รีเซต

ย้อนรอย สายโลหิต ชม 9 วัดเก่า สมัยกรุงศรีอยุธยา ความรุ่งเรือง ก่อนกรุงแตก

ย้อนรอย สายโลหิต ชม 9 วัดเก่า สมัยกรุงศรีอยุธยา ความรุ่งเรือง ก่อนกรุงแตก
เอิงเอย
16 พฤศจิกายน 2559 ( 12:05 )
100.1K
1

       หลังจากที่ทางช่อง 7 นำละครดังเรื่อง สายโลหิต มาออนแอร์ให้เราได้ชมกันอีกครั้ง ทำให้หวนนึกไปถึงครั้งที่ กรุงศรีอยุธยา ยังคงความสวยงาม เคยเป็นนครใหญ่อันดับหนึ่งในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (ตามอ่าน กรุงศรีอยุธยา ติดอันดับ 1 ในเมืองยิ่งใหญ่ของประวัติศาสตร์โลก)

 

 

9 วัดเก่า สมัยกรุงศรีอยุธยา

 

       อยากมีไทม์แมชชีนย้อนเวลากลับไปให้เห็นกับตาตัวเองจริงๆ ค่ะ แต่คงไม่สามารถได้ วันนี้เราเลยจะพาตามรอยละคร สายโลหิต ไปชมความสวยงามของ 10 วัดเก่า สมัยกรุงศรีอยุธยา ก่อนกรุงแตก ที่ยังคงมีให้เราเห็น ไปเที่ยว ไปกราบไหว้ได้จนถึงปัจจุบันนี้กัน ตามดาวเรือง และขุนไกร มาได้เลย !

 

 

วัดหน้าพระเมรุ

 

 

      วัดหน้าพระเมรุ หรือ วัดหน้าพระเมรุราชิการาม เป็นวัดที่พระองค์อินทร์ในสมเด็จพระรามาธิบดีที่ 2 รัชกาลที่ 10 แห่งกรุงศรีอยุธยา ทรงสร้างเมื่อพ.ศ.2046 (อยุธยาตอนต้น) และมีความสำคัญทางประวัติศาสตร์คือ พระมหาจักรพรรดิ์ได้ใช้สถานที่แห่งนี้เจรจาสงบศึกเมื่อ พ.ศ. 2106

 

dreamloveyou / Shutterstock.com

 

      นอกจากนี้ วัดหน้าพระเมรุเป็นเพียงวัดเดียวในกรุงศรีอยุธยา ที่รอดจากการถูกเผาทำลายอย่างไม่น่าเชื่อ อาจเป็นเพราะว่ากองทัพพม่าได้ใช้วัดแห่งนี้เป็นที่ตั้งกองทัพ ทำให้ไม่ถูกทำลาย ทำให้วัดหน้าพระเมรุจึงยังคงมีงานศิลปกรรมของสมัยอยุธยาแท้ๆ ตกทอดมาให้คนรุ่นหลังอย่างเราๆ ได้เห็นได้ชมกันค่ะ

 

ที่อยู่ : หมู่ที่ 5 ต.ท่าวาสุกรี อ.พระนครศรีอยุธยา จ.พระนครศรีอยุธยา
เปิด : 08.00 – 18.00 น.
ค่าเข้าชม : –
โทร : 0-3525-1991
การเดินทาง : อยู่ริมคลองสระบัวด้านทิศเหนือของคูเมือง (เดิมเป็นแม่น้ำลพบุรี) ตรงข้ามกับพระราชวังหลวง

==================

 

 

วัดพระราม

 

 

     คาดว่าถูกสร้างขึ้นในปี พ.ศ. 1912 ในรัชสมัยสมเด็จพระราเมศวร ทรงสร้างขึ้นตรงบริเวณที่ถวายพระเพลิงพระบรมศพพระราชบิดา หรือ สมเด็จพระรามาธิบดีที่ 1 (พระเจ้าอู่ทอง)

