ทุกวันนี้ “อ่างแก้ว” เป็นตำนานคลาสสิกในรั้วมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ไปแล้ว ศิษย์เก่าคนไหนไม่เคยย่างกรายไปเดินเล่น ยืนมองแผ่นน้ำจรดผืนป่าต่อเนื่องกับขุนเขามหึมาและแผ่นฟ้าสุดสายตาเป็นอันไม่มี แม้แต่คนภายนอกหรือนักท่องเที่ยวก็ไม่พลาดที่จะแวะมาที่นี่สักครั้ง เพราะความสวยใสราวกระจกของผืนน้ำในอ่างที่สะท้อนขุนเขาดอยสุเทพนั้น สวยงามเกินบรรยาย สะกดทุกสายตาให้ต้องเก็บภาพเป็นที่ระลึกกันทุกคน กว่า 55 ปีแล้วที่อ่างน้ำแห่งนี้ได้รับใช้ชาวมหาวิทยาลัยและแขกบ้านแขกเมืองนับไม่ถ้วน ด้วยปริมาณน้ำกว่า 400,000 ลูกบาศก์เมตร จาก 2 ลำห้วยสายสำคัญคือ ห้วยแก้ว และ ห้วยกู่ขาว ที่นำน้ำจากยอดเขามาเติมให้ทุกปี กลายเป็นแหล่งชีวิตของสัตว์น้ำ แหล่งท่องเที่ยวของคนทั้งโลก แหล่งพักผ่อนของชาวเชียงใหม่และแหล่งน้ำใช้ของมหาวิทยาลัยมาอย่างยาวนาน มุมเด่นที่มาแล้วต้องไปเชคอินสักครั้ง นั่นคือ ม้านั่งและสนามหญ้าสันอ่าง ที่แทบจะไม่มีมุมว่างให้แทรกตัวเข้าไปนัก เพราะไปทีไรใคร ๆ ก็จับจองกันเต็มไปหมด ถัดมาเป็นทางเดินเลียบอ่างด้านขวามือ มุมนี้จะมีต้นไม่ใหญ่ยื่นกิ่งไปในอ่าง เห็นสันอ่างยาวยื่นไปจรดป่าอีกฝั่งงดงามลงตัว และจุดสุดท้ายได้แก่สะพานไม้ข้ามอ่างน้ำที่ยาวกว่า 100 เมตร มุมถ่ายรูปคู่ที่น่าอิจฉาที่สุด หากได้มาช่วยเช้าหรือช่วงเย็นความสวยงามก็จะคูณ 10 ทั้งสวยทั้งโรแมนติกทั้งคลาสสิกสุดบรรยาย ทุกตำนานที่เกิดขึ้นที่นี่ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเจอเต่าในอ่าง เรื่องแตะผืนน้ำ หรือเกียร์เด็กวิศวะใต้อ่าง ถูกบอกเล่ารุ่นต่อรุ่นมาหลายสิบปี ประมาณว่าจะสุข จะทุกข์หรือจะเหงา อ่าง(แก้ว)เราช่วยได้เสมอ ปัจจุบันสามารถเดินข้ามสะพานไปอีกฝั่งลัดเลาะตามถนนลาดยากใหม่เอี่ยม เดินเล่นไปเรื่อย ๆ ผ่านเรือนรับรองอ่างแก้ว โรงผลิตน้ำประปาจนถึงคณะนิติศาสตร์แล้ววนกลับมาที่สันอ่างแก้วก็ได้ รวมระยะทางรอบอ่างราว 1.5 กิโลเมตร ไปชมอ่างน้ำน้องใหม่วัย 4 ขวบกันต่อครับ ถัดจากอ่างแก้วไปทิศใต้ประมาณ 250 เมตร อ่างเก็บน้ำแห่งใหม่นี้ชื่อว่า “อ่างตาดชมพู” สร้างเมื่อปี 2559 มีความจุประมาณ 100,000 ลูกบาศก์เมตร ใช้พื้นที่ไปกว่า 25 ไร่ เพื่อรับน้ำจากห้วยตาดชมพูที่ไหลผ่านลงมาจากดอยสุเทพ รองรับการผันน้ำจากห้วยแม่ระงอง เป็นแหล่งสำรองน้ำเพิ่มเติมจากอ่างแก้วและแก้ปัญหาขาดแคลนน้ำในช่วงฤดูแล้ง อยู่ติดกับคณะสังคมศาสตร์ คณะนิติศาสตร์ และคณะการสื่อสารมวลชน โดยรอบอ่างมี 2 ช่องจราจร ระยะทางโดยรอบราว 725 เมตร มีไฟส่องสว่างทุก ๆ 10 เมตรรอบอ่าง จากจุดนี้ มองเห็นดอยสุเทพเช่นกันแม้ว่ามุมมองจะแคบกว่า แต่มุมการถ่ายภาพถนนรอบอ่างและฉากหลังที่เป็นตึกคณะนิติศาสตร์ก็ทำให้ภาพออกมาสวยงามอีกมุมหนึ่ง ยิ่งช่วงค่ำ ภาพของดวงไฟและแสงไฟกระทบกับผืนน้ำในอ่างก็ทำให้เกิดความงาม โรแมนติกและสุนทรียะอีกแบบมากขึ้นไปอีก การได้มาเดินเล่น “อ่างแก้ว” ที่เหมือนหนุ่มใหญ่วัย 55 และเดินเลาะเลียบรอบ “อ่างตาดชมพู” ที่เหมือนน้องใหม่รุ่นลูก ทำให้มองเห็นความใส่ใจที่คณะผู้บริหารมหาวิทยาลัยพยายามดำเนินตามนโยบายการพัฒนามหาวิทยาลัยอย่างยั่งยืน เขียวและสะอาด (Green and Clean Sustainability University) โดยนอกจากเพื่อบริการวิชาการงานองค์ความรู้ต่าง ๆ แล้ว ยังยกระดับสู่การเป็นสถานที่ผลิตอากาศบริสุทธิ์ แหล่งท่องเที่ยวพักผ่อนเพื่อลมหายใจของชาวเชียงใหม่อีกด้วย….ช่างอบอุ่นหัวใจจริง ๆ สถานที่ตั้ง : อ่างแก้ว ภายในมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ เข้าจากทางประตูหน้า เจอศาลช้างแล้วเลี้ยวขวา อ.เมือง จ.เชียงใหม่ วัน-เวลาทำการ : เปิดทุกวัน ตั้งแต่เวลา 05.00 – 22.00 น. ข้อควรรู้ : มหาวิทยาลัยมีรถไฟฟ้าอำนวยความสะดวก มีไกด์ให้บริการ ไม่อนุญาตให้นำสัตว์เลี้ยง อาหาร เครื่องดื่มและยานพาหนะทุกชนิดเข้าไปในบริเวณอ่างเก็บน้ำ ภาพประกอบทั้งหมดถ่ายโดยผู้เขียน : อนุญาตให้ใช้เพื่อการศึกษาได้ฟรี