12 ที่เที่ยวไอซ์แลนด์ ดินแดนในฝันของคนรักธรรมชาติ
ไอซ์แลนด์ ดินแดนในฝันของนักเดินทางหลายๆ คน โดยเฉพาะนักผจญภัยสายแอดเวนเจอร์ คนรักธรรมชาติ และนักล่า แสงเหนือ เมื่อมีโอกาสได้ไปเยือนแล้ว ต้องไม่พลาดไปเช็กอิค 12 ที่เที่ยวไอซ์แลนด์ ตื่นตาตื่นใจไปกับบ้านเมืองแสนสวย ธรรมชาติอันน่าอัศจรรย์ใจ และแสงสีของแสงเหนือในยามค่ำคืน หากบอกว่าที่นี่เป็นโลกเทพนิยายที่มีอยู่จริงก็ดูจะไม่เกินจริงเลยค่ะ เพราะสวยราวกับภาพฝันเลยทีเดียว
รวมพิกัด เที่ยวไอซ์แลนด์
แหล่งธรรมชาติสุดมหัศจรรย์
1. เรคยาวิก
Reykjavik
จุดสตาร์ทแรกของเราในวันนี้คือ เรคยาวิก (Reykjavík) เมืองหลวงของไอซ์แลนด์ ที่แม้จะมีขนาดเล็ก แต่ก็เต็มเปี่ยมไปด้วยเสน่ห์ของธรรมชาติ วัฒนธรรม และประวัติศาสตร์ที่น่าสนใจ ที่สำคัญยังเป็น เมืองหลวงที่อยู่ใกล้กับขั้วโลกเหนือมากที่สุด อีกด้วย เรคยาวิกเป็นเมืองที่ผสานความคลาสสิกและความสมัยใหม่เข้าด้วยกันอย่างลงตัว โดยมีไฮไลท์เป็น โบสถ์ฮัลล์กรีมสคิร์คยา (Hallgrímskirkja) สร้างด้วยสถาปัตยกรรมแบบเอ็กซ์เพรสชันนิสต์ที่หาชมได้ค่อนข้างยาก และมีความเป็นเอกลักษณ์สูงจนกลายเป็นสัญลักษณ์ของเมือง ที่ไม่ว่าใครเห็นก็ต้องรู้ว่าเป็นเรคยาวิกค่ะ
============
2. บลูลากูน ไอซ์แลนด์
Blue Lagoon Iceland
Blue Planet Studio / Shutterstock.com
ท่ามกลางหิมะอันแสนหนาวเหน็บ ไปแช่น้ำพุร้อนคลายหนาวกันที่ บลูลากูน ไอซ์แลนด์ (Blue Lagoon Iceland) หนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงของไอซ์แลนด์ ตั้งอยู่บริเวณภาคตะวันตกเฉียงใต้ เดินทางจากเรคยาวิกเพียง 40 นาทีเท่านั้น เป็นบ่อบ่อน้ำแร่ธรรมชาติสีฟ้าที่อุดมไปด้วยแร่ธาตุนานาชนิด อุณหภูมิเฉีลยอยู่ที่ 39 องศาเซสเซียส มีสรรพคุณในการบำรุงผิวพรรณ และช่วยรักษาโรคผิวหนังต่างๆ นอกจากนี้ทิวทัศน์รอบด้านยังมีความสวยงาม บรรยากาศดีแบบสุดๆ
พิกัด : https://goo.gl/maps/4SdHob9cNUVRdjaJ9
============
3. น้ำตกกุลล์ฟอสส์
Gullfoss
น้ำตกกุลล์ฟอสส์ (Gullfoss) น้ำตกขนาดใหญ่ที่มีชื่อเสียงอีกแห่งหนึ่งของไอซ์แลนด์ ซึ่งเกิดจากสายน้ำที่ไหลมาจาก แม่น้ำควิทอา (Hvítá) ธารน้ำแข็งที่ใหญ่เป็นอันดับสองของประเทศ เอกลักษณ์ที่ทำให้น้ำตกแห่งนี้ดูสวยงามแปลกตา และไม่เหมือนใครก็คือ ลักษณะของผาน้ำตกที่เป็นเหมือนหุบเหว ทำให้น้ำที่ไหลลงมานั้นมีอยู่ 2 ช่วง ช่วงแรกสูงประมาณ 11 เมตร ส่วนช่วงที่สองนั้นสูง 21 เมตร สามารถเดินทางจากเมืองเรคยาวิกในระยะเวลาเพียง 90 นาทีเท่านั้น จึงเหมาะกับการไปเที่ยวแบบไปเช้า-เย็นกลับค่ะ
