ฉันเป็นคนหนึ่งที่อายุไม่น้อย จึงเดินทางตะลอนโลกมาแล้วเป็นร้อยเมือง และในร้อยเมืองก็ไม่ค่อยจะยอมพลาด “จุดชมวิว” น้อยมากที่จุดชมวิวที่ไหนทำให้ฉันผิดหวังได้ เพราะเมืองนั้นเขาคงตัดสินใจร่วมกันมาแล้ว ว่าเด็ดสุดถึงจุดต้องแนะนำ แต่ถ้าคุณชมวิวมากๆ แล้วเริ่มชินชา จนไม่รู้แล้วว่า ไอ้วิวเมืองที่มองไปไกลๆ สุดสายตา มันต่างกันตรงไหน อยากบอกเคล็ดลับว่า วิวเมือง วิวเขา วิวทะเล วิวแม่น้ำ วิวท้องฟ้า จะเปลี่ยนไป แค่คุณใส่หูฟังแล้วเปลี่ยนเพลง ถ้าถามคนกรุงเทพฯ ว่าอยู่เมืองนี้มาหลายสิบปี เคยชมวิวในมหานครมหาเสน่ห์แห่งนี้สักกี่ครั้ง ไม่แน่นะอาจมีหลายคนที่ตอบว่า 0 ใกล้เกลือย่อมกินด่าง พนันร้อยเอาหนึ่งว่าต้องมีเยอะเลยด้วย คนกรุงเทพฯ ที่ชมวิวเมืองต่างๆ ทั่วโลกมาแล้วมากมาย แต่ไม่เคยได้ชมวิวเมืองที่ตัวเองใช้ชีวิตอยู่ทุกวัน ฉันก็เป็นหนึ่งในนั้น วันดีคืนดีฉันมีธุระไปแถววัดสระเกศ ช่วงเย็นพอมีเวลาเหลือ จู่ๆ ก็เกิดฟีลลิ่งอยากแวะไปไหว้ภูเขาทองขึ้นมา ซึ่งเอาจริงๆ จำไม่ได้เลยว่า ขึ้นครั้งสุดท้ายเมื่อกี่สิบปีแล้ว จอดรถแล้วเดินโต๋เต๋เข้าไป รับรองต่อให้ไม่เคยไปหรือไม่เคยมาภูเขาทองเลยก็หลงยาก ทางขึ้นหลักของภูเขามองอยู่ติดกับวัดสระเกศราชวรมหาวิหาร แต่คนที่เดินมาจากนอกวัด เข้าทางประตูฝั่งถนนจักรพรรดิพงษ์และถนนบริพัตร ก็เดินวนมาเจอทางขึ้นได้ ใครหน้าตาฟ้องว่าเป็นคนไทย เจ้าหน้าที่อนุญาตให้ขึ้นไปได้เลย แต่ถ้าเป็นชาวต่างชาติก็จ่ายแค่คนละ 50 บาท ก้าวขึ้นบันไดขั้นแรกก็อึ้งใจ หูย! นี่ถ้าเป็นคนรู้จักกันก็ต้องร้องว่า “ไม่เจอกันนาน แทบจำไม่ได้” เพราะสภาพแวดล้อมของภูเขาทองเปลี่ยนไปในทางที่ดีงามมาก มีการก่อสร้างบันไดทางขึ้นและตกแต่งประดับประดาให้เดินขึ้นอย่างสบายๆ แม้จะต้องป่ายปีนบันไดไปราว 344 ขั้น แต่บันไดจัดว่าไม่ชันและเดินได้ไม่ยาก เรียกว่าแม้แต่ผู้สูงวัยก็ขึ้นไปสักการะพระเจดีย์ข้างบนสุดไม่ลำบาก ถ้าเหนื่อยก็แวะพักกลางทาง ระหว่างทางขึ้นมีคาเฟ่เก๋ไก๋ให้บริการอีกด้วย สายแฟอยากไปนั่งจิบกาแฟบนภูเขาทอง ต้องไปให้ไวก่อนพระอาทิตย์ตก เพราะร้าน Golden Mount Coffee เขาปิดเวลา 18.00 น.