9 ที่เที่ยวฝรั่งเศส เที่ยวยุโรปด้วยตัวเอง ประเทศโรแมนติก หลากหลายวัฒนธรรม
ฝรั่งเศส ประเทศที่มีประวัติความเป็นมายาวนานแห่งหนึ่งในโลก และผ่านช่วงเวลาทางประวัติศาสตร์มามากมาย ที่เที่ยวดังๆ หลายแห่งของที่นี่เลยมีหลากหลายรูปแบบมาก ไล่มาตั้งแต่โบราณสถาน ปราสาท วัง จนถึงที่เที่ยวยุคสมัยใหม่ที่ดูโมเดิร์นขึ้นมา ใครที่ชื่นชอบงานสถาปัตยกรรมสวยๆ เดินชมเมืองงามๆ ในบรรยากาศที่รับรองว่าไม่เคยเห็นที่ไหนมาก่อน ลองไปดู ที่เที่ยวฝรั่งเศส แนะนำต่อไปนี้ รับรองจะอยากไปฝรั่งเศสแน่ๆ
ข้อมูลเบื้องต้น ประเทศฝรั่งเศส
ฝรั่งเศส เป็นประเทศที่ใหญ่ที่สุดในทวีปยุโรปรองลงมาจากประเทศรัสเซีย และประเทศยูเครน คำว่า ฝรั่งเศส (France) มาจากคำในภาษาละตินว่า Francia ซึ่งแปลตามตรงว่า ดินแดนของชาวแฟรงก์ (Frankland) ประกอบไปด้วย 13 แคว้น (regions) 96 จังหวัด (départements) มีพรมแดนติดกับหลายๆ ประเทศ ทั้งเบลเยียม ลักเซมเบิร์ก เยอรมนี สวิตเซอร์แลนด์ อิตาลี โมนาโก อันดอร์รา และสเปน มีเขตการปกครองโพ้นทะเล (Overseas) อยู่ในทวีปต่าง ๆ ทั้งอเมริกาเหนือ อเมริกาใต้ แอฟริกา แอนตาร์กติกา และภูมิภาคโอเชียเนีย ปัจจุบันฝรั่งเศสมีนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติสูงถึงกว่า 82 ล้านคนต่อปี
====================
ที่เที่ยวดังฝรั่งเศส โรแมนติก ถ่ายรูปสวย
1. หอไอเฟล Eiffel Tower
เชื่อว่าหลายคนคงเดาได้อยู่แล้ว ว่าอันดับแรกในลิสท์ยังไงก็ต้องเป็น หอไอเฟล (Eiffel Tower) ที่เรียกได้ว่าเป็นเสมือนสัญลักษณ์สำคัญของฝรั่งเศสเลย สร้างขึ้นในปี 1889 เพื่อต้อนรับแขกที่มาเที่ยวงาน World’s Fair ในปีนั้นนั่นเอง
นับเป็นสิ่งปลูกสร้างที่มีความสูงมากที่สุดในประเทศ ใครที่อยากขึ้นไปชมวิวสามารถเสียค่าเข้าชมเพื่อขึ้นไปได้ จะได้เห็นทิวทัศน์ปารีสแบบมุมสูง ที่มีด้านหน้าเป็นสวน และด้านหลังที่เป็นฝั่ง แม่น้ำแซน (Seine River)
=================
2. มหาวิหารมงแซ็งมิเชล Mont Saint Michel
มหาวิหารมงแซ็งมิเชล (Mont Saint Michel) อยู่ใน แคว้นนอร์มังดี (Normandy) เป็นจุดศูนย์รวมความศรัทธาในคริสต์ศาสนามาตั้งแต่ศตวรรษที่ 8 ได้รับการยกย่องจาก UNESCO ให้เป็นหนึ่งใน มรดกโลก ในปี 1979 เป็นปราสาทที่ตั้งอยู่บนเกาะขนาดเล็ก มีถนนเชื่อมระหว่างเกาะ และแผ่นดิน มีนักท่องเที่ยวเดินทางมาอย่างคับคั่งเฉลี่ยต่อปีถึง 2.5 ล้านคน! และที่สำคัญยังเป็น 1 ในต้นแบบปราสาทของดิสนีย์ด้วย