พิกัด : https://goo.gl/maps/u4RaFTFF45vGBkyC9
============
4. ภูเขาเคิร์กจูเฟล
Kirkjufell
สัญลักษณ์ของไอซ์แลนด์จะเป็นที่ไหนไปไม่ได้นอกจาก ภูเขาคีร์กจูเฟล (Kirkjufell) เป็นภูเขารูปทรงคล้ายสามเหลี่ยมที่มีสีสันไล่เฉดกันเป็นชั้นๆ โดยชั้ยล่างสุดของภูเขานั้น มีการสันนิษฐานว่าเป็นฟอสซิลที่เกิดขึ้นตั้งแต่ยุคน้ำแข็งนับล้านปี ส่วนชั้นบนเป็นหินลาวาที่เกิดขึ้นในช่วงที่ยุคน้ำแข็งเริ่มอุ่นขึ้น แวดล้อมไปด้วยวิวทิวทัศน์ของชายฝั่งทะเล และน้ำตก สวยอลังแม้กระทั่งในช่วงฤดูหนาว ยามที่แสงเหนือสาดส่อง และฤดูร้อนอันแสนสดใส
พิกัด : https://goo.gl/maps/3Gr4UjAAtRo7Uq567
============
5. ถ้ำน้ำแข็ง Skaftafell Ice Cave
Vatnajokull National Park
ถ้ำน้ำแข็ง Skaftafell Ice Cave ถ้ำสุดมหัศจรรย์ที่เกิดจากประติมากรรมฝีมือธรรมชาติ ตั้งอยู่ภายใน Vatnajökull National Park ซึ่งขึ้นชื่อว่าเป็นดินแดนแห่งธารน้ำแข็งและถ้ำน้ำแข็งของไอซ์แลนด์ ฤดูที่เหมาะที่สุดในการไปเที่ยวถ้ำน้ำแข็ง Skaftafell Ice Cave คือฤดูหนาว หากไปในช่วงเวลาที่เหมาะสม เราจะได้เห็นแสงสีฟ้าเปล่งประกายออกมาจากผลึกน้ำแข็งอย่างสวยงาม
พิกัด : https://goo.gl/maps/76L5CMAjBbYYAK5fA
============
6. อาคูเรย์รี่
Akureyri
อาคูเรย์รี่ (Akureyri) เมืองใหญ่เป็นอันดับสองของไอซ์แลนด์ เป็นศูนย์กลางการศึกษาและการค้าของภูมิภาค ตั้งอยู่บริเวณทางเหนือของประเทศ และห่างจาก เส้นอาร์คติกเซอร์เคิล (Arctic Circle) เพียง 40 กีโลเมตรเท่านั้น แม้จะเป็นเมืองใหญ่อันดับสองของประเทศ แต่ก็มีประชากรเพียง 18,000 คนเท่านั้น บรรยากาศของเมืองจึงมีแต่ความเงียบสงบ อบอวลไปด้วยกลิ่นอายของวัฒนธรรม ประวัติศาสตร์ และธรรมชาติ
============
7. ทะเลสาบมีวัทน์
Lake Myvatn
ทะเลสาบมีวัทน์ (Mývatn) ทะเลสาบที่มีขนาดใหญ่ที่สุดเป็นอันดับ 4 ของไอซ์แลนด์ ตั้งอยู่บริเวณทางเหนือของประเทศ ไม่ไกลจากเมืองอาคูเรย์รี่เท่าไรนัก เป็นแหล่งที่อยู่อาศัยของสัตว์นานาชนิด และนกหลากหลายสายพันธุ์ สันนิษฐานว่าเกิดจากการปะทุของภูเขาไฟเมื่อ 2,500 ปีก่อน ทำให้เกิดเป็นทะเลสาบสีฟ้าสดใสบริเวณปากปล่องภูเขาไฟ รายล้อมไปด้วยที่ราบชุ่มน้ำ เป็นปรากฏการณ์ธรรมชาติที่มีความแปลกตา แต่สวยงามเป็นอย่างมาก
พิกัด : https://goo.gl/maps/x8PynJZ283gUB7CT8
============
8. น้ำตกโกดาฟอสส์
Godafoss