      วัดพระราม มีพระปรางค์ขนาดใหญ่เห็นเด่นชัดแต่ไกล องค์ปรางค์ก่อด้วยอิฐสอปูน เป็นสถาปัตยกรรมสมัยอยุธยาตอนต้น ที่นิยมทำเป็นพระปรางค์เพราะได้รับอิทธิพลแบบเขมรโบราณจากเมืองละโว้ (ลพบุรี) ความน่าสนใจอยู่บริเวณองค์ปรางค์ประธานที่ยังคงเหลือร่องรอยการประดับตกแต่งให้ได้ชมค่ะ สำหรับด้านหน้าวัด เป็นบึงน้ำขนาดใหญ่ ที่มีชื่อว่า บึงพระราม เป็นหนองน้ำที่มีมาก่อนการสถาปนากรุงศรีอยุธยา

 

 

ที่อยู่ : ต.ประตูชัย อ.พระนครศรีอยุธยา จ.พระนครศรีอยุธยา
เปิด : 08.00 – 18.00 น.
ค่าเข้าชม : คนไทย 10 บาท ชาวต่างชาติ 40 บาท เด็กไม่เสียค่าเข้า
โทร : 0-3524-2284, 0-3524-2286
การเดินทาง : จากกรุงเทพฯ ใช้ถนนสายเอเชีย (ทางหลวงหมายเลข 32) เลี้ยวซ้ายเข้าตัวเมืองตรงมาจนมาถึงวงเวียนเจดีวัดสามปลื้ม ข้ามสะพานนเรศวร เข้าสู่ถนนโรจนะ จนสุดถนนเลี้ยวขวาตรงศาลากลางเก่าไปจนถึงวงเวียน แล้วตรงไปเรื่อยๆ ผ่านหน้าคุ้มขุนแผนจะพบวัดพระรามทางขวามือ

==================

 

วัดพระศรีสรรเพชญ์

 

 

      เป็นวัดหลวงในพระราชวังโบราณของกรุงศรีอยุธยา ตั้งอยู่ในเขตพระราชฐานโดยไม่มีพระสงฆ์จำพรรษา เป็นวัดเพื่อประกอบพิธีสำคัญต่างๆ ของบ้านเมือง รวมถึงพระราชพิธีถือน้ำพิพัฒน์สัตยาปีละ 2 ครั้ง และเก็บอัฐิของพระมหากษัตริย์ ซึ่งเป็นต้นแบบของ วัดพระศรีรัตนศาสดาราม ในกรุงเทพมหานครค่ะ

 

 

      เดิมที่ตั้งของวัดเป็นพระราชมณเฑียรที่ประทับของพระมหากษัตริย์ซึ่งสร้างขึ้นสมัยพระเจ้าอู่ทอง แต่ต่อมาในสมัยสมเด็จพระบรมไตรโลกนาถ ทรงย้ายพระราชวังขึ้นไปทางทิศเหนือต่อจากเขตวัดจรดแม่น้ำลพบุรี และยกที่ดินเดิมผืนนี้เป็นเขตพุทธาวาส และสร้างวัดพระศรีสรรเพชญ์ขึ้นเมื่อ พ.ศ.1991

 

 

     ใจกลางวัดเป็นที่ตั้งของพระเจดีย์ใหญ่ศิลปะลังกา 3 องค์ มีมณฑป 3 หลังคั่นกลาง สร้างในสมัยสมเด็จพระเจ้าปราสาททอง พระเจดีย์สององค์แรกทางทิศตะวันออก สร้างเมื่อ พ.ศ.2035 ในสมัยสมเด็จพระรามาธิบดีที่ 2 เพื่อบรรจุพระบรมอัฐิของสมเด็จพระบรมไตรโลกนาถพระราชบิดา และองค์ที่สองคือ องค์กลางเพื่อบรรจุพระบรมอัฐิของสมเด็จพระบรมราชาธิราชที่ 3 พระบรมเชษฐา ส่วนเจดีย์องค์ที่ 3 ทางทิศตะวันตก สมเด็จพระบรมราชาธิราชที่ 4 (สมเด็จพระหน่อพุทธางกูร)

 

