รีเซต

พาเที่ยว บ้านมิโอริ BNK48 ที่อิบารากิ จังหวัดเล็กๆ แต่มีของดีที่ไม่ควรมองข้าม!

พาเที่ยว บ้านมิโอริ BNK48 ที่อิบารากิ จังหวัดเล็กๆ แต่มีของดีที่ไม่ควรมองข้าม!
แมวหง่าว
12 เมษายน 2561 ( 05:00 )
21.2K

     อย่างที่หลายๆ คนน่าจะรู้อยู่แล้วว่าเพลงของน้องๆ BNK48 นั้นได้รับความนิยมไปทั่วทุกหนแห่ง ไม่เว้นแม้แต่ในออฟฟิศของนายแมวหง่าวเอง ซึ่งบ่ายวันหนึ่งขณะที่กำลังเปิด MV คุกกี้เสี่ยงทายตอนพักเที่ยง พี่ที่ทำงานคนหนึ่งก็ถามขึ้นมาว่า “น้องคนนี้่ใครอะ เขี้ยวน่ารักดี” พลางชี้ไปที่หนึ่งในสมาชิกชาวญี่ปุ่นของวง “มี่จัง” นั่นเอง

“อ๋อ ชื่อมิโอริพี่ น้องเป็นคนญี่ปุ่น 100% เลย ส่งตรงจากอิบารากิ”

“ที่ไหนวะ ไม่เคยได้ยิน จังหวัดบ้านนอกรึเปล่า”

     จบประโยคปุ๊บ ต้องรีบอบรมทำความเข้าใจของรุ่นพี่คนนี้ซะใหม่ เพราะอิบารากิน่ะจริงๆ แล้วอยู่ห่างจากโตเกียวไปทางตะวันออกเฉียงเหนือไม่เท่าไหร่ ขับรถไปก็แค่ 2 ชั่วโมง ประมาณกรุงเทพฯ ไปโคราชแค่นั้น

     แต่จะว่าไป คนไทยไม่รู้จักยังไม่แปลกเท่ากับคนญี่ปุ่นเองก็ยังมีความรู้สึกว่าจังหวัดอิบารากินี้ “น่าเบื่อ” ที่สุด ถึงขั้นอยู่อันดับท้ายตาราง การจัดอันดับจังหวัดที่มีเสน่ห์ที่สุดในญี่ปุ่น ติดต่อกันตั้งแต่ 2009-2015 เลยทีเดียว ( ยกเว้น 2012 ปีเดียวที่เสียแชมป์ให้จังหวัดกุนมะ ) เรียกได้ว่าเฟลซ้ำเฟลซากจริงๆ น่าสงสารเขานะคะ

     เอาล่ะ ขนาดคนญี่ปุ่นยังมองว่าเป็นจังหวัดบ้านนอกบ้านนา งั้นเราเลิกคุยกันเถอะ เฮ้ย! ไม่ใช่สิ เป็นหน้าที่โอตะที่ดีอย่างเราที่จะต้องอธิบายว่าบ้านเกิดเมืองนอนของน้องนั้นมีดีกว่าที่เราคิดเยอะ มีที่เที่ยวน่าสนใจซุกซ่อนอยู่อีกมากมาย แบบสไตล์ธรรมชาติ และวัฒนธรรมที่อาจไม่โดนใจคนที่ชื่นชอบแสงสีเสียง แต่กับคนชิลล์รับรองโดนใจ เผื่อวันไหนน้องกลับไปเที่ยวบ้านเราจะได้ไปตามรอยถูกยังไงเล่า

     การไปอิบารากิ สามารถนั่งรถสายโจบัง (Joban Line/常磐線) จากสถานีนิปโปริ หรือสาย Tsukuba Express จากสถานีอากิฮาบาระไปได้ในระยะเวลาเพียงชั่วโมงเดียว

cr : Ibaraki-Prefectural Tourism 

 

     สำหรับสถานที่เที่ยวไฮไลท์สำคัญของที่นี่ โดยจะเริ่มไล่จากทางเหนือของจังหวัดลงมาทางใต้เรื่อยๆ ดังต่อไปนี้

 

ภาคเหนือ

1. สะพานแขวนริวจิน Ryujinotsuri Bridge

     สะพานแขวนสำหรับคนเดินข้าม ที่ยาวที่สุดในเกาะฮอนชู สร้างข้นเหนือเขื่อนริวจิน ยาวถึง 375 เมตร แขวนอยู่เหนือทะเลสาบ 100 เมตร เป็นหนึ่งในจุดชมวิวที่ยอดเยี่ยมที่สุดของญี่ปุ่น วิวสวยตลอดทั้ง 4 ฤดู มีกิจกรรมบันจี้จัมพ์ให้เล่นด้วย ใครชอบเสียวต้องลอง

2. ฮิตาจิ ซีไซด์ ปาร์ค (Hitachi Kaihinkoen)

   สวนดอกไม้ขนาดใหญ่ที่ผมเชื่อว่าหลายคนน่าจะเคยเห็นผ่านตากันบ่อยๆ ตามเพจท่องเที่ยวญี่ปุ่น ภายในสวนมีทุ่งดอกไม้ตามฤดูกาลหลายสายพันธุ์ที่ออกดอกหมุนเวียนให้ชมตลอดปี ฤดูใบไม้ผลิจะได้ชมทุ่งดอกนาร์ซิสซัส และดอกทิวลิป ส่วนในช่วงต้นฤดูร้อนจะมีทุ่งดอกเนโมฟีลา (เบบีบลูอายส์) และดอกกุหลาบ ส่วนดอกบานชื่นจะบานในช่วงกลางฤดูร้อน เมื่อเข้าสู่ฤดูใบไม้ร่วงก็จะได้ชมทุ่งดอกโคเชียและทุ่งดอกคอสมอส

 

3. หุบเขาฮานะนุกิ เมืองทากาฮากิ (Hananuki, Takahagi-City)

     ใครชอบเดินป่าเดินเขาต้องมาที่นี่ให้ได้เลย เพราะเต็มไปด้วยวิวทิวทัศน์ที่สวยเหมือนภาพวาดตลอดเส้นทาง โดยเฉพาะจุดชมวิวบนสะพานแขวนข้ามน้ำตกชิโอมิช่วงฤดูใบไม้ร่วง ใครจะเดินเล่น ปีนเขา หรือตั้งแคมป์ที่นี่ก็มีสถานที่จัดเตรียมไว้ให้

===============

 

ภาคกลาง

1. สวนไคราคุเอน (Kairakuen Park) เมืองมิโตะ

     ที่นี่ติดอันดับ 1 ใน 3 สวนที่มีชื่อเสียงที่สุดในญี่ปุ่น โดยเฉพาะดอกพลัม หรือดอกบ๊วย (Plum Blossom) ของเมืองมิโตะที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวเป็นจำนวนมากทุกปี ออกดอกช่วงปลายเดือนกุมภาพันธ์จนถึงเดือนมีนาคม

 

2. พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำโออาราอิ (Aquaworld Oarai)

     พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำโออาราอิ จังหวัดอิบารากิ ซึ่งเป็นที่ ๆ จังหวัดมีความภูมิใจ เพราะที่นี่มีปลาฉลามมากที่สุดในญี่ปุ่น รวมถึงสัตว์ทะเลประมาณ 580 ชนิด และปลามากกว่า 68,000 ตัว มีการแสดงโชว์ปลาโลมากับสิงโตทะเลด้วย

 

3. โคโดคัน (Kodokan)

     โคโดคันเป็นโรงเรียนสำหรับไดเมียว (ขุนนาง) ที่สร้างขึ้นเมื่อปี 1841 โดยโทคุกาวะ นาริอาคิ เจ้าครองแคว้นลำดับที่ 9 ในนามตระกูลมิโตะ สร้างขึ้นเพื่อส่งเสริมการศึกษาวิชาการแพทย์ และวิชาดาราศาสตร์ขั้นสูง เปรียบเหมือนเป็นมหาวิทยาลัยที่ให้นักศึกษาสามารถเรียนรู้เกี่ยวกับการแพทย์ในยุคนั้นเลย

 

4. ศาลเจ้าคาซามะอินาริ (Kasama Inari)

     1 ใน 3 ศาลเจ้าอินาริที่ใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่น เทพบูชาประจำศาลเจ้าคือ เทพอุคาโนะมิทามะ ซึ่งถือว่าเป็นเทพเจ้าแห่งการเพิ่ม และดูแลผลผลิต และยังเป็นเทพเจ้าที่ช่วยป้องกันไม่ให้เกิดเพลิงไหม้ด้วย

===============

 

ภาคตะวันตก

1. สวนสาธารณะโคกะ

     สวนสาธารณะขนาดใหญ่กลางเมืองโคกะ ช่วงเทศกาลดอกท้อ ช่วงปลายเดือนมีนาคม – ต้นเดือนเมษายน จะมีดอกท้อทั้งสีชมพู และสีขาวบานสะพรั่งเต็มสวนแห่งนี้

 

2. เจ้าแม่กวนอิมอะมาบิคิ (Amabiki-Kannon)

Gayane / Shutterstock.com

 

     วัดเจ้าแม่กวนอิมที่เป็นที่ขอพรของคนที่ต้องการมีบุตร ป้องกันความชั่วร้าย และให้โชคลาภด้านการเงิน นอกจากนี้วิวทิวทัศน์ในวัดยังสวยมากๆ ด้วย มีดอกไม้ตามฤดูกาลให้ดูตลอด ทั้งซากุระ โบตั๋น อาซาเลีย ไฮเดรนเยีย

===============

 

เขตรคโค (ภาคตะวันออก)

1. ศาลเจ้าคาชิมะ (Kashima Jingu shrine)

By Nesnad – Own work, GFDL

 

