ชวนเที่ยว บ้านเกิดอิสึรินะ BNK48 ที่ไซตามะ เมืองเก่าน่าเที่ยว ใกล้โตเกียวอีกต่างหาก!
นับจากวันที่ 13 เมษายน 2017 ที่ อิสึตะ รินะ อดีต AKB48 ไอดอลสาวผู้โดดเด่นด้านวาไรตี้บันเทิง ได้ประกาศย้ายมาอยู่ไทย พร้อมกับเปลี่ยนนามสกุลเป็น BNK48 อย่างเป็นทางการ ถึงตอนนี้น้องก็เริ่มฟังพูดอ่านเขียนไทยได้อย่างยอดเยี่ยมเลยทีเดียว *ซึ่งปัจจุบันก็กำลังไปได้สวย กับการรับตำแหน่งชิไฮนิน (ผู้จัดการ) แห่งวง CGM48 วงน้องสาวในแดนเหนือ จังหวัดเชียงใหม่นั่นเอง
picture cells / Shutterstock.com
และยิ่งล่าสุดเธอก็ได้รับคำชื่นชมอย่างล้นหลามในฐานะรุ่นพี่คนสำคัญที่ช่วยผลักดัน จนทำให้ BNK48 เป็นที่รู้จักในวงกว้าง และประสบความสำเร็จถล่มทลายจากงานเลือกตั้ง AKB48 53rd Single World Senbatsu General Election ที่ทั้งเฌอปราง (อันดับ 39) และ มิวสิค (อันดับ 72) ต่างก็ให้เครดิตพี่สาวคนนี้อย่างเต็มที่ (อ่านบทความได้ ที่นี่)
ด้วยความที่รินะเป็นคนสบายๆ ไม่เรื่องมาก ร่าเริงแจ่มใสเข้ากับคนง่าย จนเราหลงรักเธอได้ไม่ยาก นายแมวหง่าวเลยอยากชวนคุณผู้อ่านไปเที่ยวจังหวัด ไซตามะ ซึ่งเป็นบ้านเกิดของอิสึรินะนั่นเอง อยู่ไม่ไกลจากโตเกียว จัดทริปเที่ยวตามรอยแบบ One day trip ก็ทำได้ง่าย และยังคงความอุดมสมบูรณ์ไปด้วยแหล่งต้นน้ำ ธรรมชาติ และศาลเจ้าเก่าแก่ น่าจะโดนใจนักท่องเที่ยวที่ชอบความเรื่อยๆ เอื่อยๆ ไม่เร่งรีบเป็นที่สุด
รินะซังเมื่อ 8 ปีก่อน สมัยอยู่ AKB48 (2010)
วิธีการเดินทางจากโตเกียว ไป ไซตามะ
- จากสถานีรถไฟ UENO นั่งรถไฟสาย JR Takasaki ลงที่สถานี OMIYA (SAITAMA) หรือ Kita-Omiya ในเมืองไซตามะ โดยใช้เวลาประมาณ 30 นาที ราคาประมาณ 550 เยน/เที่ยว
- จากสถานีรถไฟ SHINJUKU (JR) นั่งรถไฟสาย JR Shonan-Shinjuku ไปลงที่สถานี OMIYA (SAITAMA) หรือ Kita-Omiya ในเมืองไซตามะ โดยใช้เวลาประมาณ 30 นาที ราคาประมาณ 470 เยน/เที่ยว
- จากสถานีรถไฟ TOKYO นั่งรถไฟสาย JR Utsunomiya ไปลงที่สถานี OMIYA (SAITAMA) หรือ Kita-Omiya ในเมืองไซตามะ โดยใช้เวลาประมาณ 30 นาที ราคาประมาณ 550 เยน/เที่ยว
การเดินทางทุกแบบใช้ JR Pass, JR TOKYO Wide Pass และ JR East Pass ได้โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายเพิ่ม