ที่อยู่ : ถนนศรีสรรเพชญ อ.พระนครศรีอยุธยา จ.พระนครศรีอยุธยา
เปิด : 08.00–18.00 น. และเวลา 19.30-21.00 น. จะมีการส่องไฟชมโบราณสถาน
ค่าเข้าชม : ชาวไทย 10 บาท ชาวต่างชาติ 50 บาท หรือซื้อบัตรรวม ชาวไทย 40 บาท ชาวต่างชาติ 220 บาท เข้าชมวัดบริเวณอุทยานประวัติศาสตร์ในอยุธยาได้ภายในระยะเวลา 30 วัน
โทร : 0-3524-2284, 0-3524-2286
การเดินทาง : จากรุงเทพ ใช้ถนนสายเอเชีย (ทางหลวงหมายเลข 32) เลี้ยวซ้ายตรงสี่แยกเข้าอยุธยา ข้ามสะพานนเศวรเข้าสู่ ถนนโรจนะ เลี้ยวขวาตรงศาลากลางเก่า ขับตรงไปถึงวงเวียน วนซ้ายบริเวณที่ทำการตำรวจท่องเที่ยวตรงไป 500 เมตร เลี้ยวขวาที่ทางแยก ขับตรงไปนิดเดียวจะถึงวัด

================

 

 

วัดมหาธาตุ

 

 

     วัดมหาธาตุ เป็น 1 ในวัดที่จัดอยู่ในอุทยานประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยา เป็นศูนย์กลางทางศาสนาที่สำคัญที่สุดในกรุงศรีอยุธยาค่ะ เพราะเป็นวัดที่ประดิษฐานพระบรมธาตุใจกลางพระนคร และเป็นที่พำนักของสมเด็จพระสังฆราชฝ่ายคามวาสีอีกด้วย

 

 

     สันนิษฐานว่าวัดนี้ได้ริเริ่มสร้างองค์พระมหาธาตุขึ้นในแผ่นดินสมเด็จบรมราชาธิราชที่ 1 (ขุนหลวงพระงั่ว) แต่อาจจะยังไม่สำเร็จในรัชกาลของพระองค์ จนถึงรัชกาของสมเด็จพระราเมศวรจึงทรงสร้างเพิ่มเติมจนเสร็จบริบูรณ์เป็นพระอาราม แล้วขนานนามว่า “วัดมหาธาตุ”

     ครั้งเมื่อกรุงศรีอยุธยาเสียแก่ข้าศึกครั้งหลังใน พ.ศ.2310 วัดมหาธาตุถูกไฟไหม้เสียหายมาก พระอุโบสถและวิหาร ตลอดจนกุฏิสงฆ์ถูกเผายับเยิน คงเหลือแต่ซากผนังและตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา

 

ที่อยู่ : ตั้งอยู่เชิงสะพานป่าถ่าน ทางทิศตะวันออกของวัดพระศรีสรรเพชญ์ อ.พระนครศรีอยุธยา จ.พระนครศรีอยุธยา
เปิด : 08.30–16.30 น. และเวลา 19.30-21.00 น. จะมีการส่องไฟชมโบราณสถาน
ค่าเข้าชม : ชาวไทย 10 บาท ชาวต่างชาติ 30 บาท
โทร : 0-3524-6076-7
การเดินทาง : หากเดินทางมาจากกรุงเทพ ให้ใช้ถนนสายเอเชีย (ทางหลวงหมายเลข 32) เลี้ยวซ้ายตรงสี่แยกเข้าอยุธยา ข้ามสะพานนเศวร ตรงไปจนถึงสี่แยกไฟแดงที่ 2 เลี้ยวขวาผ่านบึงพระราม วัดมหาธาตุจะอยู่ทางซ้ายมือ

=================

 

วัดใหญ่ชัยมงคล

 

 

     วัดใหญ่ชัยมงคล ถือว่าเป็นวัดมีความสำคัญทางประวัติศาสตร์ และเป็นวัดที่นักท่องเที่ยวนิยมมามากที่สุดวัดหนึ่งในจังหวัดพระนครศรีอยุธยา

