน และใกล้ๆ กัน ยังมี ถนนคนเดินสตรอยก์ (Stroget) แหล่งช้อปปิ้งที่ถูกยกให้เป็นถนนคนเดินยาวที่สุดในยุโรป
- น้ำตกมูลาฟอสเซอร์ น้ำตกธรรมชาติที่โอบล้อมด้วยความเขียวขจี และก้อนเมฆที่ลอยรอบตัว ราวกับอยู่บนสวรรค์ โดดเด่นด้วยภูเขาหินที่มีน้ำตกแทรกลงมาดูแปลกตา
====================
4.อังกฤษ (England)
หนึ่งในประเทศที่มีอิทธิพลต่อทวีปยุโรปมาตั้งแต่อดีตจวบจนปัจจุบัน เสน่ห์ที่ทำให้ใครต่อใครหลงรักอังกฤษคือวัฒนธรรมอันเป็นเอกลักษณ์ มีธรรมชาติที่สวยงามพร้อมสถานที่ท่องเที่ยวทางประวัติศาสตร์ชวนตะลึงมากมาย ไล่ไปตั้งแต่
- พระราชวังบักกิงแฮม (Buckingham palace) พระราชวังเก่าแก่ของราชวงศ์อังกฤษ ปัจจุบัน เป็นพระราชฐานของสมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 และพระราชวงศ์ ซึ่งได้เปิดบางส่วนให้นักท่องเที่ยวได้เข้าชมความงดงามของสถาปัตยกรรมสุดอลังการ
- หอนาฬิกาบิ๊กเบน (Big Ben) สถาปัตยกรรมอันเป็นเอกลักษณ์กลางกรุงลอนดอน อายุมากกว่า 150 ปี สูงเกือบ 100 เมตรมีหน้าปัดนาฬิกาทั้ง 4 ด้าน ระฆังด้านในหนักถึง 13 ตัน จึงมีเสียงดังกังวานไปทั่วเมือง
- สโตนเฮนจ์ (Stonehenge) อนุสรณ์สถานที่สร้างความฉงนใจให้กับชาวโลก ด้วยกลุ่มแท่งหินมหึมา อายุมากกว่า 5,000 ปี เรียงเป็นวงกลม 2 วง ซ้อนกัน อีกแท่งวางอยู่ด้านบน อยู่กลางทุ่งโล่งกว้างสีเขียวสด เกิดเป็นทัศนียภาพที่สวยแปลกตา
- โคคา-โคลา ลอนดอน อาย (Coca-Cola London Eye) อีกหนึ่งประสบการณ์ที่จะทำให้จดจำอังกฤษไปตลอดกาล กับการขึ้นชิงช้าสวรรค์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก สูงกว่า 135 เมตร ตั้งโดดเด่นริมแม่น้ำเทมส์ ที่นักท่องเที่ยวจะได้เห็นทัศนียภาพของลอนดอนในมุมสูง
====================
5.ฝรั่งเศส (France)
เมื่อบินไปฝรั่งเศส ต้องไม่พลาดตะลอนทัวร์ให้ทั่วกรุงปารีส เริ่มจากแลนด์มาร์กที่หลายคนรู้จักกันดี นั่นก็คือ
- พระราชวังแวร์ซาย (Château de Versailles) ออกแบบและตกแต่งอย่างสวยงามตระการตา ภายในมีห้องถึง 700 ห้อง พร้อมจิตรกรรมและประติมากรรมประดับตกแต่ง ด้านนอกมีสวนแวร์ซายที่ยิ่งใหญ่ให้ถ่ายรูปที่ระลึก
- พระราชวังฟงแตนโบล (Château de Fontainebleau) พระราชวังหลวงอันเก่าแก่และใหญ่ที่สุดของฝรั่งเศส มีสัญลักษณ์สำคัญ คือ บันไดเกือกม้า ด้านหน้าพระราชวัง ซึ่งเป็นสถานที่นโปเลียนได้บัญชาการรบเพื่อขยายแสนยานุภาพไปทั่วทวีปยุโรป และยังมีห้องเลี้ยงรับรองสุดหรู ซึ่งเคยเป็นที่รับเสด็จ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 อีกด้วย
