เกาะศักดิ์สิทธิ์ที่อยู่กลางเขื่อนเขาแหลม หนึ่งในสถานที่ลึกลับที่จุดหมายไม่ใช่ทางผ่านแบบปกติ สถานที่ ๆ ต้องตั้งใจไปเท่านั้นถึงจะไปได้ สถานที่ ๆ ไม่ใช่จะเข้าไปได้โดยง่ายเพียงขับรถถึง... และเป็นสถานที่ต้องห้ามของอิสตรี หากคุณมาเที่ยวกาญจนบุรี สถานที่ท่องเที่ยวคุณคิดถึงที่ไหนกันบ้าง...สำหรับเราน่าจะเป็นน้ำตก ภูเขา และล่องแพ หรือถ้าขยับไปโซนทองผาภูมิ คงเป็นบ้านอีต่อง เหมืองปิล็อกก็น่าเป็นแลนด์มาร์คสำคัญ หรือถ้าเอื้อนเอ่ยชื่อดินแดนสังขละ สะพอนมอญ อันเรื่องชื่อที่ทอดเชื่อมสายสัมพันธ์ของ 2 ดินแดนคงปรากฏในหัวทันใด แต่เราพบว่ากาญจนบุรียังมีอีกหนึ่งสถานที่ ที่มีตำนานกล่าวขานถึงความลึกลับที่ถูกเล่าฝากกันมาจากรุ่นสู่รุ่น เมื่อเรากำลังจะออกจากน้ำตกจ๊อกกระดิ่นที่สายงามอย่างกับดินแดนสวรรค์ และเรามีเวลามากพอก่อนจะไปเข้าพักต่อที่ทองผาภูมิอีกหนึ่งคืน หัวหน้าทริปก็ยกหูติดต่อเจรจา การเดินทางไปยังที่หมาย ซึ่งสถานที่นั้นจำเป็นต้องเดินทางโดยเรือเท่านั้น ! ความศรัทธาอันแรงกล้า บวกกับราคาที่หารกันแล้วพอรับได้ เรือเหมาลำสำหรับไป 2 หมุดหมาย คือ 1.เกาะศักดิ์สิทธิ์ที่หลักที่จะไป และ 2 เขาคลอรี่ สถานที่ที่ถูกปลดออกจากหมุด MAP GPS จบไปที่ราคา 2 ใบเทา เอาหละพร้อมจะเดินทาง...ไม่สิพร้อมจะลอยน้ำไปกับเราหรือยังถ้าพร้อมแล้ว... จุดเริ่มต้นทางน้ำจึงเริ่มขึ้นที่แพบุญเติน ส่วนตรงที่เราขึ้นเรือเขาเรียกว่าบ้านท่าแพ หรือจุดลงเรือไปแพมาลัย พร้อมกับกัปตันของเราคือ คุณโอ 087 007 4483 (เราไม่ได้ค่านายหน้าใด ๆ หากใครไปฝากบอกว่ามาจากเราเผื่อคราวหน้าเขาลดราคาให้เราบ้าง) เกาะลับ เมื่อสายน้ำและแสงแดดพาเราดื่มด่ำไปกับธรรมชาติ ประมาณ 45 นาที เหมือนได้ชาร์จแบตให้กับชีวิต (แค่นั่งเรือชมวิวก็คุ้มแล้ว) พอถึงจุดจอดเรือต้องเดินเท้าต่อไปอีกหน่อย (ปกติถ้าน้ำน้อยเรือจะจอดไกลกว่านี้ก็ต้องเดินมากกว่าปกติ พอดีเราไปน้ำเยอะเลยไม่ต้องเดินไกลมาก) สถานที่นี่เป็นหมู่บ้านเล็ก ๆ ตั้งอยู่ตำบลปิล็อก ในอ่างเก็บน้ำเขื่อนวชิราลงกรณ สถานที่ที่ปลายทางมีชื่อว่า "เจดีย์พระธาตุโบอ่อง" อยู่ภายในวัดที่มีความเก่าแก่แห่งหนึ่ง เป็นศูนย์กลางรวบรวมจิตใจของหมู่บ้านชาวไทยพุทธ กะเหรี่ยงพุทธ และชาวมอญที่อาศัยอยู่ ณ ที่แห่งนี้ สำหรับการจะเข้าไปกราบนมัสการพระธาตุ ฯ ทางเข้าเป็นสะพานปูน (เดิมเป็นสะพานไม้สังเกตได้จากอารยที่หลงเหลือไว้) ทอดยาวข้ามจากฝั่งแผ่นดินไปยังภูเขาหินปูนขนาดย่อมที่อยู่เป็นเกาะกลางบึงบัวขนาดใหญ่ เจดีย์พระธาตุตั้งอยู่บนยอดเขานั้น ซึ่งหมายความว่าเราจะต้องเดินขึ้นไปบนยอดเขาตามบันไดที่ตั้งชันน้อย ๆ เพื่อขึ้นสู่องค์เจดีย์ทรงมอญสีขาวน่าจะสูงประมาณ 6 เมตร ฐานเป็นแบบจัตุรัส ด้านข้างมีระฆังแขวนอยู่ สันนิษฐานว่าเป็นระฆังที่พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 ได้พระราชทานไว้ให้แขวนคู่กัน บริเวณด้านบนเราสามารถมองเห็นวิวของหมู่บ้าน อ่างเก็บน้ำ และเทือกเขาไกลสุดลูกหูลูกตา นับเป็นวิวที่ควรค่ากับการเดินขึ้นมาจริง ๆ พระธาตุโบอ่อง เป็นสถานที่เคารพนับถือของชาวบ้านมีข้อห้ามว่า สตรีหรือผู้หญิงนั้นห้ามย่างกายเข้าไปยังสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ เพราะมีตำนานเรื่องเล่าว่า ครั้งหนึ่งมีผู้หญิงเดินข้ามสะพานเพื่อขึ้นไปบนยอดเขา ต่อมาปรากฏว่าน้ำในบึงค่อย ๆ เหือดแห้งลง จึงเกิดเป็นความเชื่อของชาวบ้าน "ห้ามผู้หญิงเดินข้ามสะพาน หรือเดินลงไปในบึงเด็ดขาด" หากมีการฝ่าฝืน ผู้นั้นจะประสบกับเคราะห์กรรม และนั่นก็คือเรื่องราวที่สืบทอดและปฏิบัติต่อกันมาอย่างเคร่งครัด เมื่ออิสตรีไม่สามารถย่างเท้าแม้จะก้าวผ่านไปยังเขตศักดิ์สิทธิ์เบื้องหน้านั้นได้ ชาวบ้านจึงสร้างเจดีย์จำลองไว้บริเวณด้านหน้าสะพานทางเข้าให้ให้เคารพสักการะแทน และยังมีความเชื่อเกี่ยวกับเรื่องของพญานาคที่ดูแลองค์พระธาตุอีกด้วย โดยในช่วงวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 4 ชาวบ้าน และนักท่องเที่ยวที่นับถือต่างจะพร้อมใจกันเดินทางมานมัสการเจดีย์พระธาตุโบอ่องเป็นประจำทุกปี นอกจากที่แห่งนี้จะเป็นสถานที่อันศักดิ์สิทธิ์แล้ว ยังถือเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่สำคัญ UNSEEN อีกแห่งหนึ่งของจังหวัดกาญจนบุรีเลยก็ว่าได้ เผื่อใครสนใจธรรมชาติแล้วอยากท่องเที่ยวแนวนี้ลองดูนะครับแล้วคุณจะรักสายน้ำและท้องฟ้า...สวัสดีครับ ภาพ : เสือซ่อนยิ้ม เรื่อง : เสือซ่อนยิ้ม เปิดประสบการณ์ความบันเทิงที่หลากหลายสุดปัง บน App TrueID โหลดเลย ฟรี !