     ตามประวัติศาสตร์สันนิษฐานว่าสมเด็จพระรามาธิบดีที่ 1 หรือพระเจ้าอู่ทอง ปฐมกษัตริย์แห่งกรุงศรีอยุธยาโปรดให้สร้างขึ้นเพื่อเป็นสำนักของพระสงฆ์ซึ่งไปบวชเรียนมาแต่สำนักพระวันรัตน์มหาเถรในประเทศลังกา นอกจากนี้ ในสมัยสมเด็จพระนเรศวรมหาราช พ.ศ. 2135

      เมื่อสมเด็จพระนเรศวรมหาราชทรงทำศึกยุทธหัตถีชนะพระมหาอุปราชแห่งพม่า ที่ตำบลหนองสาหร่าย เมืองสุพรรณบุรี ทรงสร้างพระเจดีย์ใหญ่ขึ้นที่วัดนี้เป็นอนุสรณ์แห่งชัยชนะ การสร้างพระเจดีย์อาจสร้างเสริมพระเจดีย์เดิมที่มีอยู่หรืออาจสร้างใหม่ทั้งองค์ก็ได้ ไม่มีหลักฐานแน่นอน ขนานนามว่า “พระเจดีย์ชัยมงคล” แต่ประชาชนเรียกว่า “พระเจดีย์ใหญ่” วัดนี้จึงเรียกชื่อเป็น “วัดใหญ่ชัยมงคล”

 

 

     จุดสนใจของวัดใหญ่ชัยมงคลนี้ คือ เรื่องราวทางประวัติศาสตร์ในสมัยกรุงศรีอยุธยา รวมไปถึงสถาปัตยกรรมที่โดดเด่น ชมเจดีย์ที่สูงที่สุดในอยุธยา ด้านหลังวัดมีตำหนักสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ให้ผู้นับถือศรัทธาเข้ามากราบไหว้ นอกจากนี้ บริเวณ รอบๆ ยังมีมีสวนหย่อมที่สวยงามให้พักผ่อนอีกด้วย

 

ที่อยู่ : 40/3 หมู่ที่ 3 ต.คลองสวนพลู อ.พระนครศรีอยุธยา จ.พระนครศรีอยุธยา
เปิด : 08.00–18.00 น. และเวลา 19.30-21.00 น. จะมีการส่องไฟชมโบราณสถาน
ค่าเข้าชม : ชาวไทยไม่เสียค่าใช้จ่ายในการเข้าชม ชาวต่างชาติ 20 บาท
โทร : 0-3524-4193
การเดินทาง : จากกรุงเทพฯ เข้าตัวเมืองอยุธยาแล้วจะเห็นเจดีย์วัดสามปลื้ม (เจดีย์กลางถนน) ให้เลี้ยวซ้ายตรงไปประมาณ 1 กิโลเมตร จะเห็นวัดใหญ่ชัยมงคลอยู่ทางซ้ายมือ

=================

 

 

วัดกษัตราธิราช

 

pawinpummarin / Shutterstock.com

 

      ด้วยชื่อวัดว่า วัดกษัตรา อันหมายถึง วัดของพระมหากษัตริย์หรือวัดของพระเจ้าแผ่นดิน ทำให้สันนิษฐานได้ว่าที่นี่เป็นวัดที่พระมหากษัตริย์ หรือพระบรมวงศานุวงศ์ในสมัยกรุงศรีอยุธยาพระองค์ใดพระองค์หนึ่งทรงสร้างเอาไว้ แต่ไม่ปรากฏนามผู้สร้างค่ะ

 

topten22photo / Shutterstock.com

 

