Qazvin- Iran ความประทับใจ มิอาจลืมเลือน ในขณะที่ช่วงนี้โควิด-19 ระบาด อิหร่านก็เป็นประเทศที่ได้รับผลกระทบมากเช่นกัน มีทั้งคนป่วยและเสียชีวิตเป็นจำนวนมาก ทำให้เราย้อนนึกถึงเมื่อครั้งก่อนเก่า ปี 2559 ที่ได้มีโอกาสเดินทางไปทำงานในเมืองQazvin ซึ่งมีสวนอุตสาหกรรมและมีโรงงานอุตสาหกรรมตั้งอยู่ที่นั่น และหนึ่งในนั้นคือ บริษัทลูกค้าที่เราดูแลอยู่นั่นเอง เราค่อนข้างประทับใจในตัวคนพื้นเมืองของที่นี้พอสมควร ด้วยเหตุผลที่ว่าความประทับใจจิตใจที่เป็นมิตร ชอบพูดคุยถึงแม้ว่าจะพูดกันไม่รู้เรื่องก็ตาม (คนที่นี้ พูด ภาษาเปอร์เซีย ใช้ภาษาเปอร์เซียเป็นหลัก นะคะ ภาษาอังกฤษจะพูดได้ก็เฉพาะคนที่มีระดับการศึกษาสูงหน่อย)คน Qazvin จะเอาใจดูแลแขกต่างชาติดีเป็นพิเศษ เพราะที่นี้ไม่ใช่เตหะราน ฮ่า ๆ คนต่างชาติที่เข้ามาเมืองนี้ นับคนได้จริง ๆ เขาจะรู้หมดว่าเราไปไหนมาไหนบ้างอาหารถูกปาก อย่าคิดนะคะ ว่าที่นี้ จะมีแต่เคบับ ๆ มีอย่างอื่นด้วยผู้คนที่นี้ สวย หล่อ กันมาก ๆ (แต่เขาเห็นคนเอเชีย เขาว่าสวยค่ะ สงสัยเขาชอบคนดั้งแหมบค่ะ ฮ่า ๆอันนี้ล้อเล่นนะคะ) แต่เราก็รู้สึกว่า เขาชอบเราเป็นพิเศษ เพราะว่าตอนเช้า ๆ สาว ๆ ในโรงงานวิ่งมากอดเลยค่ะ โคตรตกใจ อยู่มา 1 อาทิตย์จนจะใกล้กลับ พึ่งชินค่ะคนที่นี้ เป็นคนฉลาด ชอบแลกเปลี่ยนทัศนคติ โดยเฉพาะเรื่องทางการเมือง สังคม มนุษย์ เรานี้อึ้งเลย กลับโหมดสนทนาแทบไม่ทัน ดีนะ เราศึกษาข้อมูลเรื่องของอิหร่านไปบ้างพอสมควรผู้คนที่นี้ ยิ้มแย้มแจ่มใส สนุกสนาน เฮฮาได้แม้ไม่มีแอลกอฮอล์สักหยดผ้าคลุมหัว สำหรับผู้หญิงเวลาอยู่ข้างนอกต้องคลุมตลอดนะคะ สีของผ้าคลุมตามสะดวกเลยค่ะ อันนี้คือชอบเลย และสิ่งที่ไม่ควรทำและอะไรที่ไม่สามารถใช้ได้ ขณะที่ท่านอยู่ที่นี้นะคะห้ามพูดว่า คนอิหร่าน คือ ชาวอาหรับนะคะ เพราะเขาไม่ใช่อาหรับ เขาคือคนเปอร์เซีย (ข้อนี้สำคัญมาก เพื่อนบอกมา)Facebook ที่นี้ใช้ไม่ได้นะคะ ใช้ได้แค่ Instagram ถ้าจะแชทหาเพื่อน คนที่นี้ส่วนใหญ่ใช้ Telegram ผู้หญิงอยู่นอกบ้านใส่ผ้าคลุมหัวตลอดนะคะ ห้ามลืมเด็ดขาดรถยนต์ขับซ้ายประวัติศาสตร์เมือง Qazvinมาดูประวัติคร่าว ๆ ของ Qazvin