รีเซต

เที่ยวชลบุรี 1 วัน เที่ยวใกล้กรุงเทพ วัดเขาตะแบก เขาชีจรรย์ วิหารเซียน One Day Trip เพลินได้ทั้งวัน

เที่ยวชลบุรี 1 วัน เที่ยวใกล้กรุงเทพ วัดเขาตะแบก เขาชีจรรย์ วิหารเซียน One Day Trip เพลินได้ทั้งวัน
SummerB
11 กรกฎาคม 2565 ( 16:30 )
24.4K

       สำหรับใครที่กำลังหา ที่เที่ยวใกล้กรุงเทพ ไว้ไปชิลในวันหยุด เราจะชวนทุกคนไป เที่ยวชลบุรี 1 วัน ค่ะ ซึ่งรอบนี้เราจะพาไปปักหมุดแลนด์มาร์ค ถ่ายรูปสวย ที่ สกายวอล์ก วัดเขาตะแบก ต่อด้วยชมพระพุทธรูปแกะสลักบนหน้าผาหินที่ เขาชีจรรย์ และชมงานศิลปะจีนและไทยสุดล้ำค่าที่ วิหารเซียน แม้จะไม่ได้ไปเดินหาด เที่ยวทะเล แต่ก็นับเป็นทริป ชลบุรี One Day Trip ที่สนุกและเพลิดเพลินไม่น้อย

 

เที่ยวชลบุรี One Day Trip
ไหว้พระ เที่ยวชิล ถ่ายรูปสวย ใกล้กรุงเทพ

 

       One Day Trip ครั้งนี้เกิดจากการที่เราอยากจะเปลี่ยนบรรยากาศไปเที่ยวใกล้ๆ กรุงเทพฯ สักวัน และตัวเลือกที่ดีที่สุดที่ขึ้นมาในหัวของเราก็คือ ชลบุรี ค่ะ เพราะอย่างที่รู้กันว่าชลบุรีเป็นจังหวัดที่ใหญ่และมีที่เที่ยวหลากหลาย ไม่จำเป็นต้องไปเที่ยวทะเลอย่างเดียวก็ได้ เราก็เลยเลือกที่จะจัดทริปไหว้พระ เที่ยวชิลๆ แบบไม่รีบร้อนมากนัก จะมีที่ไหนบ้าง ตามเรามาเลยค่ะ

 

แจกแผนเที่ยว ชลบุรี 1 วัน

  • วัดเขาตะแบก
  • มุมอร่อย Como เขาชีจรรย์
  • เขาชีจรรย์
  • วิหารเซียน

 

1. วัดเขาตะแบก

 

 

       เริ่มพิกัดแรกด้วย วัดเขาตะแบก ที่อำเภอศรีราชา นับเป็นแลนด์มาร์คยอดฮิตของชลบุรีในช่วงนี้เลยทีเดียว โดยเฉพาะ สกายวอล์ก วัดเขาตะแบก ที่เราอาจจะคุ้นหน้าคุ้นตาจากในโซเชียล แต่ก่อนที่จะไปถึงสกายวอล์กนั้น เราจะต้องผ่านเส้นทางศึกษาธรรมชาติที่รายล้อมไปด้วย ต้นตะแบก และ ต้นไผ่ รวมถึงต้นไม้ใหญ่อื่นๆ อีกมากมายที่คอยให้ร่มเงาตลอดทาง รวมถึงริบบิ้นหลากสีที่นักท่องเที่ยวมาผูกไว้ตามจุดต่างๆ เพื่อความเป็นสิริมงคล ซึ่งเราจะต้องเดินฝ่าเนินสูง ไต่ระดับขึ้นไปเรื่อยๆ เพื่อขึ้นไปยัง วิหารวัดเขาตะแบก ที่ตั้งอยู่บนยอดเขาค่ะ

 

 

       เมื่อถึงลานกว้างซึ่งเป็นจุดพักก่อนขึ้นบันไดต่อไปยังวิหาร ตรงกลางลานจะเป็นที่พระดิษฐานพระพุทธรูปยืน และรูปหล่อหลวงปู่ เพื่อให้เราได้ไปกราบไหว้ขอพรกัน จากนั้นเราก็เดินขึ้นบันไดไปอีกประมาณร้อยกว่าขึ้นเพื่อขึ้นไปยังวิหาร เหนื่อยเอาเรื่องเหมือนกัน แต่พอขึ้นไปถึงวิหารบนยอดเขา ได้นั่งพักสักนิด ซึมซับบรรยากาศอันร่มรื่น และชมวิวสวยๆ ก็รู้สึกหายเหนื่อยเป้นปลิดทิ้ง เมื่อพักจนหายเหนื่อยแล้ว เราก็ไปกราบไหว้ พระพุทธรูปศิลปะสมัยเชียงแสน ที่ประดิษฐานอยู่ภายในวิหาร ล้อมรอบด้วยจิตรกรรมฝาผนังที่บอกเล่าถึงพุทธประวัติ บรรยากาศเงียบสงบ เหมาะกับการมาสวดมนต์นั่งสมาธิให้จิตใจสงบเป็นอย่างมากค่ะ