ไฮไลท์ที่เที่ยวน่าสนใจใน ไซตามะ
1. เมืองคาวาโกเอะ หรือ โคะเอโดะ (เอโดะน้อย)
ที่นี่เป็นเมืองเก่าที่ยังมีการอนุรักษ์บรรยากาศความโบราณตั้งแต่สมัยเอโดะ จึงได้รับฉายาว่า เอโดะน้อย นั่นเอง นอกจากความสวยงามของบ้านเรือนแล้ว ยังมีจุดแวะชมน่าสนใจอีกมากมาย ได้แก่
- หอระฆังโทคิโนะคาเนะ
ดาวเด่นประจำเมืองที่แขกไปใครมาก็ต้องเห็นหอนี้ แม้จะมีอายุมากแล้วแต่ยังใช้งานได้ตามปรกติ โดยจะมีการตี 4 ครั้งต่อวัน คือ 6 โมงเช้า เที่ยง บ่าย 3 และ 6 โมงเย็น นอกจากนี้มันยังถูกใช้ตีในงานเทศกาลส่งท้ายปีเก่าในคืนสิ้นปีด้วย
- ตรอกลูกกวาด ย่านคาชิย่า โยโกโช
Niradj / Shutterstock
ไม่ไกลจากหอนาฬิกานัก ใครกำลังมองหาของฝากต้องไม่พลาดแถวนี้ เพราะตลอดสองข้างทางจะมีแต่ร้านขายขนมหวาน ยาวเรียงรายต่อกันไป 20 กว่าร้าน ขายกันมานานตั้งแต่ยุคเมจินู่นเลย แถวนี้เป็นแหล่งผลิตลูกกวาดรายใหญ่ในสมัยนั้น ถึงปัจจุบันจำนวนร้านค้าจะลดลงไปบ้างแต่เสน่ห์ความเก่าแก่ยังอยู่ครบถ้วน เราสามารถหาขนมทาโกยากิห่อเซมเบ้กินได้ที่นี่ด้วย เป็นของแปลกที่หากินที่ไหนไม่ได้
===============
2. เมืองคาซึคาเบะ บ้านเกิดชินจัง
เมืองนี้เป็นเมืองบ้านเกิดของหนุ่มน้อยคิ้วดก ชินจัง ตัวการ์ตูนสุดทะเล้นที่แต่งโดยอาจารย์โยะชิโตะ อุซุอิ มีพิพิธภัณฑ์ชินจังตั้งอยู่ที่เมืองนี้ด้วย ใครอยากไปตามหาความทรงจำวัยเด็กไม่ควรพลาด ที่สำคัญยังมีขนมช็อคโก้บี ของโปรดของชินจังให้เราได้ลองกินกันจริงๆ ด้วย
===============
3. พิพิธภัณฑ์รถไฟ (The Railway Museum)
THANACHAI SRISAI / Shutterstock
เพราะการรถไฟในญี่ปุ่นนั้นเปรียบได้ดั่งเส้นเลือดของประเทศ จึงไม่แปลกที่ประวัติศาสตร์การรถไฟของที่นี่จะมีมหาศาลจนเปิดเป็นพิพิธภัณฑ์รถไฟได้ ดำเนินการโดย JR East ข้างในจะมีจัดแสดงรถไฟที่เคยใช้งานจริงเป็นจำนวนมากจากหลากยุค หลายสมัย ตั้งแต่หัวรถจักรไอน้ำ ยันชินคันเซ็นเลยทีเดียว ใครฝันอยาลองขับรถไฟเขาก็มีให้ทดลองขับด้วยนะ
ข้อมูลเพิ่มเติม : railway-museum http://www.railway-museum.jp/en/
===============
4. หมู่บ้านบอนไซโอมิยะ