- หมู่บ้านชิแวร์นี่ (Giverny) มีสถานท่องเที่ยวอันโดดเด่นคือ พิพิธภัณฑ์บ้านโมเนต์ (Monet’s house) ซึ่งอดีตเป็นที่พำนักของศิลปินเอก โกลด โมเนต์ นอกจากจะตกแต่งบ้านได้อย่างน่ารักแล้ว ยังมีไฮไลต์อยู่ที่สวนดอกไม้สไตล์อังกฤษ และสระบัวที่เป็นต้นกำเนิดของภาพวาด “Water Lilies” อันโด่งดังของเขา
- วิหารมงแซ็ง-มีแชล (Mont Saint-Michel) วิหารโออ่าวิจิตรงดงามมาก อายุนับพันปี ตั้งอยู่บนเกาะกลางทะเลชายฝั่งตะวันตกของแคว้นนอร์มังดี ซึ่งได้รับการขึ้นทะเบียนให้เป็นมรดกโลก
====================
6.เยอรมนี (Germany)
ประเทศนี้เป็นที่รู้จัก และมีประวัติศาสตร์มาตั้งแต่สมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 ทั้งยังได้ชื่อว่าเป็นประเทศที่สวยอันดับต้นๆ ของทวีปยุโรป มีไฮไลต์ อาทิ
- เมืองมิวนิก (Munich) หนึ่งสถานที่เที่ยวดีที่สุด ด้วยฉากหลังของวัฒนธรรมที่โอ่อ่าอย่างโรงละครแห่งชาติใจกลางเมือง สร้างขึ้นด้วยการผสมผสานเสน่ห์ของสถาปัตยกรรมคลาสสิก และความทันสมัย
- โคโลญ (Cologne) หนึ่งในเมืองยอดนิยมของนักท่องเที่ยวที่ใฝ่ฝันมาเยือน ด้วยความเป็นเมืองเก่าแก่ แต่ก็เต็มไปด้วยชีวิตชีวา มีสถานที่เที่ยวที่น่าสนใจ อาทิ มหาวิหารโคโลญ ซึ่งได้ชื่อว่าเป็น 1 ใน 12 คริสตจักรโรมันอันงดงามของสถาปัตยกรรมยุคกลาง
- และปราสาทที่ได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวมากที่สุดก็คือ ปราสาทนอยชวานชไตน์ (Neuschwanstein Castle) อยู่ในเทือกเขาแอลป์ ต้นแบบของการสร้างปราสาทเทพนิยายเจ้าหญิงนิทราที่สวนสนุกดิสนีย์แลนด์นั่นเอง ภายในเปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าชมได้ 14 ห้อง โดยมีไฮไลต์ คือ ห้องบรรทมของพระเจ้าลุดวิก ที่สร้างขึ้นในศิลปะแบบโกธิก ตกแต่งด้วยงานแกะสลักไม้อย่างวิจิตร
====================
7.อิตาลี (Italy)
อิตาลี เป็นอีกหนึ่งจุดหมายปลายทางของนักท่องเที่ยวทั่วโลก มีชาวต่างชาติมาเยือนมากเป็นอันดับห้าของโลก ส่วนใหญ่หลงใหลในประวัติศาสตร์,อนุสาวรีย์โบราณที่ล้ำค่า, แฟชั่น, อาหาร มีไฮไลต์เริ่มตั้งแต่