 

 

       หลังจากที่ไหว้พระขอพรเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เราก็เดินลงบันไดมาอีกประมาณ 200 ขั้นเพื่อตรงไปยัง สกายวอล์ก วัดเขาตะแบก ซึ่งมีความยาวทั้งหมดประมาณ 226 เมตร ส่วนที่เป็นสะพานกระจกยาว 50 เมตร และมีความสูงประมาณ 25 เมตร ทางด้านซ้ายมือก่อนขึ้นสกายวอล์กจะมีจุดจำหน่ายตั๋วคนละ 40 บาท ส่วนด้านหน้าก่อนเข้าไปยังส่วนของสะพานกระจกจะมีรองเท้าผ้าให้สวมเพื่อป้องกันไม่ให้สะพานกระจกเป็นรอยค่ะ 

 

 

    เมื่อขึ้นไปถึงด้านบนแล้วก็ต้องทึ่งในความงามของทิวทัศน์รอบกาย คือสวยมากกก เรียกว่าชมวิวได้ 360 องศาเลย สามารถเห็นวิวของวิหารบนยอดเขา ป่าเขียวขจี ท้องทุ่ง และอ่างเก็บน้ำได้แบบกว้างไกลสุดๆ แถมยังมีมุมถ่ายรูปเพียบ ใครที่ไม่กลัวความสูงแนะนำให้ไปเดินบนส่วนของสะพานกระจกดูค่ะ บอกเลยว่าตรงจุดนี้ถ่ายรูปสวยสุดๆ แถมยังได้ชมวิวแบบจัดเต็มด้วย เพราะกระจกนั้นใสจนสามารถมองเห็นป่าเขาทางด้านล่างได้เลย นับว่าเป็นการปิดท้ายหลังการมาไหว้พระทำบุญได้อย่างน่าประทับใจจริงๆ ค่ะ

อ่านรีวิวเต็มๆ ที่ สกายวอล์ก วัดเขาตะแบก ที่เที่ยวชลบุรี ใกล้กรุงเทพ ไหว้พระ ถ่ายรูปสวย วิวอลังการ

 

===============

 

2. มุมอร่อย Como เขาชีจรรย์

 

 

       เดินขึ้นเขามาจนเหนื่อย เราก็ขอไปเติมพลังที่ มุมอร่อย สาขา Como เขาชีจรรย์ สักหน่อยค่ะ เป็นร้านอาหารซีฟู้ดที่เปิดหลายสาขาในชลบุรี แต่ไหนๆ เราก็ตั้งใจจะมาเที่ยว วิหารเซียน ที่อยู่ไม่ไกลกันอยู่แล้ว เราก็เลยแวะมาทานข้าวที่สาขานี้ซะเลย แล้วก็ไม่ผิดหวัง เพราะนอกจากอาหารจะอร่อยถูกปากแล้ว บรรยากาศรอบๆ ยังสวยอลังเหมือนยกเมืองสวยๆ ในอิตาลีมาไว้ที่นี่เลยแหละ 

 

 

       ถ้าอยากดื่มด่ำกับวิวสวยๆ แบบเต็มอิ่มล่ะก็ แนะนำให้ออกมานั่งตรงระเบียงด้านนอกค่ะ เราจะได้เห็นวิวของอ่างเก็บน้ำที่รายล้อมไปด้วยหมู่บ้านสไตล์อิตาเลียน เนินเขาที่สวยงาม และวิวของ เขาชีจรรย์ ที่โดดเด่นมาแต่ไกล นี่ยังแอบคิดว่าถ้าอากาศหนาวขึ้นอีกสักหน่อยคงเข้าใจผิดคิดว่าอยู่อิตาลีแล้ว 555

 

 

===============

 

3. เขาชีจรรย์

 

 

       ทานข้าวเสร็จเราก็แวะถ่ายรูปที่ เขาชีจรรย์ สักครู่หนึ่งค่ะ นับเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงแห่งหนึ่งของชลบุรี โดยมีไฮไลท์เป็น พระพุทธรูปแกะสลักบนหน้าผาหิน ซึ่งเป็นพระพุทธรูปแบบประทับนั่งปางมารวิชัย เลียนแบบพระพุทธนวราชบพิตร ศิลปะสุโขทัยผสมล้านนา และมีความสูงถึง 109 เมตร ทำให้ที่นี่เป็นพระพุทธฉายที่ใหญ่ที่สุดในโลก และเป็นปูชนียสถานสำคัญทางพระพุทธศาสนา รายล้อมไปด้วยสวนอันร่มรื่น จัดแต่งคล้ายๆ สวนสาธารณะ ส่วนด้านหน้าก็มีรถขายเครื่องดื่มและขนมไว้รองรับนักท่องเที่ยว สามารถมาพักผ่อนหย่อนใจ และกราบไหว้พระพุทธรูปแกะสลักบนผาหินเพื่อความเป็นสิริมงคลค่ะ

 

 

