เมื่อไม่นานมานี้เราได้มีโอกาสไปเที่ยวกับการรถไฟในวันหยุด ซึ่งเป็นทริปที่สนุก ราคาประหยัด แถมรถไฟนำเที่ยวยังเป็นอะไรที่สร้างความตื่นตาตื่นใจให้กับเรา นั้นก็คือเจ้า KIHA 183 จากรถไฟรุ่นคลาสสิกของญี่ปุ่นมาเป็นรถไฟขบวนท่องเที่ยวของไทย มาดูกันค่ะว่าความพิเศษของรถไฟขบวนนี้มีอะไรบ้างKIHA 183 เป็นรถไฟจากเกาะฮอกไกโด ประเทศญี่ปุ่นที่ยุติการใช้งานแล้ว หรือเกษียณอายุการใช้งานแล้วนำมาเกิดใหม่ในประเทศไทยอีกครั้ง นำมาให้บริการเป็นขบวนรถท่องเที่ยวโดยเฉพาะ ซึ่งได้นำเข้ามาจำนวน 17ขบวน เมื่อช่วงเดือนธันวาคม 2564 ที่ผ่านมา ตอนนำเข้ามาใหม่ๆ นั้นยังไม่สามารถใช้งานได้ เนื่องจากมีสภาพที่ไม่พร้อมหลายๆ อย่าง ไม่ว่าจะเป็นระบบภายนอก ภายใน ขนาดรางวิ่งที่ต่างกันระหว่างระบบรางรถไฟไทยกับญี่ปุ่น แต่ก็ไม่เกินความสามารถของช่างการรถไฟไทยค่ะ ที่ได้ทำการฟื้นฟู ดัดแปลงและทดสอบสมรรถนะของเจ้าคิฮะเป็นอย่างดี จนสามารถใช้งานได้มาเป็นรถไฟขบวนท่องเที่ยวสไตล์ญี่ปุ่นให้เราได้สัมผัส ต้องบอกว่าเก่งมากๆ เลยล่ะค่ะซึ่งความพิเศษของ KIHA 183 มีดังนี้1.KIHA 183 เป็นรถไฟที่ทางการรถไฟเห็นว่าตอบโจทย์ในการนำมาส่งเสริมการท่องเที่ยวของไทย ไม่ว่าจะเป็นรูปโฉมที่ดูทันสมัย มีความเอื้ออำนวยความสะดวกสบายที่เหมาะกับการท่องเที่ยว จึงถูกนำมาเป็นขบวนรถท่องเที่ยวพิเศษในวันหยุดให้ได้สัมผัสกัน2.KIHA 183 เป็นรถรางดีเซลปรับอากาศที่ขับเคลื่อนได้ด้วยตัวเองโดยไม่ต้องมีหัวรถจักรลากจูง มีห้องขับอยู่ทั้งหัวและท้ายภายในขบวนเดียวกัน ซึ่งจะดูสูงและกว้างกว่ารถไฟของไทยที่เคยใช้บริการในทั่วๆไปค่ะ3.ภายในของ KIHA 183 ขบวนที่เรานั่งมีทั้งหมด 4 คัน ทั้งขบวนก็จะรองรับนักท่องเที่ยวได้ประมาณ 200 กว่าที่นั่ง พื้นที่ค่อนข้างกว้าง นั่งสบาย สามารถปรับหมุนเบาะได้ 360 องศา หรือหันด้านหน้าเข้าหากัน สำหรับถ้าไปเป็นทีมสัก 4 คน ก็นั่งคุยกันสบายเลยค่ะ ถ้าไม่เวียนหัวกับการนั่งย้อนศรทิศทางการเคลื่อนตัวของรถไฟซะก่อน4.ประตูเปิด-ปิดเข้าออกภายในห้องโดยสารเป็นระบบอัตโนมัติ มีพื้นที่สำหรับเก็บของสัมภาระอยู่ด้านบนศีรษะ ส่วนห้องน้ำเป็นระบบปิด มีสัญญาณไฟขึ้นเตือนอัติโนมัติหากมีผู้กำลังใช้อยู่ค่ะสำหรับภายในขบวน KIHA 183 ก็จะมีป้ายสัญลักษณ์ต่างๆ บอกเป็นภาษาญี่ปุ่นและภาษาอังกฤษ ไม่ว่าจะเป็นเลขที่นั่ง ป้ายพื้นที่ห้ามสูบบุหรี่ และที่ทิ้งขยะ เป็นต้นวิธีการจองตั๋วท่องเที่ยว มีช่องทางการสำรองที่นั่ง 4 ช่องทาง ดังนี้1.