ได้ยินพุทธคุณของหลวงปู่เอี่ยม วัดหนังราชวรวิหารมานาน ครั้งนี้จึงตั้งใจไปสักการะท่าน เมื่อเข้าไปถึงในวัด มีความสงบอย่างมาก บริเวณวัดปลอดโปร่ง ไม่เล็กไป ไม่ใหญ่ไป รู้สึกเดินได้เพลินๆและทั่วถึง การไปวัดควรกราบพระประธานก่อน พระประธานวัดนี้เป็นศิลปะสุโขทัย ประดิษฐานบนฐานชุกชีที่สูงสะดุดตามาก ภายในโบสถ์ มีกระจกในสมัยรัชกาลที่ 5 ติดทุกด้านของผนังโบสถ์ เพื่อเป็นการสะท้อนสิ่งไม่ดีออกไป วัดนี้ได้รับการบูรณะจากรัชกาลที่ 3 และเสด็จแม่ของพระองค์ กรมสมเด็จพระศรีสุลาลัย เราผู้ซึ่งอยากเห็นศิลปะของอยุธยา แล้วยังไม่เคยไปอยุธยา พอรู้ว่าพระปรางค์ที่นี่ศิลปะคล้ายอยุธยา ก็ดีใจที่ได้เห็นในกรุงเทพ ตุ๊กตาจีนในสมัยรัชกาลที่ 3 ตั้งอยู่หน้าพระปรางค์ เป็นการปกป้องพระปรางค์ เปรียบเสมือนท้าวเวสสุวรรณที่คอยคุ้มครองวัดนั่นเอง ถัดมาเป็นวิหารพระพุทธเจ้า 5 พระองค์ ที่ภายในมีชื่อของพระพุทธเจ้า 5 พระองค์ ทำให้กราบพระครั้งเดียว ได้กราบพระพุทธเจ้าถึง 5 พระองค์เลย อีกหนึ่งสิ่งที่รู้สึกประทับใจวัดนี้ คือมีป้ายบอกประวัติความเป็นมาของแต่ละจุดได้เข้าใจและเข้าถึงได้ วิหารหลวงปู่เอี่ยม มีรูปหล่อจำลองของอดีตเจ้าอาวาสทั้ง 4 องค์ 1.หลวงปู่เอี่ยม 2.หลวงปู่ฉัตร 3.หลวงปู่ผล 4.หลวงปู่สุกรี มีผู้คนมาไหว้ขอพรเรื่อยๆ บ้างก็เสี่ยงเซียมซี คาถาบูชาหลวงปู่เอี่ยม คือ คาถามงกุฏพระพุทธเจ้า เป็นบทเดียวกับที่หลวงปู่ถวายให้รัชกาลที่ 5 ก่อนเสด็จไปยุโรป วิธีการขอพรหลวงปู่เอี่ยม ถ้าขอหวยท่าน จะไม่ได้ แต่ถ้าขอเรื่องการงาน ท่านจะช่วย ด้านหน้าวิหารมีรูปหล่อรัชกาลที่ 5 ด้วย มาถึงจุดไฮไลท์แล้ว นั่นคือพิพิธภัณฑ์ของวัดหนังค่ะ ในขณะที่กำลังเขียน ยังรู้สึกตื่นตาตื่นใจไม่หายเลยค่ะ บรรยากาศก็ยังคงสงบเหมือนบริเวณอื่นๆของวัด พิพิธภัณฑ์นี้บอกเล่าความเป็นมาของชุมชนระแวกนี้ ที่เป็นชาวสวนลิ้นจี่ที่อร่อยขึ้นชื่อ ว่าลิ้นจี่บางขุนเทียนอร่อยเป็นเอกลักษณ์ เป็นวิถีชีวิตของชาวสวนระแวก บางขุนเทียน คลองด่าน ที่นี่มี 2 ชั้น ชั้นล่างจะเป็นสิ่งของวิถีชีวิตของชาวสวนระแวกนี้ในสมัยก่อน ให้ความรู้สึกถึงยุคนั้นว่า ใช้ชีวิตอย่างไร มีของโบราณที่คนรุ่นใหม่เกิดไม่ทัน ที่ผ่านการใช้งานมาจากยุคสมัยนั้นจริงๆ ได้เห็นอุปกรณ์เครื่องทุ่นแรงของชาวสวน เช่น เครื่องสูบน้ำที่ใช้มือดึง ข้าวของเครื่องใช้ในบ้าน ในครัว เหมือนได้ย้อนไปในอดีต รู้สึกตื่นตาตื่นใจทุกมุม เพลินทุกมุม