อันนี้น่าจะเหมาะกับคนที่ชอบปลูกไม้ย่อส่วนอย่างบอนไซเป็นอย่างยิ่ง ในหมู่บ้านนี้รวบรวมเอาบอนไซมากมายที่ชมได้ตลอดทั้ง 4 ฤดูมาไว้ที่นี่ มีสถานอนุบาลบอนไซเพราะที่นี่มีแหล่งน้ำสะอาด และดินมีคุณภาพแร่ธาตุที่ดี นักท่องเที่ยวชาวต่างชาติก็ไม่ต้องกลัวไม่รู้เรื่อง เขามีให้เช่าเครื่อง audio guide เพื่อรับฟังคำอธิบายเป็นภาษาอังกฤษได้
===============
5. สวนฮิทสึจิยามะ
Bankrx / Shutterstock
สวนสาธารณะขนาดใหญ่ในเมืองชิชิบุ ที่หลายๆ คนน่าจะเคยเห็นกันบ่อยๆ ตามนิตยสารท่องเที่ยวหรือโปสเตอร์สวยๆ ที่จะเป็นทุ่งดอกชิบะซากุระมากมายกว่า 350,000 ดอก โดยชิบะซากุระนั้นเป็นต้นซากุระพันธุ์เตี้ยที่จะขึ้นปกคลุมผิวดิน บานในช่วงเดือนเมษา-พฤษภาของทุกปี
===============
6. ล่องเรือไม้นากาโทโระ
อีกหนึ่งกิจกรรมยอดฮิตของนักท่องเที่ยวที่มาเยือนจังหวัดไซตามะ คือการล่องเรือไม้ที่เมืองนากาโทโระ ที่จะพาคุณล่องแม่น้ำอาราคาว่า ท่ามกลางบรรยากาศหุบเขาสองข้างทาง และธรรมชาติที่สวยมากๆ เห็นอย่างนี้แม่น้ำค่อนข้างเชี่ยวพอสมควร คนพายจึงคัดมาแต่ผู้ชำนาญเท่านั้น ใครอยากไปก็ขอให้เป็นคนที่ว่ายน้ำเป็นจะดีมาก
===============
7. สุสานร้อยถ้ำโยชิมิ
นี่คือหนึ่งในโบราณสถานที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่น และมีความเก่าแก่มาตั้งแต่สมัยศตวรรษที่ 6 ในภูเขานั้นมีถ้ำทั้งหมด 219 ถ้ำ ได้รับการจดทะเบียนเป็นโบราณสถานทางประวัติศาสตร์ที่สำคัญของญี่ปุ่น ภายในมีต้นมอสที่เรืองแสงในเวลากลางคืนให้ได้ชมกัน
===============
8. ศาลเจ้าฮิกาวะ
beibaoke / Shutterstock
ศาลเจ้าที่มีชื่อเสียงของจังหวัดไซตามะ สร้างขึ้นในช่วงศตวรรษที่ 5 และใช้เป็นศาสนสถานที่ประกอบพิธีในศาสนาชินโตจวบจนปัจจุบัน ขึ้นชื่อมากในเรื่องการขอพรเกี่ยวกับสุขภาพ ความรัก และการแต่งงาน เครื่องรางประจำศาลนี้จะมีรูปร่างเป็นปลาสีชมพู รวมถึงมีการสะเดาะเคราะห์ด้วยการใช้กระดาษรูปคนแทนตัวเอง แล้วโยนทิ้งออกไป หรือจะเขียนคำว่า เอะมะ (えま) เพื่อให้ความคำอธิษฐานเป็นจริงก็ได้
===============
9. วัดคิตาอิน
วัดหลักของนิกายเทนได จุดเด่นของวัดนี้อยู่ที่รูปปั้นพระพุทธรูปหินที่เรียกว่า Gohyaku Rakan จำนวน 540 รูป ตั้งเรียงรายตามแนววัด แต่ละองค์ยังมีการปั้นสีหน้าที่ไม่เหมือนกันด้วย ปกติแล้วผู้คนจะนิยมมาท่องเที่ยวพักผ่นกันที่วัดนี้ในช่วงเทศกาลชมดอกซากุระบาน พร้อมเทศกาลงานวัดแบบที่เราเห็นกันบ่อยๆ
===============
