Kirkjufell ที่เที่ยวไอซ์แลนด์ ภูเขาโบสถ์ แลนด์มาร์คสุดมหัศจรรย์
หากพูดถึง ไอซ์แลนด์ สิ่งแรกที่หลายๆ คนนึกถึงมักจะเป็น Kirkjufell หรือ ภูเขาโบสถ์ สัญลักษณ์ของประเทศที่สามารถพบได้บ่อยตามโปสต์การ์ด และมักจะอยู่ในลิสต์ ที่เที่ยวไอซ์แลนด์ ของนักเดินทางเสมอ จะสวยงามและมหัศจรรย์แค่ไหน ตามเราไปทำความรู้จักกับ Kirkjufell กันค่ะ
- 12 ที่เที่ยวไอซ์แลนด์ ดินแดนในฝันของคนรักธรรมชาติ
- 9 ที่เที่ยวไอซ์แลนด์ Iceland แบบไม่ล่าแสงเหนือก็ไปได้
Kirkjufell ที่เที่ยวไอซ์แลนด์
ธรรมชาติสุดมหัศจรรย์
ทำความรู้จักกับ ภูเขาคีร์กจูเฟล
ภูเขาคีร์กจูเฟล (Kirkjufell) สัญลักษณ์ของ ประเทศไอซ์แลนด์ ที่ตั้งอยู่บริเวณชายฝั่งทางเหนือของคาบสมุทร Snæfellsnes ไม่ไกลจากเมือง Grundarfjörður เท่าไรนัก ภูเขาคีร์กจูเฟลมีอีกชื่อเรียกหนึ่งว่า ภูเขาโบสถ์ (Church Mountain) เนื่องจากมีลักษณะคล้ายกับรูปทรงของโบสถ์ สูง 463 เมตร บ้างก็ว่าคล้ายกับรูปทรงของหมวกแม่มด แล้วคนจะจินตนาการ แต่ลักษณะเด่นอีกอย่างหนึ่งของภูเขาลูกนี้ก็คือเฉดสีที่ไล่เป็นชั้นๆ ตามธรรมชาติ ชั้นล่างสุดเป็นฟอสซิลที่สันนิษฐานว่าเกิดตั้งแต่ยุคน้ำแข็งอายุกว่าล้านปี ส่วนชั้นบนเป็นหินลาวาที่เกิดขึ้นในช่วงที่ยุคน้ำแข็งเริ่มอุ่นขึ้นนั่นเองค่ะ
ไฮไลท์ ภูเขาคีร์กจูเฟล
ภูเขาคีร์กจูเฟลสามารถเที่ยวได้ตลอดปี แต่ละฤดูกาลก็จะมีทิวทัศน์ที่สวยงามแตกต่างกันออกไป หากไปเที่ยวในช่วงหน้าร้อน อากาศจะค่อนข้างเย็นสบาย ไม่หนาวจนเกินไป แถมบรรยากาศรอบด้านยังสดใส มีทุ่งหญ้าสีเขียวและดอกไม้ปกคลุมทั่วบริเวณ ส่วนช่วงฤดูหนาว อากาศจะค่อนข้างหนาวจัด หิมะปกคลุมทั่วขุนเขา สำหรับใครที่ตั้งใจมาชมแสงเหนือ แนะนำให้เช็กสภาพอากาศในดี ต้องเป็นคืนฟ้าเปิดในช่วงเดือนกันยายน-เมษายนเท่านั้น ถึงจะมีโอกาสได้ชมแสงเหนือสาดส่องพร้อมกับดวงดาวในยามค่ำคืนค่ะ
ด้วยรูปทรงที่เป็นเอกลักษณ์ต่างจากภูเขาทั่วไป รวมถึงทัศนียภาพอันงดงามของธรรมชาติโดยรอบ ไม่ว่าจะเป็น น้ำตก Kirkjufellsfoss Waterfall ที่ไหลลงจากหน้าผาสูง 16.4 เมตร สู่ท้องทะเลอันกว้างใหญ่ รวมถึงทุ่งหญ้าที่ปกคลุมทั่วขุนเขา ภูเขาคีร์กจูเฟลจึงกลายเป็นแลนด์มาร์คของไอซ์แลนด์ที่ใครๆ ก็อยากเดินทางมาชมด้วยตาตนเอง
การเดินทางไป ภูเขาคีร์กจูเฟล
หากเดินทางจาก เรคยาวิก (Reykjavík) ด้วยรถยนต์ ให้ใช้เส้นทาง Ring Road หรือ Highway No. 1 ตรงไปยังทางทิศเหนือของไอซ์แลนด์ผ่านอุโมงค์ลอดใต้ท้องทะเลจนกระทั่งถึงเมือง Borgarnes จากนั้นขับต่อไปยังเส้นทางหมายเลข 54 จนกระทั่งถึงเมือง Grundarfjörður ที่เมืองนั้นเอง คุณจะได้เห็นภูเขาคีร์กจูเฟลแบบเต็มๆ ตาเลยค่ะ