สามารถติดต่อสอบถามและสำรองที่นั่งได้ที่ช่องจำหน่ายตั๋วหน้าสถานีรถไฟที่อยู่ใกล้ๆ ได้เลยค่ะ ซึ่งสำรองล่วงหน้าได้ไม่เกิน 30 วัน2.ติดต่อช่องทาง Call center 1690 โดยมีเงื่อนไขต้องสำรองล่วงหน้ามากกว่า 5 วัน โดยไม่นับวันเดินทาง ล่วงหน้าได้ไม่เกิน 30 วัน3.สามารถสำรองที่นั่งผ่านระบบออนไลน์ www.dticket.railway.co.th โดยมีเงื่อนไขต้องสำรองล่วงหน้าก่อนรถออกมากกว่า 2 ชั่วโมง และล่วงหน้าได้ไม่เกิน 30 วัน4.สามารถสำรองที่นั่งผ่านแอปพลิเคชั่น SRT D-Ticket โดยมีเงื่อนไขต้องสำรองล่วงหน้าก่อนรถออกมากกว่า 2 ชั่วโมง และล่วงหน้าได้ไม่เกิน 30 วันค่ะจาก 4 ช่องทางดังกล่าว สามารถจองสำรองที่นั่งได้ตามที่เราสะดวกได้เลยค่ะ ซึ่งการจองตั๋วสำรองที่นั่งครั้งแรกของเรา เราได้โทรไปสอบถามกับ Call center 1690 แต่ไม่สามารถล็อกที่นั่งได้ เลยได้ไปทำการจองที่สถานีใกล้ๆ บ้าน โดยเจ้าหน้าจะดูที่นั่งที่ว่างให้สำหรับทริปๆ นั้น หลังจากได้ที่นั่งก็ทำการชำระเงิน เก็บตั๋วไว้ไปรอขึ้นรถไฟในวันดังกล่าวที่สถานีกรุงเทพหรือหัวลำโพงได้เลยและนี่ก็ถือว่าเป็นอีกหนึ่งประสบการณ์ที่ได้สัมผัสรถไฟสไตล์ญี่ปุ่นที่นำเที่ยวในไทย ยิ่งตอนได้อยู่บนรถไฟขณะที่รถวิ่งเรารู้สึกถึงความนิ่งมากๆ แทบไม่มีเสียงรบกวนเลย แถมภายในแอร์เย็นช่ำมากๆ และด้วยความที่เจ้ารถไฟคิฮะดูจะไฮเทคเทคโนโลยีแบบนี้จึงทำให้การท่องเที่ยวของเราสนุกและไม่เหนื่อยมาก ใครที่อยากสัมผัสรถไฟสไตล์ญี่ปุ่น KIHA 183 ต้องลองมาเที่ยวกับการรถไฟดูค่ะ ซึ่งทางการรถไฟนำมาเป็นรถขบวนนำเที่ยวในวันหยุดโดยเฉพาะเลย เราสามารถติดตามโปรแกรมการท่องเที่ยวของการรถไฟได้ที่ เพจทีมพีอาร์การรถไฟแห่งประเทศไทย ยังไงฝากติดตามไปเที่ยวมาเล่าด้วยนะคะบทความที่เกี่ยวข้อง : One Day Trip เที่ยวไทยไปกับรถไฟสไตล์ญี่ปุ่น KIHA183 กรุงเทพ-ฉะเชิงเทรา กับโปรแกรมทำบุญไหว้พระ ปลูกโกงกางที่บางปะกง และชมตลาดเก่าแก่ร้อยปี ประหยัดและคุ้มสุด ๆภาพประกอบบทความจากเพจ : ไปเที่ยว มาเล่า (ภาพของตัวนักเขียนเองค่ะ) และภาพบางส่วนนำมาจากเพจทีมพีอาร์การรถไฟแห่งประเทศไทยข้อมูลเพิ่มเติมเพจไปเที่ยว มาเล่าช่อง Youtube : ไปเที่ยว มาเล่า (Paitiaw malao)บทความอื่นๆ ของไปเที่ยว มาเล่าอยากไปเที่ยวไหนหรือเปล่า? หาข้อมูลที่เที่ยวสุดปังได้ที่ App TrueID โหลดเลย ฟรี !