- กรุงโรม (Rome) เมืองหลวงที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานมากกว่า 2,800 ปี และยังเป็นที่ตั้งของนครรัฐวาติกัน ที่ประทับประมุขแห่งคริสตจักรโรมันคาทอลิก สำหรับสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญ อาทิ สนามกีฬาแห่งกรุงโรม (The Colosseum of Rome) สิ่งมหัศจรรย์ของโลกแห่งนี้ เป็นสนามกีฬากลางแจ้งขนาดใหญ่ที่เริ่มสร้างขึ้นในสมัยจักรพรรดิเวสปาเซียนแห่งอาณาจักรโรมัน ตัวสนามสร้างเป็นรูปตึกวงกลมก่อด้วยอิฐและหินขนาดใหญ่ โดยรอบยาว 527 เมตร สูง 57 เมตร มี 4 ชั้น อัฒจรรย์จุคนดูได้ประมาณ 80,000 คน เป็นสิ่งก่อสร้างที่แสดงถึงความรุ่งโรจน์ของอาณาจักรโรมันโบราณ น้ำพุเทรวี่ (The Trevi Fountain) เป็นจุดที่ไม่ควรพลาด เพราะมีความสวยงามทางสถาปัตยกรรมอย่างมาก ตรงกลางของน้ำพุมีรูปปั้นของเทพเจ้าเนปจูน (Neptune) ตามธรรมเนียม นักท่องเที่ยวที่มาชมน้ำพุควรโยน 1 เหรียญลงไปในสระ ซึ่งเชื่อกันว่าหากโยนลงไปจะได้กลับมาเยือนกรุงโรมอีกครั้ง
- หอเอนเมืองปิซา (Leaning Tower of Pisa) ตั้งอยู่ที่เมืองปิซา ในจัตุรัสเปียซซา เดล ดูโอโม หอระฆังของศาสนาคริสต์นิกายโรมันคาทอลิก รูปทรงกระบอก 8 ชั้น สร้างด้วยหินอ่อนสีขาว สูง 183.3 ฟุต (55.86 เมตร) มีบันได 293 ขั้น เอียง 3.97 องศา ยอดของหอห่างจากแนวตั้งฉาก 3.9 เมตร เวนิซ (Venice/ Venezia) เมืองที่สวยที่สุดแห่งหนึ่งในอิตาลี ที่รู้จักกันในประวัติศาสตร์ศิลปะ และคลองที่มีชื่อเสียงระดับโลก
====================
8.นอร์เวย์ (Norway)
นอร์เวย์ (Norway) สถานที่ท่องเที่ยวในฝันของนักเดินทางทั่วโลก ด้วยที่นี่มีแหล่งท่องเที่ยวธรรมชาติสุดอลังการมากมาย ทั้งภูเขา น้ำตก ท้องทะเล และยังเป็นสถานที่ยอดนิยมในการไปดูแสงเหนืออีกด้วย ใครที่อยากหาสถานที่ท่องเที่ยวต่างประเทศที่สวย ๆ สุดอลังการ บอกเลยว่านอร์เวย์เป็นจุดหมายปลายทางที่เหมาะกับคุณมาก ๆ
- เริ่มที่เมืองหลวง ออสโล (Oslo) เอกลักษณ์ของที่นี่คือมีสถาปัตยกรรมทั้งเก่าและใหม่สวยงามมากมาย มีทั้งพิพิธภัณฑ์ แกลลอรี่ และโรงละคร นอกจากนี้ยังมีร้านอาหารและคลับบาร์ให้ได้เลือกนั่งพักผ่อนชิลล์ๆ
- Nidaros Cathedral วิหารที่มีความเก่าแก่และสวยงามมากที่สุดแห่งหนึ่งของยุโรป มีลักษณะสถาปัตยกรรมแบบโกธิค ทั้งภายในและภายนอกออกแบบอย่างสวยงามวิจิตรบรรจง ด้านในมีทางเดินให้นักท่องเที่ยวได้ขึ้นไปชมวิวด้านบนวิหารด้วย