================
3. เมืองแรนส์ Rennes
Michelle Silke / Shutterstock.com
แรนส์ (Rennes) เป็นเมืองทางตะวันออกของ แคว้นบริททานี (Brittany) ที่เคยได้รับรางวัลให้เป็นเมืองที่น่าอยู่ที่สุดในประเทศฝรั่งเศสด้วย ที่นี่โดดเด่นด้วยอาคารบ้านเรือนแบบยุคเรเนซองส์ หรือสมัยฟื้นฟูศิลปวิทยา มีตึกสวยๆ น่ารักๆ ให้ชมมากมาย และยังเป็นเมืองที่ตั้งของมหาวิทยาลัยที่ใหญ่เป็นอันดับ 8 ของประเทศด้วย
================
4. มหาวิหารซาเคร-เกอร์ บาซิลิก้า Basilica of the Sacred Coeur
ซาเคร-เกอร์ บาซิลิก้า (Basilica of the Sacred Coeur) วิหารสีขาวในคริสตจักรโรมันคาทอลิก ตั้งอยู่บนยอดเขาที่สูงที่สุดของกรุงปารีส ความพิเศษอยู่ที่สถาปัตยกรรมแบบโรมัน-ไบแซนไทน์ เลยทำให้ที่นี่มีเอกลักษณ์แตกต่างจากวิหารอื่นๆ ในยุคเดียวกัน และยังเป็นจุดชมวิวเมืองปารีสที่สวยที่สุดอีกจุดหนึ่ง
================
5. โกตดาซูร์ Côte d'Azur หรือ เฟรนช์ ริเวียร่า French Riviera
โกตดาซูร์ (Côte d'Azur) เป็นชื่อเรียกแนวชายฝั่งทะเลเมดิเตอร์เรเนียนทางมุมตะวันออกเฉียงใต้ของฝรั่งเศส ลากยาวรวมไปถึงโมนาโก เป็นสถานที่พักตากอากาศยอดนิยมที่มีรีสอร์ทมากมาย มีน้ำทะเลสวย หาดทรายสีขาว และมีแดดดีตลอดทั้งปี ทำให้ผู้คนนิยมเดินทางมาอาบแดดกันที่นี่ โดยเมืองที่ใหญ่ที่สุดของโกตดาซูร์ คือ เมืองนิส
================
6. มหาวิหารน็อทร์-ดามแห่งปารีส The Cathedral Notre Dame de Paris
มหาวิหารแบบโกธิค ที่ตั้งอยู่คู่เมืองปารีสมากว่า 850 ปีแล้ว เป็นดั่งศูนย์รวมศรัทธาต่อศาสนาคริสต์ที่สำคัญของเมืองปารีส คำว่า Notre Dame แปลว่า แม่พระ (Our Lady) ซึ่งเป็นคำที่ชาวคาทอลิกใช้เรียกพระนางมารีย์ แม้จะเคยเกิดเหตุเพลิงไหม้ครั้งใหญ่ในปีค.ศ. 2019 แต่ก็ได้รับการรบูรณะซ่อมแซมครั้งใหญ่จนกลับมาสวยงามดังเดิม
================
7. พระราชวังแวร์ซายส์ Palace of Versailles
พระราชวังแวร์ซาย (Palace of Versailles) ที่โด่งดังด้วยความยิ่งใหญ่ หรูหราตระการตา อลังการทั้งภายนอกภายใน มีห้องหับอยู่มากมายถึง 700 ห้อง พร้อมจิตรกรรม และประติมากรรมประดับตกแต่งด้วยหินอ่อน และวัสดุที่ดีเยี่ยม พระราชวังแวร์ซายได้รับจดทะเบียนให้เป็น มรดกโลก ในปี 1979
=================
8. กอลมาร์ Colmar