ดูบ้าง ถ้าเปรียบเทียบบ้านเรา Qazvin ก็น่าจะประมาณ จังหวัดพระนครศรีอยุธยาบ้านเรา คือ เป็นเมืองเก่า Qazvin ก่อตั้งขึ้นมาเมื่อคริสต์ศตวรรษที่ 3-4 โดยราชวงศ์ซัสซานิก ในคริสต์ศตวรรษที่ 7 พวกมุสลิมได้เข้ามาปกครองทำให้มีความรุ่งเรือง ในคริสต์ศตวรรษที่ 8 กาหลิบฮารูนอัลรอซีดได้สร้างป้อมปราการล้อมเมืองระหว่าง ค.ศ. 1548-1598 ได้สถาปนาเป็นเมืองหลวงของอาณาจักรเปอร์เซีย และเมืองนี้ห่างจากเตหะราน 165 กิโลเมตร การคมนาคมค่อนข้างสะดวก ถนนหนทางคือดีมาก สาธยายมายืดยาว มาดูการเดินทางกันคะ ราคาค่าตั๋วอะไรต่าง ๆ ค่าโรงแรม ค่ากิน ขอไม่กล่าวถึงนะคะเพราะว่าบริษัทจ่ายให้ค่ะ ฮ่า ๆ ย้ำอีกครั้งมาทำงาน ๆ ฮ่า ๆ การเดินทางและความสนุกของทริปนี้มาถึงละคะDay 1เริ่มต้นการเดินทางจากสนามบินดอนเมือง มุ่งสู่สนามบิน Imam Khomeini International Airport ด้วยสายการบิน AirAsia ทั้งลำมีคนไทยผู้หญิงอยู่ 3 คน นอกนั้น 95% เป็นคนอิหร่านล้วน ๆ ใช้เวลาเดินทางประมาณ 9-10 ชั่วโมงบนเครื่องบิน นอนยาว ๆ ไปค่ะก่อนเครื่องจะลง มีประกาศจากทางสายการบิน ให้ผู้หญิงเอาผ้ามาคลุมหัวก่อนลงจากเครื่องลงจากเครื่องเสร็จเรียบร้อย เดินไปซื้อประกันภัยก่อนเลย พร้อมทำ VISA on arrival จ่ายเงินไปประมาณคนละ 150 USD โดยประมาณนะคะ จำไม่ค่อยได้ล่ะขั้นตอนต่อมา ต้องผ่าน ตม เอาจริง ๆ ตื่นเต้นมาก เพราะเสียวตั้งแต่ทำประกันละ ว่ามาเที่ยวกับเพื่อน แล้วเพื่อนเป็นชาวเกาหลีใต้ชาย 2 ท่านเนี่ยนะ ฮ่า ๆ เจ้าหน้าที่ก็ขำ ๆ เอาละยื่น Passport ให้เจ้าหน้าที่ ๆ ไม่มองแม้กระทั่งหน้าเรา ประทับตรา บอกไปได้ งงเลย แต่ก็ดีค่ะเรา : จะไป Qazvin อย่างไร? นาย : อ๋อ ทางบริษัทลูกค้าเตรียมรถแท็กซี่มาให้ล่ะ 1 คันเรา : (คิดในใจ) โอเค สบาย ๆ หลังจากนั้นลุงแท็กซี่ก็มา แต่ ๆ ตอนจะไปเอารถลุงแท็กซี่ จำที่จอดรถไม่ได้ คุณพระ! ลุงเดินหารถตัวเองประมาณ 20 นาที โอ้ว! แม่เจ้า สนุกสนานตั้งแต่ลงเครื่องละ เอาละต่อ ๆขึ้นรถ ขับไปนานมาก ๆ 165 กิโลเมตร ก็ราว ๆ 3 ชั่วโมงนิด ๆ มาถึงโรงแรม ชื่อว่า MarMar Hotel โรงแรมระดับ 4 ดาวในเมืองนี้จ่ายค่าเงินค่าโรงแรม จ่ายได้ทั้ง สกุลเงินอิหร่าน(IRR