  • ที่อยู่ : หมู่ 7 ตำบลนาจอมเทียน อำเภอสัตหีบ จังหวัดชลบุรี
  • พิกัด : https://goo.gl/maps/124TepTDeNU6bX938
  • เปิดให้เข้าชม : 06.00-18.00 น.
  • โทร : -
  • เว็บไซต์ : -

===============

 

4. วิหารเซียน

 

 

       ปิดท้ายทริปนี้ด้วย วิหารเซียน หรือ อเนกกุศลศาลา ก่อตั้งเมื่อปี พ.ศ. 2536 โดย อาจารย์สง่า กุลกอบเกียรติ ผู้ที่มีความเชี่ยวชาญทั้งวัฒนธรรมไทยและจีน โดยท่านได้ใช้สถานที่แห่งนี้เพื่อรวบรวมวัตถุโบราณงานศิลปะของจีนและไทยอันล้ำค่าเอาไว้มากมาย ไม่ว่าจะเป็น รูปหล่อสำริดเทพเจ้าจีน จักรพรรดิจีน ทหารจีน และพระพุทธรูปของไทย รวมไปถึง สุสานจิ๋นซีฮ่องเต้ ซึ่งเป็นไฮไลท์ของที่นี่ ถ้าเราอยากจะเข้าไปชมด้านในก็ต้องซื้อตั๋วคนละ 50 บาทกันก่อนค่ะ

อ่านรีวิวเต็มๆ ที่ วิหารเซียน อเนกกุศลศาลา ที่เที่ยวชลบุรี แหล่งรวมงานศิลป์จีนไทย สุดยิ่งใหญ่

 

 

       วิหารเซียนจะแบ่งออกเป็น 3 ชั้น บริเวณด้านนอกของชั้นแรกจะมี รูปปั้นแปดเซียนข้ามทะเล รูปหล่อโลหะมังกรทอง และรูปหล่อพระศรีอาริยเมตรไตรโพธิสัตว์ ส่วนด้านในจะเป็นพื้นที่จัดแสดงโบราณวัตถุ รวมถึงงานศิลปะจีนแขนงต่างๆ เอาไว้จำนวนนับไม่ถ้วน แต่ละชิ้นต่างมีความล้ำค่าและเก่าแก่เป็นอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็น นักรบจีน ที่มาจากเมืองซีอาน ประเทศจีน เครื่องกระเบื้องจากราชวงศ์ถัง ภาพเขียนสมัยราชวงศ์หมิง ตลอดไปจนถึงวัตถุโบราณสมัยยุคก่อนประวัติศาสตร์ ระหว่างชมก็รู้สึกตื่นเต้นไม่น้อย เพราะไม่นึกว่าจะได้ชมของล้ำค่าเหล่านี้ได้ในเมืองไทย 

 

 

       ชั้น 2 จะเป็นหอเซียน ซึ่งเป็นที่ประดิษฐานรูปหล่อปิดทอง เซียนลื่อต่งปิง หนึ่งในแปดเซียนของลัทธิเต๋า รายล้อมไปด้วยภาพนูนศิลปะจีนสีสันสวยงาม ส่วนด้านบนเพดานมี สัญลักษณ์หยิงหยาง ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของลัทธิเต๋านั่นเองค่ะ บริเวณลานด้านนอกมีรูปหล่อโลหะของฮ่องเต้ และบุคคลสำคัญในประวัติศาสตร์จีนอยู่มากมาย โดยมีไฮไลท์เป็น รูปหล่อสำริด 18 อรหันต์ ที่แสดงท่ามวยวัดเส้าหลิน ส่วนบริเวณด้านซ้ายและด้านขวาจะมีส่วนของพิพิธภัณฑ์ศิลปะไทยที่จัดแสดง หุ่นกระบอก หุ่นละครเล็ก หนังใหญ่ ดนตรีไทย ภาพจิตรกรรมไทย รวมไม่ถึงงานไม้แกะสลักต่างๆ มีความเก่าแก่และงดงามควรค่าแก่การอนุรักษ์เป็นอย่างมากค่ะ

 

 

       ส่วนชั้นที่ 3 จะเป็นที่ประดิษฐาน พระพุทธชินราชจำลอง พระประธานของวิหารเซียน รวมถึงเป็นที่ประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุ และพระธาตุให้พวกเราไปสักการะกราบไหว้อีกด้วย หลังจากสวดมนต์ ไหว้พระขอพรเป็นที่เรียบร้อย เราก็เดินออกไปที่ระเบียงเพื่อถ่ายรูปลานชั้น 2 จากมุมสูง เมื่อกี้เดินชมอย่างใกล้ชิดก็รู้สึกขนลุกแล้ว พอได้มาชมวิวจากข้างบนก็ยิ่งเห็นถึงความยิ่งใหญ่อลังการของวิหารเซียนได้ชัดเจนมากขึ้นค่ะ นับเป็นการปิดท้ายทริปที่น่าประทับใจสำหรับคนที่ชอบประวัติศาสตร์และศิลปะอย่างเราสุดๆ ไปเลย ใครที่อยากเปลี่ยนบรรยากาศจากเที่ยวทะเล มาเดินเล่น ไหว้พระ ชมวิวสวยๆ ก็ลองตามเรามาดูนะคะ