ทริปนี้เดิมจริง ๆ ตั้งใจจะขึ้นไปเที่ยวบนดอยช้าง แต่ระหว่างทางที่ขับรถมาถึงเขตอำเภอแม่สรวยเพื่อนบอกว่า ที่นี่มีวัดสวยงามอลังการงานสร้าง 1 ใน 10 วัดของเชียงรายที่ควรจะแวะเข้าไปชม พวกเราเป็นกลุ่มสายสนใจศาสนสถาน สถาปัตย์ ศิลปกรรมและพุทธศิลป์อยู่แล้ว ก็เลยไม่รอช้า ตัดสินใจปัจจุบันทันด่วนเลี้ยวรถเข้าไปเที่ยวไหว้พระเอาฤกษ์เอาชัยที่วัดแห่งนี้ก่อน ทางไปวัดแสงแก้วโพธิญาณลาดยางอย่างดี มีป้ายบอกทางตลอด ไม่กี่กิโลเมตรจากถนนสาย แม่สรวย-พาน ก็มาถึงวัด ในวัดไม่มีที่จอดรถนะครับ ต้องจอดรถที่ลานจอดรถซึ่งอยู่ด้านขวามือห่างจากตัววัดประมาณ 50 เมตรก่อน จากนั้นก็เดินข้ามถนนไปอีกฝั่งหนึ่ง แล้วก็เดินเข้าวัดต่อได้เลย ภาพแรกที่เห็น คือ “ซุ้มประตูวัด”อยู่บนเนินดินสูงขึ้นไปราว 10 เมตร โอ้โห อลังการงานสร้างจริง ๆ มีรูปปั้นพระบัวเข็ม พระสังกัจจายน์องค์ใหญ่ สิงห์พม่าขนาดเขื่อง 2 ตัวที่ฐานซุ้มประตู ยืนจ้องตาลงมาทำให้ดูน่าเกรงขามมาก ทำให้รู้สึกได้เลยว่า หลังซุ้มประตูเข้าไป ต้องมีอะไรเด็ด ๆ ให้ชมแน่นอน ดูจากแผนผังการสร้างวัดแล้ว วัดนี้แยกพื้นที่เป็น 5 ชั้นเรียงลำดับจากพื้นที่ต่ำไปหายอดเนินเขาด้านบน แต่ละชั้นมีอาคาร รูปปั้นต่าง ๆ งดงามน่าสนใจทั้งนั้น ผมจะพาดูแต่ละชั้น ตามมาเลยนะครับ ชั้นที่ 1 อริยะทวารลานธรรม พื้นที่โซนนี้ วัดจัดให้เป็นจุดต้อนรับ และให้ข้อมูลในการเข้าไปไหว้พระหรือชมสถาปัตยกรรมต่าง ๆ ภายในวัด รวมถึงข้อห้ามและข้อปฏิบัติต่าง ๆ ที่ควรทำเมื่อเข้าไปในเขตวัด ผมว่าเรื่องนี้สำคัญ เพราะเคยเห็นหลายคนไปเที่ยววัดแต่แต่งตัวและแสดงออกไม่ค่อยเคารพสถานที่มากนัก นอกจากนั้น ก็จะมีเครื่องดื่มและของขบเคี้ยวให้เราซื้อกินก่อนขึ้นไปชมแต่ละชั้นของวัดที่เหลือ มุมนี้เหมาะถ่ายรูปเป็นที่ระลึก เพราะมีฉากหลังสวยงาม เห็นอาคารและรูปปั้นต่าง ๆ ชัดเจน มีรูปปั้นขนาดใหญ่ของพระบัวเข็ม พระสังกัจจายน์ และพระพุทธรูปองค์ขนาดกลาง 3 องค์ให้กราบไหว้ เหนือขึ้นไปเป็นซุ้มประตูขนาดใหญ่สีขาวทองตัดกัน ตกแต่งด้วยลายปูนปั้นสดด้วยศิลปะแบบล้านนาอย่างวิจิตรบรรจง ชั้นที่ 2 อริยะพุทธศาสนสถาน เมื่อเดินผ่านซุ้มประตู ซึ่งด้านข้างมีเทวดาและนางฟ้ายืนพนมมือให้การต้อนรับ ก็จะเจอกับไฮไลท์แรก คือ ยักษ์และเทพทั้ง 4 ช่วยกันแบกระฆังให้เราได้เคาะ เพื่อสัญญาณว่ามาถึงแดนบุญถิ่นธรรมแล้ว ผมอยากให้สังเกตรองเท้าที่ยักษ์ 2 ตนใส่ ศิลปินช่างปั้นเอาลูกเล่นยุคสมัยใหม่ มาใช้กับงานปูนปั้นได้อย่างกลมกลืนและน่ารักดี ถัดไปเป็นหอระฆัง