- Reine หมู่บ้านชาวประมงบนเกาะ Lofoten มีบรรยากาศที่สวยงามและเงียบสงบ บ้านเรือนเป็นแบบดั้งเดิมมีสีสันสดใส ชวนให้หลงใหล ยิ่งในฤดูหนาวมีหิมะปกคลุมทั้งภูเขา และบ้านเรือน ยิ่งสวยงามราวกับดินแดนในฝัน
- Latefossen น้ำตกขนาดใหญ่ในเขต Odda ของเมือง Hordaland เป็นสถานที่ห้ามพลาด เพราะน้ำตกแห่งนี้มีความสูงประมาณ 165 เมตร มีลักษณะเป็นสายน้ำ 2 สาย ไหลลงมาบรรจบกันที่ทะเลสาบ Lotevatnet และอยู่ติดถนนสาย Norwegian National Road 13 ที่นี่จึงเป็นจุดแวะพักยอดนิยมของนักท่องเที่ยว
====================
9.รัสเซีย (Russia)
นับตั้งแต่ “รัสเซีย” หรือสหพันธ์สาธารณรัฐรัสเซียเปิดออก นักท่องเที่ยวจากทุกมุมโลกก็หลั่งไหลเดินทางไปเยือนปีละหลายล้านคน เพื่อสัมผัสกับศิลปวัฒนธรรม และศึกษาประวัติศาสตร์ที่น่าสนใจ โดยเฉพาะ “กรุงมอสโก” เมืองหลวง ที่วันนี้ได้พลิกโฉมเป็นมหานครทันสมัย รวมไว้ด้วยสถาปัตยกรรมสุดตระการตาผสานกับวัฒนธรรมที่โดดเด่น สถานที่สำคัญน่าชม อาทิ
- จัตุรัสแดง (Red Square) เป็นดั่งใจกลางเมืองมีนักท่องเที่ยวมาเยือนมากที่สุด เพื่อชมความงามของสถาปัตยกรรมที่อยู่รายรอบ
- พระราชวังเครมลิน (Grand Kremlin Palace) ถือเป็นสถาปัตยกรรมยุคกลางดีที่สุดในยุโรป และเป็นเสมือนหัวใจของคนในกรุงมอสโก เพราะตามความเชื่อโบราณของชาวรัสเซียน สถานที่แห่งนี้เปรียบดั่งที่ทรงสถิตขององค์พระผู้เป็นเจ้า อดีตเป็นที่ประทับของพระเจ้าซาร์
- ศูนย์การค้ากุม (GUM) เป็นศูนย์การค้าเก่าแก่ สวยงาม หรูหรา และใหญ่ที่สุดในกรุงมอสโก สร้างเมื่อปี 1895 ตั้งอยู่บริเวณลานกว้างในย่านจัตุรัสแดง ใครตั้งใจจะมาช้อปปิ้งสินค้าแบรนด์เนมถือว่ามาถูกทาง เพราะมีช็อปแบรนด์ดังเปิดบริการมากมาย
- สถานีรถไฟใต้ดิน มอสโก (Moscow Metro) ถือเป็นสิ่งก่อสร้างที่ชาวรัสเซียนสามารถอวดชาวต่างชาติให้เห็นถึงความยิ่งใหญ่ด้านประวัติศาสตร์ ความเป็นชาตินิยม และวัฒนธรรมประเพณีอันสวยงาม ด้วยการตกแต่งแต่ละสถานีแตกต่างกัน โดยเฉพาะสถานีกลางกรุงมอสโก ได้รับการโหวตว่าเป็นหนึ่งในสถานีรถไฟฟ้าใต้ดินที่สวยที่สุดในโลก
====================
10.สวีเดน (Sweden)
เป็นที่รู้จักในนามดินแดนดวงอาทิตย์เที่ยงคืน และดินแดนแห่งไวกิ้ง เป็นจุดหมายปลายทางที่นักท่องเที่ยวทั่วโลกปรารถนาจะมาเยือนสักครั้งในชีวิต โดยเฉพาะเมืองหลวงอย่าง กรุงสต็อกโฮล์ม โอบล้อมด้วยทะเลบอลติก (Baltic Sea) ทะเลสาบมาลาเร็น (Lake Malaren) ทำให้สตอกโฮล์มเป็นเมืองหลวงสวยที่สุดแห่งหนึ่งของโลก มีสถานที่ต้องไปเยือน อาทิ