10. พิพิธภัณฑ์กูลิโกะ
เรียกได้ว่าเป็นพิพิธภัณฑ์ที่ชวนให้เพลินมากที่สุดก็ว่าได้ เพราะนอกจากจะได้รู้เรื่องราวต่างๆ ของกูลิโกะแล้ว ยังมีขนมมากมายให้เลือกช้อปชนิดที่ว่ากลับออกมานี่อ้วนตายได้เลย นอกจากนี้แล้วยังสามารถร่วมสนุกกับกิจกรรมต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นเล่นเกมส์ลุ้นรับของที่ระลึกฟรี ชมวิธีการทำป๊อกกี้แบบใกล้ชิด เป็นต้น
===============
จบจากที่เที่ยวไปแล้ว ต่อมาก็คือของกินขึ้นชื่อประจำจังหวัดไซตามะกันบ้างดีกว่า ได้แก่
1. ปลาไหล
ในจังหวัดไซตามะเองนั้นีร้านปลาไหลเก่าแก่อยู่มากมาย แถมแต่ละเมืองก็มีจุดเด่นเรื่องรสชาติที่แตกต่างกันไปอีกด้วย ที่มีชื่อเสียงมากที่สุดคือ ปลาไหลจากอุราวะ และคาวาโกเอะนั่นเอง วิธีการกินของแถบนี้นอกจากจะนำมาราดซอสย่างแล้ว ยังนิยมย่างไฟธรรมดาโดยไม่ปรุงรส แล้วค่อยนำมาเหยาะเกลือ หรือวาซาบินิดๆ เพื่อจะได้ลิ้มรสชาติที่แท้จริงของเนื้อปลาไหลนั่นเอง
2. ปลาอะยุ
ปลาอะยุนั้นเป็นของขึ้นชื่อประจำเมืองชิชิบุ ซึ่งอยู่ทางตอนเหนือของไซตามะ อาศัยอยู่ทั่วไปในแม่น้ำอาราคาว่าที่ทอดตัวยาวกว่า 173 กิโลเมตร และเนื่องจากเมืองนี้อยู่บริเวณต้นน้ำ แหล่งน้ำจึงใสสะอาดบริสุทธิ์มาก ปลาที่ได้จึงมีคุภาพสูง เนื้อแน่น นิยมนำไปทอดหรือย่างจนเหลืองกรอบ
3. น้ำแข็งใส
อย่างที่บอกไปข้อที่แล้วว่าเมืองชิชิบุนั้นมีแม่น้ำที่สะอาดบริสุทธิ์มาก ของกินที่โด่งดังอีกอย่างเลยเป็น น้ำแข็งใส นั่นเอง ใช้น้ำแข็งธรรมชาติจากแนวเทือกเขาชิชิบุที่แข็งตัวตามธรรมชาติ นำมาราดกับน้ำเชื่อมหลายรสตามฤดูกาล เช่น รสส้ม ลูกท้อ ลูกพลับ สตอเบอร์รี่ และองุ่น
ก็จบกันไปแล้วสำหรับสถานที่ท่องเที่ยว และของกินน่าทานแห่งจังหวัดไซตามะนี้ ที่สำคัญยังอยู่ไม่ไกลจากโตเกียวเลยด้วย เดินทางไปได้ง่ายๆ แบบเช้าไป-เย็นกลับ (โตเกียวนะ ไม่ใช่ไทย) โอตะท่านใดจะลองไปเยี่ยมชมบ้านเกิดรินะซังก็ขอเชิญได้เลยจ้า
ขอขอบคุณภาพบางส่วนจาก : bnk48
บทความน่าสนใจที่เกี่ยวกับน้องๆ BNK
– ชวนเที่ยว บ้านมิโอริ BNK48 ที่อิบารากิ จังหวัดเล็กๆ แต่มีของดี!
– ส่องร้าน AKB48 Cafe&Shop แห่งอากิฮาบาระ ยลโฉมเมนูอิสึรินะกัน!
– ชี้เป้า! ลายเซ็นแรกของ BNK 48 ที่ญี่ปุ่น เฌอปราง เจนนิษฐ์ มิวสิคได้ฝากไว้ในต่างแดน