     หนึ่งในสามศาลเจ้าที่เก่าแก่ที่สุดในภูมิภาคคันโต สร้างขึ้นในปี 660 ก่อนคริสตศักราช มีการจัดงานมากกว่า 80 งานตลอดทั้งปี เทพเจ้าบูชาประจำศาลก็คือเทพทาเคมิคะซุชิโนะโอคามิ ซึ่งเป็นเทพเจ้าแห่งศิลปะการต่อสู้ (เคนโด ดาบ)

 

2. เทศกาลชมดอกไอริส (SUIGO ITAKO AYAME MATSURI)

cr : Ibaraki-Prefectural Tourism 

 

     จัดขึ้นตั้งแต่ปลายเดือนพฤษภาคม ถึงปลายเดือนมิถุนายนเป็นประจำของทุกปีจะพบกับดอกไอริสที่บานสะพรั่งอย่างสวยงาม กิจกรรมที่ขึ้นชื่อของเมืองอิตาโกะ เช่น ล่องเรือเจ้าสาว (Yomeiri-bune) หรือ เต้นรำอายาเมะ (เต้นรำแบบญีปุ่น) และอื่น ๆ อีกมากมาย

===============

 

ภาคใต้

1. หลวงพ่อโต อุชิคุไดบุทสึ

 

     พระพุทธรูปปางยืนทองสัมฤทธิ์ ที่ได้รับการบันทึกสถิติโลกจากกินเนสส์ ว่ามีขนาดสูงที่สุดในโลก (120 เมตร) ไม่ใช่แค่นั้น เรายังสามารถเข้าไปในองค์พระ ขึ้นลิฟท์ไปชมวิวเมืองจากมุมสูงได้ด้วย ใต้พระบาทของพระพุทธรูปจะมีสวนกว้างใหญ่ โดยมีดินแดนสุขาวดีเป็นต้นแบบ

 

2. Tsukuba Expo Center เมืองสุคุบะ (Tsukuba City)

cr : Ibaraki-Prefectural Tourism 

 

     เมืองสุคุบะนั้นมีความพิเศษตรงที่รัฐบาลญี่ปุ่นออกแบบมาให้เป็นเมืองเพื่อการเรียนรู้ทางวิทยาศาสตร์โดยเฉพาะ ว่ากันว่า เมืองสุคุบะมีผู้ที่มีดีกรีปริญญาเอก 1 คน ต่อจำนวนประชากร 30 คนเลยทีเดียว ในเมืองยังมี Science Tour บริการสำหรับนักท่องเที่ยวที่รักวิทยาศาสตร์ โดยเฉพาะ Tsukuba Expo Center พิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์ให้เรียนรู้จักรวาล ทะเล พลังงาน และอื่น ๆ อีกมากมาย

 

3. ภูเขาทสึคุบะ (Tsukuba-san)

 

     ภูเขายอดฮิตสำหรับนักปีนเขาทั้งมือเก่า และมือใหม่ ปีนได้ตลอดปี ในวันที่อากาศดีเราสามารถมองเห็นยอดภูเขาไฟฟูจิจากยอดเขาสุคุบะได้ ด้วยรูปทรงที่สวยงาม ทำให้ถูกขนานนามเปรียบเทียบกับภูเขาไฟฟูจิว่า “ตะวันตกคือฟูจิ ตะวันออกคือทสึคุบะ”

===============

 

     จบจากเรื่องเที่ยว มาต่อกันที่ของกินบ้าง อิบารากินี้มีของกินขึ้นชื่ออยู่ 2 อย่าง นั่นคือ

 

1. ปลาไหล

     หลายคนอาจสงสัยว่าปลาไหลที่ไหนๆ ก็หากินได้ แต่สำหรับปลาไหลที่นี่จะมีความหวาน และความสดพิเศษกว่าที่ไหนๆ เพราะความอุดมสมบูรณ์ของท้องนาในจังหวัดนี้นี่เอง ที่สำคัญยังราคาถูกอีกด้วย

 

2. คราฟท์เบียร์ และสาเก

     ต่อจากประโยคที่ว่าจังหวัดนี้มีความอุดมสมบูรณ์ของท้องนามากๆ ผลิตภัณฑ์จากข้าวจึงต้องตามมา นั่นคือคราฟท์เบียร์ และสาเกนั่นเอง (ยี่ห้อที่คนไทยน่าจะคุ้นๆ กันน่าจะเป็นตรานกฮูกน่ารักๆ) สาเกที่ผลิตจากที่นี่จะมีความสดชื่นหวานใสกว่าที่อื่น

 

     เพียบเลยเนี่ย เห็นรึยังว่าจังหวัดนี้มีอะไรดีๆ ตั้งเยอะแยะ ใครจะลองไปเที่ยวตามก็ไปได้เลย ง่ายๆ ไม่ไกลจากโตเกียว เผื่องานจับมือคราวหน้าจะได้มีเรื่องไปคุยกับน้องได้ไง!

 

 

ภาพน้องจาก : Miori BNK48
ข้อมูล : ibarakiguide สมาคมส่งเสริมการท่องเที่ยวและผลิตภัณฑ์ท้องถิ่นประจำจังหวัดอิบารากิ

====================