เป็นการดำเนินเรื่องราววิถีชีวิต บอกเล่าประวัติผ่านสิ่งของมุมต่างๆ ซึ่งพิพิธภัณฑ์หลังนี้เคยเป็นกุฏิของหลวงปู่เอี่ยม หลวงปู่ฉัตร หลวงปู่ผล อดีตเจ้าอาวาส ไม้ทั้งหลังนี้ ทั้งผนัง บานหน้าต่าง และพื้นไม้สักทอง ล้วนเป็นไม้ตั้งแต่สมัยหลวงปู่เอี่ยมมีชีวิตอยู่ หลวงปู่เอี่ยมมีวิชาเขียนยันต์ ปลุกเสกตะกรุด และสร้างพระเครื่องเพื่อบูรณะวัด 1 ใน พระเครื่องรุ่นที่ดัง คือ พระปิดตา ยันต์ยุ่ง ที่หมายถึง ปิดทุกรูทวาร กันสิ่งไม่ดีเข้าร่างกาย ขึ้นมาชั้น 2 เจอกับป้ายวัดดั้งเดิม ตอนนั้นยังใช้คำว่า จังหวัดธนบุรี ด้านข้างซ้ายขวาของป้ายวัด มีช่อฟ้าและหางหงส์ดั้งเดิมวางประดับอยู่ ทำจากไม้สัก ซึ่งปัจจุบันทุกวัดเปลี่ยนเป็นปูนแล้ว เดินต่อเข้ามา มีสมุดข่อยของหลวงปู่ผล ที่บันทึกตำรายารักษาโรคต่างๆ ทั้งมะเร็ง เริม งูสวัด ฝี ที่สมัยก่อนชาวบ้านจะมาขอยาจากวัด ไม้เฉลว มี 5 มุม ลักษณะคล้ายดาว ไม้เฉลวนี้ใช้สำหรับปักหม้อยาเพื่อป้องกันสิ่งไม่ดี มีอุปกรณ์บดยา ต้มยาแบบโบราณ ข้าวของเครื่องใช้ของหลวงปู่เอี่ยม และอดีตเจ้าอาวาส ตู้เก็บพระไตรปิฎก มี 2 หลัง 2 แบบ ทั้งแบบจีนและแบบไทย ด้วยศิลปะลายรดน้ำ แต่ละด้านลายแตกต่างกัน แต่ความปราณีตอ่อนช้อยเหมือนกันทุกด้าน เพิ่งรู้ว่าการทำใบลาน ต้องใช้เหล็กแหลมจารเป็นอักษรก่อน แล้วค่อยนำเขม่าขี้เถ้าจากก้นหม้อมาปาดลงที่ใบลาน แล้วใช้ผ้าเช็ดออก ผงขี้เถ้าก็จะลงไปติดที่ตัวอักษรเป็นสีดำเห็นชัด อ่านสะดวกขึ้น หลวงปู่ผลได้ทำยันต์ให้ทหารที่ไปร่วมสงครามอินโดจีน และมีของใช้ทางภาคเหนือที่ลูกศิษย์นำมาถวายในตอนที่หลวงปู่ผลไปธุดงภ์ รูปเก่าที่คนญี่ปุ่นทำให้ และชั้นนี้มีห้องสำคัญอยู่ คือ ห้องนอนหลวงปู่เอี่ยม ภายในมีหุ่นขี้ผึ้งหลวงปู่เอี่ยมที่บรรจุอัฐิและจีวรไว้ที่อกซ้ายของท่าน ภายในห้องมีไม้เท้า ย่าม กระดานชนวนที่หลวงปู่ใช้ และสิ่งของที่รัชกาลที่ 5 ถวายมา ด้วยความที่เป็นกุฏิของอดีตเจ้าอาวาสหลายรูป จึงทำให้มีของเก่าหลายยุคหลายสมัยอยู่ร่วมกัน การมาพิพิธภัณฑ์ครั้งนี้ได้รู้เรื่องราวในยุคนั้นได้ตื่นตาตื่นใจเพลิดเพลินมากๆ ได้รู้ในสิ่งที่ไม่เคยรู้มาก่อนในหลายๆเรื่อง ถ้าใครชอบประวัติของยุคก่อน ให้พิพิธภัณฑ์วัดหนังเป็นอีก 1 ตัวเลือกนะคะ ที่นี่เปิดเสาร์-อาทิตย์ เวลา 09:00-16:00น.ค่ะ ภาพปกและภาพทั้งหมดโดยแสงตะวัน อยากไปเที่ยวไหนหรือเปล่า? หาข้อมูลที่เที่ยวสุดปังได้ที่ App TrueID โหลดเลย ฟรี !