อุโบสถและวิหารลายคำ ด้านนอกวิหารประดับด้วยปูนปั้นรูปสัตว์ในป่าหิมพานต์ ยักษ์ นาค เทพ คนธรรพ์ และลวดลายมงคลต่าง ๆ ด้านในประดิษฐานพระแสงแก้วโพธิญาณองค์สีทองอร่ามทรงจักรพรรดิ์ในศิลปะแบบประยุกต์ไตใหญ่-ล้านนา ผนังโดยรอบด้านในวิหาร ปิดทองล่องชาดสีแดงตัดสีทองงดงามน่าศรัทธา ชั้นที่ 3 อริยะดินแดนแห่งศรัทธา เดินมาถึงชั้นนี้ ความรู้สึกเหมือนอยู่ในโลกของจินตนาการเลยครับ เพราะรูปปั้นใหญ่ ๆ ทั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็นพระนารายณ์ประทับนกยูง พระพิฆเนศสีมรกตองค์ใหญ่ เจ้าแม่กวนอิมพันมือ และพระสีวลียืนบนดอกบัวมีพญานาคอยู่โดยรอบทั้ง 4 ทิศ พอไปยืนใกล้ ๆ ทำให้เราดูตัวเล็กไปเลย ชั้นที่ 4 อริยะพุทธสาวกวิหาร มาถึงชั้นเกือบสุดท้ายของวัด จะเป็นลานกว้าง มีรูปหล่อของสุดยอด 3 อริยสงฆ์แห่งล้านนาประดิษฐานอยู่ นั่นคือ ครูบาเจ้าศรีวิชัยอยู่ตรงกลาง ด้านซ้ายมือเป็นครูบาอภิชัยขาวปี และด้านขวามือเป็นครูบาชัยยะวงศาพัฒนา ส่วนวิหารรายด้านซ้ายเป็นที่ประดิษฐานรูปปั้นของพระอริยสงฆ์ไทยจากทั่วประเทศ เยอะที่สุดเป็นพระอริยสงฆ์ของภาคเหนือ วิหารรายด้านขวามือเป็นที่ตั้งรูปเหมือนเจ้าเมืองต่าง ๆ ในอดีตของอาณาจักรล้านนา ชั้นที่ 5 บรมพุทธศาสดาโลกนาถ ชั้นนี้ เป็นที่ประดิษฐานพระพุทธรูปนั่งสมาธิขนาดใหญ่ กำลังอยู่ในระหว่างการก่อสร้าง ณ จุดนี้ สามารถมองเห็นตัววัดได้ทั้งหมด รวมถึงชุมชนโดยรอบแบบพาโนรามา โอกาสต่อไปถ้าได้มาอีกคงจะได้เห็นความสมบูรณ์ของสิ่งก่อสร้างในชั้นที่ 5 นี้อย่างแน่นอน การตัดสินใจแวะเข้ามาชมวัดนี้โดยฉับพลัน นับว่าคุ้มค่ามากแม้จะใช้เวลาเกือบ 2 ชั่วโมงในการเดินชมบริเวณวัดทั้งหมด นั่นเพราะมีอะไรที่น่าสนใจศึกษาและมีมุมสวย ๆ ให้ถ่ายรูปเยอะมาก โดยเฉพาะเรื่องงานปูนปั้นถือว่าเป็นหนึ่งไม่เป็นสองรองที่อื่น ดู ๆ ไปแล้วแนวคิดและการสร้างวัดนี้คล้ายกับวัดเด่นสะหลีศรีเมืองแกนที่เชียงใหม่ และวัดพระธาตุสุโทนมงคลคีรีที่จังหวัดแพร่อยู่เหมือนกัน ในจังหวะชีวิตของการเดินทาง บางอย่างระหว่างทางอาจมีความหมายไม่น้อยกว่าเป้าหมายที่วางไว้ก็ได้ แวะข้างทาง เผื่อมีอะไรให้เรียนรู้ อย่างที่ผมเจอคราวนี้บ้างก็ได้นะครับ สิ่งที่น่าสนใจภายในวัด : ประตู/รูปปั้นในแต่ละชั้น/วิหาร/อุโบสถ/หอระฆัง/ทัศนียภาพ ที่อยู่ : วัดแสงแก้วโพธิญาณ หมู่ 11 บ้านใหม่แสงแก้ว ต.เจดีย์หลวง อ.แม่สรวย จ.เชียงราย เวลาเปิด-ปิด : 08.00-17.00 น. ภาพประกอบทั้งหมดถ่ายโดยผู้เขียน : อนุญาตให้ใช้เพื่อการศึกษาได้ฟรี