แต่ถ้าร้านปิดใครกระหายน้ำก็ไม่ต้องกลัวไป เพราะเดี๋ยวพอขึ้นไปถึงด้านบนยังมีตู้เครื่องดื่มให้กดซื้อ ยิ่งไต่สูงวิวก็ยิ่งเริ่มมีแววสวยขึ้นเรื่อยๆ ฉันเห็นนักท่องเที่ยวหนุ่มสาวบางคนมานั่งนิ่งๆ ดื่มด่ำ เหมือนอินแบบลึกล้ำกับภาพที่เขาเห็น ค่อยๆ ไต่ขึ้นไปจนถึงจุดหมาย ก็ปะทะเข้ากับพระเจดีย์เหลืองอร่ามตระหง่านงามอยู่บนยอด ภูเขาทองเป็นเจดีย์ที่สร้างขึ้นบนภูเขาจำลอง พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 3 โปรดให้สร้างเลียนแบบภูเขาทองในสมัยกรุงศรีอยุธยา แต่สร้างเสร็จบริบูรณ์ในรัชกาลที่ 4 ซึ่งพระราชทานนามพระเจดีย์สีทองอร่ามนี้ว่า “บรมบรรพต” จนในรัชกาลที่ 5 ทรงอัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุที่บูชาในพระบรมมหาราชวังและพระบรมสารีริกธาตุที่รัฐบาลอังกฤษถวาย มาประดิษฐานบนยอดพระเจดีย์ แนะนำให้กะเวลาดีงาม ขึ้นไปถึงยอดช่วงก่อนพระอาทิตย์จะลับฟ้าสักครึ่งชั่วโมง หลังจากนมัสการพระบรมสารีริกธาตุแล้ว ก็จะได้จังหวะปล่อยตัวปล่อยใจ ไปกับวิวกรุงเทพมหานครแบบ 360 องศา บนความสูงราวๆ สักตึก 20 ชั้น เพราะจากฐานจนถึงยอดพระเจดีย์เขาบอกว่าสูงรวม 77 เมตร สำหรับชาวคอนโด ความสูงขนาดนี้คงไม่เท่าไหร่ แต่ที่ดีต่อใจ คือพอปีนขึ้นไปจนสุดแล้ว วิวที่มองลงมาคือวิวที่ไม่มีคอนโดแห่งใดจะให้ได้ ฉันหยิบหูฟังขึ้นมา แล้วเลือกเพลย์ลิสท์ที่ถูกใจ จากนั้นความรู้สึกของฉันก็เปลี่ยนไปเรื่อยๆ ภาพที่เห็นตรงหน้าคือเมืองที่เราอยู่มาชั่วชีวิต เมืองขนาดมโหฬารที่มีอายุมากกว่าสองศตวรรษ คละเคล้าไปด้วยความเจริญทางวัฒนธรรมสูงสุดในอดีตกาล สอดประสานกับความเจริญสูงสุดทางเทคโนโลยีแห่งอนาคต จะเคยเทควิวมาแล้วที่ไหนๆ ในโลกนี้ แต่จะมีมหานครที่ไหนให้มากกว่านี้อีก นี่คือความงามที่ถูกมองข้ามจากชาวกรุงเทพมหานครมากมาย ที่คงแสนเสียดายถ้าวันนี้ฉันไม่โต๋เต๋แวะกลับมาเยือน เพลย์ลิสท์เพลงเพราะๆ ในหูยิ่งตอกย้ำ ว่าสิ่งดีงามบางทีก็อยู่ใกล้จนลืมเอื้อม จุดชมวิวภูเขาทอง พิกัด : วัดสระเกศราชวรมหาวิหาร ริมคลองมหานาค เขตป้อมปราบศัตรูพ่าย เวลาเปิดบริการ : 08.00-18.00 น