หรือ เรียลอิหร่าน) หรือท่านใดสะดวกจ่ายเป็นดอลล่าร์สหรัฐ ก็ได้ ไม่มีปัญหาเข้าพักในโรงแรม สิ่งที่เจออย่างแรกเลย คือสัญลักษณ์ เข็มทิศที่ชี้ไปยังทิศของนครเมกกะซาอุดีอาระเบีย (ตอนแรกไม่รู้ เลยถ่ายรูปไปถามเพื่อนที่เป็นชาวอิหร่าน) วัตถุปรสงค์ ก็เพื่อบอกทิศทางในการหันหน้าไปละหมาดค่ะ Day 2ตื่นเช้ามาก็อาบน้ำ เตรียมตัวทานข้าวเช้าที่โรงแรม โอเค อาหารก็เหมือนโรงแรมทั่วไปพอออกมารอรถเพื่อไปทำงานเท่านั้นแหละ เฮ้ย ๆ อากาศคือดีมาก มองไปไกล ๆ เจอน้ำแข็งบนภูเขาด้วย ความประทับใจเริ่มมา ไหนเขาบอกประเทศแถบนี้มันมีแต่ทะเลทรายว่ะ ไม่ใช่ละ(ทำงาน) เข้าโหมดทำงาน เราจะไม่กล่าวถึง เราจะกล่าวถึง Tea Break คือ เบรคบ่อยมาก ๆ ประชุมอยู่ก็ยังจะ Tea Break อีก ฮ่า ๆ มีขนมทำเองจากพี่บ้านของพนักงานคนหนึ่งมาให้ทานด้วย รสชาดโอเค ใบไม้ที่หุ้ม ๆ น่าจะใบหม่อน เราก็ไม่ได้ถาม กินอย่างเดียว ฮ่า ๆ เบรคครึ่งเช้าจบ ต่อด้วยอาหารเที่ยง คือ เขาคิดว่า เราเป็นนักมวยปล้ำแน่เลย จัดชุดใหญ่ให้มาเลยพร้อมเบียร์ แอลกอฮอล์ 0 % แต่เอาจริง ได้กลิ่นก็เมาอยู่นะ (จบช่วงเวลางานละ)วันแรกของอาหารเย็นวันนี้ คือ มาอิหร่านทั้งที จะพลาดได้ไงต้นตำรับเคบับ ไม่กินเคบับ เดี๋ยวหาว่ามาไม่ถึง ฮ่า ๆ จัดเลยจ้า เคบับเนื้อวัว 1 อัน ( หนึ่งอันอิหร่านนะคะ อันเท่าหัว โอ้ว พระเจ้าช่วยกล้วยทอด กินไม่หมด)พอ ๆ เลิก เดินชมเมืองคะ รอบโรงแรมชิว ๆ อากาศดีพอสมควร ช่วงเดือนกรกฎาคมอาหารย่อย กลับโรงแรม นอน! เช้าว่ากันอีกทีDay 3เหมือนเดิม ตื่นเช้า อาบน้ำ ทานข้าว เตรียมตัวไปทำงานค่ะแต่ ๆ วันนี้ไม่เหมือนทุกวัน วันนี้มีคนพิเศษมารับ ฮ่า ๆ ผู้จัดการฝ่ายวิศวกรรมของบริษัทมารับ สืบเนื่องจากรถแท็กซี่คุณลุงคนนั้น พังค่ะ (ลุงอยู่กับเราตั้งแต่วันแรกยันวันสุดท้ายที่ไปส่งสนามบินเลยนะคะ แกสัมปทานคณะเราทั้งทริปเลยค่ะ) กลับมาต่อคะ ก็คุยกันตั้งแต่ออกจากโรงแรมยันโรงงานเรื่องที่คุย ก็คุยเรื่องเกาหลีใต้บ้าง เรื่องไทยบ้าง และที่ขาดไม่เลย คือ เขาอยากมาพัทยาบ้านเรามากๆ ค่ะ แต่ภรรยาเขา ไม่ให้มา ฮ่า ๆ(ทำงาน) Tea Break อาหารกลางวัน (เคบับไก่) และก็ Tea Break วนไป มาถึงตอนเย็น