- พระราชวังหลวง (Stockholms slott) เป็นที่ประทับของพระราชวงศ์สวีเดน กล่าวกันว่า ที่นี่คือพระราชวังที่งดงามที่สุดในบรรดาพระราชวังทั้งหมดของทวีปยุโรป
- ย่านเมืองเก่า (Gamla Stan) ย่านเมืองเก่าที่ใหญ่ที่สุดในยุโรป อีกหนึ่งแลนมาร์กที่น่าตื่นตา เพียงย่างเท้าเข้าไปในย่านนี้ ก็เหมือนหลุดมิติไปอยู่ในช่วง ศตวรรษที่ 13 ไม่ว่าจะเป็นบ้านเรือนสิ่งปลูกสร้างที่สวยงามด้วยสถาปัตยกรรมแบบสวีเดน ที่ยังคงรักษาสภาพดั้งเดิมไว้ได้เป็นอย่างดี
- ศาลาว่าการเมืองสต็อกโฮล์ม (Stockholm City Hall) มีการตกแต่งอย่างวิจิตรตระการตาราวกับพระราชวัง ด้วยศิลปะอาร์ตนูโว หลังคาฝ้าเพดานของห้องประชุมออกแบบให้มีลักษณะคล้ายกับท้องเรือไวกิ้ง เสมือนกำลังแล่นไปบนผืนน้ำทะเลสีฟ้า
- สถานีรถไฟใต้ดินสต็อกโฮล์ม (Stockholm Metro) ได้รับการยกย่องว่าเป็นพิพิธภัณฑ์ศิลปะที่ยาวที่สุดในโลก และติดอันดับ 1 ใน 7 ของสถานีรถไฟฟ้าใต้ดินที่สวยที่สุดในโลก มีจำนวน 100 สถานี 10 เส้นทาง รวมระยะทางยาว 110 กิโลเมตร ทุกสถานีมีเอกลักษณ์น่าตื่นตาตื่นใจ
====================
11.สวิตเซอร์แลนด์ (Switzerland)
เมื่อพูดถึง “สวิตเซอร์แลนด์” เรามักนึกถึงสถานที่ท่องเที่ยวอย่างเทือกเขาจุงเฟรา, เมืองเจนีวา, ภูเขาทิตลิต ทั้งที่ประเทศนี้ยังมีสถานที่น่าสนใจอื่นๆ อีกมากมาย อาทิ
- ทะเลสาบโอชิเนน (Oeschinen Lake) ตั้งอยู่ตรงกลางหุบเขาโอชิเนนที่ระดับความสูง 1,578 เมตร เป็นส่วนหนึ่งของเทือกเขาจุงเฟรา แม้จะเป็นทะเลสาบขนาดเล็กเพียง 1 ตารางกิโลเมตร แต่ก็มีความสมบูรณ์ของธรรมชาติที่สวยงามโดดเด่น
- น้ำตกไรน์ (Rhein fall) น้ำตกเก่าแก่ใหญ่ที่สุดในยุโรป สูงถึง 23 เมตร กว้างกว่า 150 เมตร เกิดขึ้นตั้งแต่ยุคน้ำแข็ง อายุมากกว่า 14,000 ปี
- ธารน้ำแข็งอเลิท์ซ กลาเซียร์ (Aletsch Glacier) ธารน้ำแข็งที่ยาวที่สุดในบรรดาธารน้ำแข็งของเทือกเขาแอลป์ มีความยาวถึง 22 กิโลเมตร หนาถึง 700 เมตร ครอบคลุมพื้นที่มากกว่า 120 ตารางกิโลเมตร มีน้ำแข็งอัดทับถมกันราว 27 พันล้านตัน กลายเป็นที่เที่ยวมรดกทางธรรมชาติสุดอัศจรรย์
- ยอดเขาแมทเทอร์ฮอร์น (Matterhorn) ได้ชื่อว่าสูงที่สุดในเทือกเขาแอลป์ สูงเหนือระดับน้ำทะเลถึง 4,478 เมตร มีจุดเด่นแปลกตาเรียกว่าฮอร์น (เขาสัตว์) ลักษณะสามเหลี่ยมพีระมิด