น้ำตกโกดาฟอส (Goðafoss Waterfall) หนึ่งใน 3 น้ำตกที่สวยที่สุดในไอซ์แลนด์ ถูกค้นพบเมื่อพันกว่าปีก่อน ด้วยความงดงามราวกับพระเจ้าสร้าง จึงทำให้น้ำตกแห่งนี้มีชื่อว่า Goðafoss ซึ่งหมายถึง "น้ำตกของพระเจ้า" นั่นเองค่ะ เป็นน้ำตกขนาดใหญ่มีลักษณะเป็นครึ่งวงกลม และมวลน้ำมหาศาลที่เทกระหน่ำลงมาจากผาน้ำตก ไหลลัดเลาะไปตามหุบเหว เกิดเป็นทัศนียภาพอันแสนอลังการสุดจะบรรยาย
พิกัด : https://goo.gl/maps/x9BQoaMjNVFpxyTc9
============
9. ฮูซาวิก
Husavik
เมืองฮูซาวิก (Húsavík) เมืองเล็กๆ ทางชายฝั่ง Skjálfandi ทางเหนือของไอซ์แลนด์ที่มีประชากรอยู่ราวๆ 2,300 คนเท่านั้น ประกอบไปด้วยอาคารบ้านเรือนสีสันฉูฉาด โดยมีแลนด์มาร์คเป็น โบสถ์ไม้ Húsavíkurkirkja อายุกว่าร้อยปี สร้างขึ้นเมื่อปี ค.ศ. 1907 ไม่เพียงเท่านี้ ฮูซาวิกยังได้รับการขนานนามให้เป็น "เมืองหลวงแห่งปลาวาฬ" ของไอซ์แลนด์ เนื่องจากบริเวณชายฝั่ง Skjálfandi นั้นเป็นจุดชมปลาวาฬที่ดีที่สุดของประเทศ และเป็นแหล่งของปลาวาฬกว่า 23 สายพันธุ์เลยทีเดียว
============
10. ธารน้ำแข็งโจกุลซาร์ลอน
Jokulsarlon Glacier Lagoon
ตื่นตาตื่นใจไปกับ ธารน้ำแข็งโจกุลซาร์ลอน (Jökulsárlón) ธารน้ำแข็งอายุกว่า 1,000 ที่ใหญ่ที่สุดในไอซ์แลนด์ และใหญ่ที่สุดเป็นอันดับ 3 ของโลก ครอบคลุมพื้นที่กว่า 8,300 ตารางกิโลเมตร รอบด้านเต็มไปภูเขาน้ำตกที่ทอดตัวยาวหลายกิโลเมตร พร้อมด้วยก้อนน้ำแข็งที่กระจัดกระจายอยู่บนผืนน้ำ สะท้อนแสงเงาจากท้องฟ้าจนเกิดเป็นประกายแสงระยิบระยับ เป็นทิวทัศน์สุดแสนอลังการที่นักผจญภัยไม่ควรพลาด
พิกัด : https://goo.gl/maps/vopgv3V6oZyJ7WUP6
============
11. หาดทรายดำ เรย์นิสฟายารา
Reynisfjara Beach
หาดทรายดำ เรย์นิสฟายารา (Reynisfjara Beach) หนึ่งในหาดทรายสีดำที่มีชื่อเสียงที่สุดในโลก เป็นเม็ดทรายที่เกิดจากการสะสมกันของหินลาวาที่สึกกร่อน และแนวหินบะซอลต์ที่ถูกพัดไปสะสมตัวบริเวณชายหาด ทำให้บรรยากาศรอบด้านมีความอึมครึม แต่ก็ดูสวยลึกลับไปอีกแบบ
พิกัด : https://goo.gl/maps/byWXpQs7Ef9g73S66
============
12. น้ำตกสโกกาฟอสส์
Skogafoss Falls
น้ำตกสโกกาฟอสส์ (Skógafoss) น้ำตกที่สูงที่สุดในไอซ์แลนด์ ที่มีความสูงถึง 62 เมตร และใหญ่เป็นอันดับ 5 ของประเทศ มวลน้ำมหาศาลที่ไหลลงมาจากหุบเหวนั้นทำให้เกิดเป็นละอองน้ำฟุ้งกระจายไปทั่วบริเวณ เมื่อต้องกับแสงอาทิตย์ก็จะเกิดเป็นรุ้งกินน้ำสีสันสวยงาม ตัดกับภูเขาที่ที่ปกคลุมไปด้วยผืนหญ้าสีเขียวขจีได้อย่างลงตัว