      วัดกษัตราธิราช เป็นวัดที่มีความงดงามและสมบูรณ์แบบที่สุดซึ่งตกทอดมาจากสมัยอยุธยา จึงเป็นปูชนียสถานที่น่าไปเที่ยวชม วัดเก่าแก่แห่งนี้ถูกเพลิงไหม้วอดวายเมื่อครั้งกรุงแตกครั้งที่ 2 ใน พ.ศ.2310 นับแต่นั้นจึงถูกทิ้งร้าง จนได้รับการบูรณะเรื่อยมาในแผ่นดินราชธานีรัตนโกสินทร์ ตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 1 สมเด็จพระเจ้าหลานเธอ เจ้าฟ้ากรมหลวงอนุรักษ์เทเวศร์ (ทองอิน) กรมพระราชบวรสถานภิมุข (กรมพระราชวังหลัง) ได้บูรณะวัดกษัตราขึ้นใหม่และเปลี่ยนชื่อเป็น วัดกษัตราธิราช

 

topten22photo / Shutterstock.com

 

ที่อยู่ : ถนนทางหลวง 3469 ต.บ้านป้อม อ.พระนครศรีอยุธยา จ.พระนครศรีอยุธยา
เปิด : 08.00–16.30 น.
ค่าเข้าชม : –
โทร : 0- 3524-6076-7
การเดินทาง : อยู่บริเวณนอกเกาะเมืองตรงข้ามกับเจดีย์พระศรีสุริโยทัย ริมแม่น้ำเจ้าพระยาฝั่งตะวันตกใช้ทางหลวงหมายเลข 3263 พบสี่แยกให้เลี้ยวซ้ายเข้าทางหลวงหมายเลข 3413 ไปไม่ไกลก็จะพบวัดตั้งอยู่ซ้ายมือ

=================

 

วัดพุทไธศวรรย์

 

 

      ในสมัยกรุงศรีอยุธยา วัดพุทไธศวรรย์เป็นพระอารามหลวงที่ใหญ่โต มีชื่อเสียง และสำคัญที่สุดในรัชสมัยสมเด็จพระรามาธิบดีที่ 1 หรือ พระเจ้าอู่ทอง ปฐมกษัตริย์แห่งราชวงศ์กรุงศรีอยุธยา ปรากฏตามตำนานว่า พระองค์ทรงสร้างขึ้นในบริเวณที่ซึ่งเป็นที่ตั้งพลับพลาที่ประทับเมื่อทรงอพยพมาตั้งอยู่ก่อนสถาปนากรุงศรีอยุธยาเป็นราชธานี

 

 

      เมื่อเสียกรุงฯ ในปี พ.ศ. 2310 วัดพุทไธศวรรย์ก็เป็นอีกวัดหนึ่งที่ไม่ได้ถูกพม่าทำลายเหมือนวัดอื่นๆ ค่ะ จึงยังคงสภาพที่ค่อนข้างสมบูรณ์ ปัจจุบันนี้จึงยังคงมีโบราณสถานให้ชมอีกมากมาย สิ่งที่น่าสนใจ ได้แก่ ปรางค์พระประธาน ซึ่งตั้งอยู่กลางอาณาเขตพุทธาวาสบนฐานไพที เป็นองค์ใหญ่ศิลปะแบบขอม

 

ที่อยู่ : ริมแม่น้ำเจ้าพระยาทางด้านทิศตะวันตก ต.สำเภาล่ม อ.พระนครศรีอยุธยา ตรงข้ามเกาะเมือง จ.พระนครศรีอยุธยา
เปิด : 08.30 – 17.00 น.
ค่าเข้าชม : –

=================

 

วัดวรเชษฐาราม

 

 

      อารามหลวงเก่าแก่อายุหลายร้อยปีแห่งนี้แปลได้ว่า พี่ชายผู้เป็นที่รัก จึงสันนิษฐานตามหลักฐานได้ว่าเป็นวัดที่สมเด็จพระเอกาทศรถโปรดให้สร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ.2136 ณ บริเวณที่ถวายพระเพลิงพระบรมศพสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ผู้ทรงเป็นพระเชษฐา และได้สร้างพระเจดีย์ประธานเพื่อประดิษฐานพระบรมอัฐิของอดีตพระมหากษัตริย์ไว้ด้วย

 

 