ลูกค้าก็กลัวเราจะเหงากัน เลยอยากจะพาไปเที่ยวในเมืองบ้าง เห็นว่ามีตลาด มีพิพิธภัณฑ์ มัสยิดที่ใหญ่ที่สุดในเมืองนี้ เอา ๆ เปิดหูเปิดตาบ้าง ตั้งแต่เกิดมาก็ไม่เคยมาเลย ประเทศแถบนี้ ไปดูสักหน่อยว่า เขากินอยู่กันอย่างไรรอบชมเมืองถนนหนทางสะอาดสะอ้านดีระดับหนึ่ง ผู้คนพรุกพร่าน คึกคัก จับจ่ายใช้สอยดีพอสมควรระหว่างเดินอยู่นั้นก็เจอคุณลุงท่านหนึ่ง เดินมาทัก ลุง : คนเอเชียเหรอ? เรา : ใช่ค่ะ (คิดในใจ “หน้าแบบนี้เด้อค๊าคุณลุง ถ้าไม่ใช่คนเอเชียก็ไม่รู้จะว่าไงแล้วเด้อ ฮ่า ๆ”)ลุง : มาจากประเทศอะไรกันเรา : ไทยค่ะหัวหน้าเรา : ไทยครับ แต่ผมเป็นคนเกาหลีใต้ ลุง : หน้าตาตื่นเต้น เซอร์ไพรส์มาก แล้วลุง ก็ถามต่อว่า มา Business trip กันเหรอ?เรากับหัวหน้า : ใช่ค่ะ/ครับลุง : ดีใจจังเลย นาน ๆ ที จะเจอต่างชาติมาเมืองนี้ มา ๆ เดี่ยวเลี้ยงไอติม เรา : อีหยังว่ะ แบบนี้ก็ได้เหรอ (เพื่อนชาวอิหร่าน บอกว่า ไม่เป็นไร โอเค กินได้) ลุงเลยขอถ่ายรูปเป็นที่ระลึก เราก็เอาด้วย เลยได้กินไอติมฟรีไป รอบชมตลาดสดริมทางเอาเป็นว่า บ้านเรามีอะไร เขาก็มีเหมือนเราคะ แตงโม เชอรี่ และมีผลไม้พื้นเมืองด้วย จำชื่อไม่ได้ลองชิมดู ออกรสชาดเฝื่อน ๆ (ลูกเขียว ๆ ช้ำ ๆ ทรงสามเหลี่ยม)รอบชมพิพิธภัณฑ์และมัสยิดเสียดายมากค่ะ มาถึง คือ เขาปิดแล้ว เลยได้แค่มุมด้านนอก และหมดโอกาสที่จะเข้าชมมัสยิดที่ใหญ่ที่สุดไป (Seljuk Mosque) และชมพิพิธภัณฑ์ (Chelehel Sotuun Mansion) แต่เราไม่พลาดที่จะเก็บบรรยากาศด้านนอกโดยรอบมาให้ชมกัน แต่เราพอยังจะมีมัสยิดที่เข้าได้อยู่ แต่เราไม่ใช่มุสลิม เราก็เข้าไปดูได้เฉพาะภายนอกนะคะ ถ่ายรูปนิด ๆ หน่อย ๆ ได้ก่อนที่เขาจะประกอบพิธีกรรมรอบชมตลาด ที่นี้เรียกว่า Qazvin Bazaarเข้ามาถึงก็ถ่ายรูปเป็นที่ระลึกกับไกด์จำเป็นของเราสักหน่อย ในตลาดแห่งนี้ หลัก ๆ จะขายพวกผลไม้แห้ง อาหารแห้ง เสื้อผ้า ร้านถ่ายรูป ร้านขายเครื่องหนังพรม ถ้วยชามลายต่าง ๆ เครื่องประดับ ถ้าเปรียบบ้านเรา อารมณ์ตลาดน้ำโบราณ ตลาดน้ำประมาณนั้นค่ะที่นี้ก็มีร้านอาหารเก๋ ๆ นั่งชิว ๆ ได้นะคะ มีน้ำผลไม้ ขนม ชา กาแฟ นั่งจิบ เสวนากันเพลิน ๆ ได้ (ขนมที่นี้จะติดรสหวานมากไปค่ะ ถ้าภาษาอีสาน ก็ ออกอาการ แฮ่ดคอค่ะ ฮ่า ๆ)หลังจากกินบรรยากาศในร้านเสร็จ ก็เดินต่อไป คนที่นี้ ดูรักงานศิลปะนะคะ มีน้องผู้หญิงมานั่งรับวาดภาพด้วย (เหมือนบ้านเราเลยคะ)เดินออกมาตรงทางออก ก็มีชมรูปปั้น เห็นว่า เป็นนักรบสักคนนี้แหละคะ จำไม่ได้ ชมบรรยาศไปค่ะรอบชมผู้คน รถยนต์ รถจักรยานยนต์ ฮ่า ๆเอาจริง ๆ คนคึกคักมาก รถยนต์ที่นี้ เขาก็มียี่ห้อตัวเองนะคะ รถจักรยานยนต์ เหมือนกัน บางยี่ห้อเราไม่รู้จักเลย เครื่องใช้ไฟฟ้าที่นี้ นิยมของเกาหลี ญี่ปุ่น นะคะ เขาบอกว่าใช้ดี ทน แถมมีโรงงาน LG ในเมืองนี้ด้วยหนัง ละคร ซีรีส์ ก็เป็นหนังเกาหลีนะคะ ตอนที่เรามายังมี ซีรีส์เกาหลี “แดจังกึม” ฉายอยู่เลยรอบอาหารเย็นเพื่อนชาวอิหร่าน พาไปทานร้านดังในเมืองนั้น อาหารรสชาดดี เครื่องพริกแกงกลิ่นไม่แรงมาก แถมแป้งยังปิ้งใหม่ ๆ หอม ๆ ด้วยปิดท้ายวันนี้จอดรถบนถนนสายประวัติศาสตร์ เส้นทางสายไหม เสียดายถายตอนกลางคืน ภาพไม่ชัดDay 4(ทำงานทั้งวัน รีบปิดจ๊อบตัวเอง) เหลือของเพื่อนเกาหลี ต่อไปอีกอาทิตย์ค่ะ ตอนเย็นของวันที่ 4 ว่าง ก็เลยตอนเล่นแถว ๆ โรงแรม พาไปดูของกิน รถติดค่ะDay 5แล้วก็ถึงวันที่เราต้องเดินทางกลับ และต้องปล่อยเพื่อนเกาหลีไว้คนเดียว เพราะงานยังไม่เสร็จ เพราะตอนนั้นที่ไทยหยุดเข้าพรรษาพอดี และนายก็ต้องมาไทยด้วย แต่ไม่ต้องเป็นห่วงค่ะ มีทีมจากเกาหลีอีกท่านกำลังจะมาสมทบอีก 2 วันเราออกจากโรงแรมมา มุ่งสู่สนามบิน Imam Khomeini International Airport ใช้เวลาประมาณ 3 ชั่วโมงนิด ๆ บรรยากาศดีคะ รอขึ้นเครื่องสบาย ๆ กลับบ้านเรา สนามบินมีช่องตรวจสัมภาระ 2 ช่องนะคะ คือ ผู้ชาย กับ ผู้หญิง แยกกันพีคมากตรงที่เจ้าหน้าล้วงลับตับแตกมากคะ ตรวจเหมือนเราซุกระเบิดมาQazvin เมืองนี้ โควิดหมดเมื่อไหร่ จะต้องหาค่าเดินทางไปให้ได้คะ เพราะจะไป Evan Lake, Alamut และอีกหลาย ๆ ที่ในประเทศนี้ สำหรับใครที่รักการเดินทาง บอกเลย ไม่ได้ไปอิหร่านคือพลาดมาก (จบการเดินทางและประสบการณ์อันน่าประทับใจของ Qazvin ประเทศอิหร่านไว้แต่เพียงเท่านี้คะ ไว้พบกันใหม่ในครั้งต่อไปค่ะ) ภาพถ่ายทั้งหมดโดยผู้เขียน PaiTookDoi