สวัสดีจร้า วันนี้อยากมาแชร์ประสบการณ์การนั่งเครื่องบินของสายการบิน Swiss เผื่อใครที่กำลังหาข้อมูลหรือลังเลอยู่ว่าจะใช้บริการของสายการบินนี้ดีไหมครั้งนี้ไม่ใช่ครั้งแรกนะคะ แต่เป็นครั้งที่ 2 ที่เราได้ใช้บริการ โดยครั้งแรกของเราจะเป็นไฟล์ทบินกลับจากมิวนิค - สุวรรณภูมิ แต่ครั้งนั้นเป็นการนั่งแบบบินร่วมกับสายการบินหลักที่เราซื้อตั๋ว ครั้งนี้เลยมีโอกาสใช้บริการกับสายการบินนี้เป็นหลักโดยไฟล์ทบินที่แฟนเราซื้อให้นี้ เป็นไฟล์ทของสายการบิน Swiss บินร่วมกับ Lufthansa โดยเปลี่ยนเครื่องที่สนามบินซูริค ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ มีเวลาต่อเครื่อง 55 นาที เตรียมพร้อมเตรียมใจกับเวลาต่อเครื่องเรียบร้อย มาลุ้นกันว่าเวลานี้ต่อเครื่องทันรึเปล่า 555++ ถึงวันเดินทางเราก็นั่งแท็กซี่ไปลงที่สนามบินสุวรรณภูมิ โดยให้พี่แท็กซี่ไปจอดที่ประตู 4 ก่อนเข้า Check in เราก็เช็คที่หน้าจอมอนิเตอร์ก่อนว่าไฟล์ทที่เราบินนั้น อยู่เคาน์เตอร์ไหนและเปิดให้เช็คอินหรือยัง เราเผื่อเวลาไปถึงสนามบินก่อนประมาณ 3 ชั่วโมงนะคะ สาเหตุที่เผื่อก็คือ เราไม่อยากเร่งรีบในการเดินเข้า Gate จนเกินไป อยากมีเวลาเดินดูโน่นนี่นั่น โชคดีที่ไปถึงสนามบิน เคาน์เตอร์ของสายการบินก็เปิดให้ Check in พอดี และเคาน์เตอร์ที่เราจะต้องไปเช็คอินนั้นจะอยู่ที่เคาน์เตอร์ Gเมื่อเช็คอินเรียบร้อยก็เดินเข้าไปด้านในเพื่อผ่าน Security Check และ Immigration ขาออกของไทย โชคดีที่ผู้โดยสารไม่เยอะเลยใช้เวลาในจุดตรงนี้ไม่นานเมื่อเดินมาถึงจุดรูปปั้นกวนเกษียรสมุทร เราก็มองตามป้ายว่า Gate ที่เราจะไปขึ้นเครื่องต้องเดินไปทางไหน ซึ่ง Gate ที่เราจะไปนั้นคือ C1 ระยะเวลาในการเดินก็ค่อยข้างไกลพอสมควรระหว่างที่เดินไป Gate เราก็แวะซื้อของใน Duty Free ของ King Power ก่อน ได้ชาไทยกับขนมถือขึ้นเครื่องไปฝากแฟน ซื้อของเสร็จก็ไปนั่งรอใกล้ๆ ทางลง Gate พอ Gate เปิดให้ผู้โดยสารเข้า เราก็เดินลงไปด้านล่าง จะมีพนักงานเช็ค Boarding Pass ของแต่ละคน เพื่อคัดกรองผู้โดยสารเพื่อแยกประเภทแต่ละ Classนั่งรอสักพักแอร์โฮสเตสและกัปตันก็เดินทางมา โชคดีที่สายการบินนี้มีแอร์ฯ ที่เป็นคนไทยด้วย เวลามีปัญหาอะไรเกี่ยวกับการต่อเครื่องก็สามารถสื่อสารเป็นภาษาไทยได้ไฟล์ทที่เราเดินทางวันนี้มีผู้โดยสารเต็มลำ เนื่องจากมีผู้โดยสารจาก 2 สายการบิน (บินร่วมกัน) เลยทำให้ค่อนข้างแน่น ในระหว่างรอขึ้นเครื่องเลยคึกคักพอสมควร ถึงเวลาขึ้นเครื่องพนักงานก็เรียกขึ้นเครื่องทีละ Groupเราได้ที่นั่งหมายเลข 43K เป็นที่นั่งติดหน้าต่างฝั่งขวา เราชอบนั่งติดหน้าต่างเพราะเวลาเดินทางจะชอบถ่ายรูปบรรยากาศภายนอกตัวเครื่องบิน เวลานอนไม่หลับ ถ้าเดินทางเวลากลางวันเราจะได้มองดูวิวด้านนอกด้วยBoeing 777-300ER ของสายการบิน Swiss ที่นั่งสำหรับ Economy Class สำหรับเราคือนั่งสบายมาก มีพื้นที่เหลือให้ขยับไปมาได้ มีที่วางโทรศัพท์ และแยกที่วางแก้วออกจากที่วางอาหาร นอกจากจอมอนิเตอร์แบบทัชกรีนแล้ว ก็จะมีหูฟัง ช่องเสียบสาย USB และ Wifi บนเครื่อง (มีทั้งแบบฟรีและเสียค่าบริการ) ถึงเวลาเครื่อง take off เครื่องบินก็ค่อยๆ เคลื่อนตัวออก ไฟล์ทนี้ดีเลย์จากไทยนิดหน่อยนะคะบินได้สักพักพนักงานก็เสิร์ฟขนมไว้ให้รองท้องก่อน และตามด้วยอาหารหลักมื้อแรกของไฟล์ทนี้ (ก่อนเสิร์ฟเมนูอาหารทางพนักงานจะแจกเมนูที่จะเสิร์ฟตลอดการเดินทางว่ามีอะไรบ้าง) มาดูอาหารหลักมื้อแรกของเรากันเลยค่ะว่าจะน่าทานหรือเปล่าหลังจากทานเสร็จ ทางพนักงานก็ทยอยเสิร์ฟเมนูอื่นๆ เรื่อยๆ เดี๋ยวเสิร์ฟน้ำ เดี๋ยวเสิร์ฟขนม คือไม่ต้องกลัวว่าจะหิวกันเลยทีเดียวและแล้วสิ่งที่เราคิดไว้ก็มาถึง ไฟล์ทดีเลย์จากไทยทำให้ถึงสนามบินซูริคช้ากว่าเวลาที่กำหนด จากปกติบินถึงที่นั่นเวลา 19:25 น. บนหน้าจอมอนิเตอร์แจ้งว่าถึง 20:14 น. (เวลาท้องถิ่น)โชคดีที่ก่อนเดินทางเราเผื่อใจกับการต่อเครื่องไว้แล้ว ก่อนพนักงานเสิร์ฟอาหารมื้อสุดท้ายก่อนเครื่องลงจอด เราเลยแจ้งพนักงานที่เป็นคนไทยไว้ว่าเราอาจต่อเครื่องไม่ทัน ทางน้องพนักงานก็รับเรื่องไว้และเช็ครายละเอียดให้ สักพักก่อนเสิร์ฟอาหารน้องก็เดินมาบอกรายละเอียดอีกทีว่าต้องทำยังไงต่อ หากต่อเครื่องไม่ทัน แต่ให้เช็คบนหน้าจอมอนิเตอร์ก่อนเครื่องลงจอดก่อน ประมาณ 10 นาที จะมีรายละเอียดขึ้นบนหน้าจอ (เป็นอีก 1 ความประทับใจในการเอาใจใส่ของพนักงานบนสายการบินนี้ เราเคยต่อเครื่องไม่ทันกับสายการบินอื่น ตอนนั้นแจ้งพนักงานไว้แบบนี้เหมือนกัน แต่พนักงานไม่มีการเช็คหรือแจ้งอะไรกลับมา มีแต่พยักหน้าแล้วบอกรับทราบ ปล่อยให้เราไปเดาเอาหน้างานว่าต้องทำยังไง แต่ครั้งนี้โชคดีที่พนักงานยังตามเรื่องให้)หลังจากนั้นพนักงานก็จะเสิร์ฟอาหารมื้อหลักก่อนเครื่องลงจอด อาหารมื้อนี้เป็นผัดวุ้นเส้นใส่ขิงและผักอื่นๆ เสิร์ฟพร้อมกับผลไม้และสลัด ไม่รู้ว่าอาหารอร่อยหรือด้วยความหิว ทานจนเกลี้ยงเลยหลังจากทานมื้อสุดท้ายเสร็จ พนักงานก็จะแจกผ้าเช็ดหน้าอุ่นๆ ให้ผู้โดยสารเช็ดหน้าเช็ดตาก่อนลง และแจกช็อกโกแลตให้ไว้ให้ทานเล่น ก่อนเครื่องลงจอดหน้าจอมอนิเตอร์ก็จะโชว์ไฟล์ทต่างๆ ที่บินร่วมกับสายการบินของ Swiss แต่ละไฟล์ทจะต้องไปขึ้นเครื่องที่ Gate ไหน จุดระทึกมันอยู่ตรงนี้นี่แหละ 555+++ใช่จ๊ะ!! ต่อเครื่องไม่ทัน ตกเครื่องที่สนามบินซูริคไปแบบไม่มีอะไรกั้น ทำไงได้ล่ะ เตรียมตัวเตรียมใจมาเพื่อตกเครื่องมาแล้วนิ พร้อมรับทุกสถานการณ์อยู่แล้วเรา 555+++ก่อนหน้านี้เราเคยเปลี่ยนเครื่องที่ซูริคครั้งนึงแล้วนะคะ เราเลยค่อนข้างมั่นใจว่า 55 นาที สำหรับการเปลี่ยนเครื่องน่าจะไม่พอ ยิ่งไฟล์ทดีเลย์จากไทยแล้วด้วยยิ่งเดาได้ว่ายังไงก็ตกเครื่องแน่ๆ พอออกจากเครื่องเสร็จก็เดินตามป้ายไปจุด Transfer / Transit เพื่อผ่าน Security Check ของสนามบิน จากนั้นก็เดินลงไปขึ้นรถไฟไปยังอีกอาคาร เพื่อผ่าน Immigration ของสนามบิน เสร็จแล้วก็เดินไปขึ้นลิฟท์เพื่อไป Gate : A/Bหลังจากนั้นก็เดินตรงไปตามหา Transfer Desk เพื่อทำการเปลี่ยนตั๋วว่าจะมีไฟล์ทให้เราบินคืนนี้หรือเปล่า ไปรอลุ้นกันต่อในบทความถัดไปนะคะ ว่าเราจะได้ค้างคืนที่ซูริคหรือว่าทางสายการบินจะสามารถหาไฟล์ทบินไปมิวนิคคืนนั้นให้เราได้ส่วนการบริการของสายการบิน Swiss เราก็ประทับใจตั้งแต่บินร่วมกับสายการบินหลักจากมิวนิค - สุวรรณภูมิครั้งแรก บินรอบนี้เลยบอกแฟนว่าจองสายการบินนี้ ถ้ามีโอกาสบินกับสายการบินนี้อีก เราก็ยังคงจะใช้บริการเช่นเดิม ใครที่กำลังลังเลว่าจะใช้บริการกับสายการบินนี้ดีรึเปล่า เราแนะนำเลยจร้าหากเป็นไฟล์ทที่ต้องต่อเครื่อง แนะนำว่าให้เลือกเวลาที่ใช้ต่อเครื่องอย่างน้อย 2 ชั่วโมง จะได้ไม่ต้องรีบจนเกินไป อีกอย่างเวลาต่อเครื่อง Terminal ที่เราไปนั้นจะต้องนั่งรถไฟของสนามบินเพื่อไปยัง Terminal นั้นๆเราเคยต่อเครื่องรอบแรกด้วยเวลา 2 ชม. 50 น. กว่าจะผ่านจุด Immigration ขาออก ซึ่งเราใช้เวลารอคิวอยู่ตรงนี้ค่อนข้างนานพอสมควร (ไฟล์ทบินลงพร้อมกันหลายไฟล์ท) กว่าจะขึ้นรถไฟต่อไปยังอีก Terminal กว่าจะใช้เวลาเดินถึง Gate ก็ต้องเดินแบบรีบๆ เพราะไฟล์ทออกจากมิวนิคดีเลย์ มีเวลานั่งพักไม่นานก็ถึงเวลาขึ้นเครื่องสำหรับบทความนี้เราขอจบการรีวิวไว้เท่านี้ก่อน เดี๋ยวเรามาต่อบทความต่อไปว่าเราจะทำยังไงเมื่อต่อเครื่องไม่ทัน #รีวิวสายการบินSwiss #รีวิวการต่อเครื่องที่สนามบินซูริค #Swissair #รีวิวผู้ใช้บริการสายการบินSwissair #รีวิวนั่งเครื่องบินไปยุโรป เครดิตภาพหน้าปกและรูปภาพ : รีวิวอีหยั๋งดีภาพกราฟฟิก : Canvaเรียบเรียงบทความ : รีวิวอีหยั๋งดีเปิดประสบการณ์ความบันเทิงที่หลากหลายสุดปัง บน App TrueID โหลดเลย ฟรี !