เมืองกอลมาร์ (Colmar) เป็นเมืองหลวงของ จังหวัดโอ-แร็ง (Haut-Rhin) ใน แคว้นอาลซัส เป็น 1 ในเมืองที่ขึ้นชื่อว่าสามารถอนุรักษ์เมืองให้ยังคงลักษณะสถาปัตยกรรม และบรรยากาศของเมืองโบราณได้เป็นอย่างดี และยังมีอีกสมญานามว่า ลิตเติ้ลเวนิสแห่งฝรั่งเศส ด้วย เพราะเมืองยังคงมีคลองตัดผ่าน สามารถล่องเรือชมเมืองได้ทั่ว
ด้วยบรรยากาศโรแมนติกนี้เองจึงทำให้นิยมมีคู่รักมาจัดงานแต่งกันที่นี่ และของขึ้นชื่ออีกอย่างที่ห้ามพลาดของที่นี่ก็คือ ไวน์ เพราะเป็นแหล่งปลูกองุ่นใหญ่ของแคว้นอาลซัสนั่นเอง
=================
9. เส้นทางสายลาเวนเดอร์ Sault Lavender Road
ใครที่อยากไปวิ่งเล่นในทุ่งลาเวนเดอร์ของจริง ต้องไม่พลาดเส้นทางสายลาเวนเดอร์ ที่เมือง Sault ซึ่งเป็นเมืองที่อยู่ใน แคว้นโพรวองซ์ (Provence) แคว้นที่เต็มไปด้วยทุ่งดอกลาเวนเดอร์สีม่วงมากมาย และงดงามราวกับภาพวาดสีน้ำมัน ทุ่งลาเวนเดอร์ที่นี่ยังไม่ได้เอาไว้ถ่ายรูปเท่านั้น แต่ยังเอาไปทำผลิตภัณฑ์จากลาเวนเดอร์ ไม่ว่าจะเป็นสบู่ ครีมอาบน้ำ น้ำมันหอมระเหย ลิปสติก เทียนหอมกลิ่นลาเวนเดอร์ต่างๆ
=================
เที่ยวฝรั่งเศส เดือนไหนดี ?
ฝรั่งเศส มีทั้งหมด 4 ฤดู แต่วอากาศจะค่อนข้างแปรปรวน แต่ละพื้นที่มีสภาพอากาศที่แตกต่างกันออกไป ก่อนออกเดินทางในแต่ละวันแนะนำว่าให้ตรวจเช็คสภาพอากาศก่อนเพื่อเป็นการเตรียมตัวให้พร้อม
ฤดูใบไม้ผลิ : เดือนมีนาคมถึงพฤษภาคม และฤดูใบไม้ร่วง : เดือนกันยายนถึงพฤศจิกายน
ตั้งแต่ประมาณกลางเดือนกุมภาพันธ์ ช่วงเวลากลางวันจะเริ่มยาวนานขึ้นทำให้เที่ยวสนุก เพราะอากาศไม่หนาวจนเกินไป ควรเตรียมเสื้อแจ็คเก็ต และร่มติดไว้เสมอเพื่อป้องกันความหนาว และฝนที่อาจจะตกลงมาเมื่อไรก็ได้
ฤดูร้อน : เดือนกรกฎาคมถึงกันยายน
หน้าร้อนในประเทศฝรั่งเศสนั้นอากาศจะร้อนแห้ง ควรพกครีมกันแดด และแว่นกันแดดติดตัวไว้เสมอ ร้านอาหารหรือร้านขายของบางที่มักจะปิดให้บริการในช่วงซัมเมอร์ โดยเฉพาะในเดือนสิงหาคมที่เป็นช่วงวันหยุดยาวของประเทศฝรั่งเศส ก่อนไปต้องเช็คให้ดี
ฤดูหนาว : เดือนธันวาคมถึงกุมภาพันธ์
ช่วงปลายฤดูใบไม้ร่วง และในช่วงฤดูหนาว ฝนมักจะตกบ่อย และท้องฟ้ามีเมฆมากทำให้อากาศดูอึมครึมอยู่ตลอดเวลา แต่ฤดูหนาวของที่นี่อุณหภูมิมักจะไม่ลดลงต่ำกว่าศูนย์องศา ในช่วงนี้เวลากลางวันจะสั้นลง พระอาทิตย์ขึ้นช้าและตกเร็ว เหมาะที่จะเที่ยวตามสถานที่ท่องเที่ยวในร่ม เช่นพิพิธภัณฑ์ พระราชวังต่างๆ เป็นต้น และควรพกร่มติดตัวเอาไว้เสมอ
====================