- ทะเลสาบลูเซิร์น (Lucerne lake) เป็นทะเลสาบสวยที่สุดในสวิตเซอร์แลนด์ อยู่ท่ามกลางหุบเขา มีทิวทัศน์โดยรอบเป็นบ้านเรือนแบบดั้งเดิม แลดูคล้ายหมู่บ้านตุ๊กตา รวมถึงสวนสาธารณะที่เต็มไปด้วยมวลดอกไม้บานสะพรั่งตามฤดูกาล
====================
12. จอร์เจีย
แม้จะก้ำกึ่งว่าเป็นประเทศที่ไม่แน่ใจว่าอยู่ในเอเชีย หรือว่ายุโรปกันแน่ แต่ถ้ามองจากสภาพบ้านเมือง วัฒนธรรม และผู้คนแล้ว จอร์เจียจะดูคล้ายทางยุโรปมากกว่า และมีจุดเด่นอยู่ตรงที่เที่ยวธรรมชาติแบบครบๆ ทั้งป่า แม่น้ำ ภูเขา ค่าใช้จ่ายต่างๆ ก็ไม่แพง ที่สำคัญคือฟรีวีซ่าสำหรับคนไทยอีกด้วย ส่วนที่เที่ยวน่าสนใจได้แก่
- เมืองหลวงทบิลิซี (Tbilisi) เมืองหลวงที่ยังคงรักษาเอกลักษณ์แบบเมืองเก่าไว้ได้เป็นอย่างดี ทั้งสีสันต่างๆ อาคารบ้านเรือนที่ผสมผสานสถาปัตยกรรมของแต่ละยุค ที่สำคัญคือรายล้อมด้วยภูเขาสูงใหญ่สุดลูกหูลูกตา เป็นภาพที่หาได้ยากในเมืองหลวงอื่นในยุโรป
- เมืองโบราณอุพลิสชิเค (Uplistsikhe) เมืองถ้ำโบราณที่ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก สร้างมาตั้งแต่สมัยยุคหิน อายุกว่า 3,000 ปี
- เมืองตากอากาศ บอร์โจมิ (Borjomi) เมืองเล็กน่ารักอันแสนเงียบสงบ และมีชื่อเสียงในด้านน้ำแร่มากที่สุดของประเทศ เพราะเป็นแหล่งน้ำพุร้อนธรรมชาติ มีที่พักมากมายที่เปิดให้บริการแช่น้ำพุร้อน
====================
13. กรีซ
กรีซ เป็นประเทศเล็กแต่ยิ่งใหญ่ต่อโลกจริงๆ เพราะเป็นแหล่งกำเนิดของอารยธรรมของโลกตะวันตกเลยทีเดียว อารยธรรมกรีกโบราณนั้นนับย้อนไปได้ไกลถึง 3,000 ปี ดังนั้นสถานที่ท่องเที่ยวแนวประวัติศาสตร์จะเยอะมาก รวมถึงบ้านเรือนจะยังคงความเป็นยุโรปยุคเก่าไว้ได้เป็นอย่างดี ใครที่ชอบดูอะไรเก่าแก่ และสวยงามน่าจะโดนใจเป็นพิเศษ
- กรุงเอเธนส์ (Athens) หนึ่งในเมืองหลวงที่โบราณที่สุดในโลก และยังมีโบราณสถานที่สมบูรณ์มาก นั่นคือ วิหารพาเธนอน ที่ตั้งอยู่บนยอดเขาสูงเหนือเมืองเอเธนส์นั่นเอง
- ซานโตรินี (Santorini) เกาะสวรรค์แห่งทะเลอีเจี้ยน ที่โด่งดังในเรื่องความสวยงามของอาคารสีขาวฟ้าพาสเทล ที่ตัดกับสีทะเลน้ำเงินเข้มอย่างสวยงามจับใจ และยังเป็นเมืองสุดโรแมนติกที่คู่รักนิยมมาฮันนีมูนกันด้วย
- เมทิโอร่า (Meteora Rocks) กลุ่มอาราม และสำนักสงฆ์นิกายออร์โธดอกซ์ที่ตั้งอยู่บนยอดเขาสูงชัน บางหลังนั้นก็ตั้งอยู่บนภูเขาลูกโดดๆ มองบางมุมแล้วจะเหมือนลอยอยู่บนฟ้าเลย
====================