      ภายในวัดมีสิ่งที่น่าสนใจ คือ พระเจดีย์ประธานก่ออิฐถือปูนทรงระฆังคว่ำศิลปะแบบสุโขทัยที่มีขนาดใหญ่โตมาก หน้าบันประดับลวดลายจากเครื่องถ้วยเช่นเดียวกับศิลปะที่ซุ้มประตูวัดมหาธาตุ สังเกตได้ว่าที่นี่เป็นวัดเดียวในอยุธยาที่มีคูน้ำล้อมรอบ ตามรูปแบบวัดในเมืองสุโขทัย

ที่อยู่ : อยู่ภายในชุมชนตลอดยอด ถนนคลองท่อ ต.ประตูชัย อ.พระนครศรีอยุธยา จ.พระนครศรีอยุธยา
เปิด : 08.00–16.30 น.
ค่าเข้าชม : –
โทร : 0-3524-6076-7
การเดินทาง : ด้านใต้ติดกับวัดโลกยสุธาราม ด้านตะวันออกติดกับวัดวรโพธิ์ อยู่ใกล้กับถนนสาย 347 ตัดกับถนนสาย 3263 ที่แยกวรเชฐษ์

==================

 

วัดไชยวัฒนาราม

 

 

      วัดไชยวัฒนาราม เป็นวัดที่พระเจ้าปราสาททอง กษัตริย์กรุงศรีอยุธยาองค์ที่ 24 (พ.ศ. 2173-2198) โปรดให้สร้างขึ้นเมื่อพ.ศ.2173 ได้ชื่อว่าเป็นโบราณสถานที่มีความงดงามมากแห่งหนึ่ง วัดนี้เป็นที่ฝังพระศพของเจ้าฟ้าธรรมธิเบศร์ (เจ้าฟ้ากุ้ง) กวีเอกสมัยอยุธยาตอนปลายกับเจ้าฟ้าสังวาลย์ซึ่งต้องพระราชอาญาโบยจนสิ้นพระชนม์ในรัชสมัยของพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศ

 

 

      สิ่งที่น่าชมภายในวัดได้แก่ พระปรางค์ศรีรัตนมหาธาตุ เป็นปรางค์ประธานของวัดตั้งอยู่บนฐานสี่เหลี่ยมจัตุรัสและที่มุมฐานมีปรางค์ทิศประจำอยู่ทั้งสี่มุม การที่สมเด็จพระเจ้าปราสาททองซึ่งเป็นกษัตริย์สมัยอยุธยาตอนปลายทรงสร้างปรางค์ขนาดใหญ่เป็นประธานของวัด เท่ากับเป็นการรื้อฟื้นศิลปะสมัยอยุธยาตอนต้นที่นิยมสร้างปรางค์เป็นประธานของวัดนั่นเองค่ะ

ที่อยู่ : อุทยานประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยา อ.พระนครศรีอยุธยา จ.พระนครศรีอยุธยา
เปิด : 08.00 – 18.00 น. และตั้งแต่เวลาประมาณ 19.30- 21.00 น. จะมีการส่องไฟชมโบราณสถาน
ค่าเข้าชม : ชาวไทย 10 บาท ชาวต่างชาติ 50 บาท หรือสามารถซื้อบัตรรวมได้ ชาวไทย 40 บาท ชาวต่างชาติ 220 บาท โดยบัตรนี้สามารถเข้าชมวัดและโบราณสถานบริเวณอุทยานประวัติศาสตร์ได้ ภายในระยะเวลา 30 วัน
โทร : 0-3524-2284, 0-3524-2286
การเดินทาง : สามารถใช้เส้นทางเดียวกับวัดกษัตราธิราชวรวิหาร แต่พอข้ามสะพานวัดกษัตราธิราชไปแล้วให้เลี้ยวขวาแล้วตรงไปเรื่อยๆ ก็จะเห็นวัดไชยวัฒนารามตั้งเด่นเป็นสง่าอยู่ทางด้านหน้า

 

 

ที่เที่ยวอยุธยา ที่น่าสนใจอื่นๆ

พระราชวังบางปะอิน
จากกรุงศรีอยุธยา ถึง รัตนโกสินทร์

รวม 10 ร้านกุ้งเผา อยุธยา น้ำจิ้มแซ่บ ใกล้กรุงเทพ