รีเซต

ฉางอัน อยู่ที่ไหนในเมืองจีน? จุดเริ่มต้นเส้นทางสายไหมสมัยซีอานโบราณ

ฉางอัน อยู่ที่ไหนในเมืองจีน? จุดเริ่มต้นเส้นทางสายไหมสมัยซีอานโบราณ
Muzika
5 ธันวาคม 2568 ( 10:15 )
31

     ฉางอัน (长安) ที่เราจะพูดถึงในวันนี้ไม่ได้เกี่ยวกับยี่ห้อรถแต่อย่างใด แต่เป็นเมืองเมืองหนึ่งในประเทศจีนที่ถ้าลองไปเสิชในแมพดูจะพบว่ามันชี้เป้าไปที่เมืองซีอานแทนซะอย่างนั้น ก็เพราะว่าปัจจุบัน ฉางอันกลายเป็นส่วนหนึ่งของ เมืองซีอาน (Xi’an) ไปแล้วนั่นเอง ถึงจะเป็นเพียงอดีตเมืองหลวง แต่ที่นี่ก็ยังเต็มไปด้วยประวัติศาสตร์น่าทึ่ง และเรื่องราวแรงต่างๆ ที่ทำให้หลายคนรู้สึกเหมือนได้เดินทางย้อนเวลา

ฉางอัน อยู่ที่ไหนในเมืองจีน? จุดเริ่มต้นเส้นทางสายไหมสมัยโบราณ

จุดเริ่มต้น ยุคสมัยแห่งความรุ่งเรือง

     ในอดีต เมืองฉางอันมีความหมายว่า "ความสงบสุขชั่วนิรันดร์" ซึ่งได้รับชื่อนี้ตั้งแต่สมัยราชวงศ์สุย โดยในยุคนั้นเมืองนี้รู้จักกันในนาม "ต้าซิง" แต่เมื่อเข้าสู่สมัยราชวงศ์ถัง จึงมีการเปลี่ยนชื่อให้กลายเป็น "ฉางอัน" นับเป็นโครงการก่อสร้างที่ใช้เวลาประมาณเกือบ 100 ปี ก่อนที่ความอลังการอันน่าทึ่งจะเผยออกมาอย่างเต็มที่ จนแม้เมื่อเทียบกับเมืองซีอานในอดีตแล้ว ฉางอันยังถือว่ามีขนาดใหญ่กว่าไปถึง 10 เท่า จึงไม่แปลกใจเลยที่มันจะได้รับการยกย่องว่าเป็นเมืองระดับนานาชาติอย่างแท้จริง

     ในสมัยโบราณ ฉางอันเป็นเมืองหลวงที่วางผังเมืองอย่างเป็นระบบด้วยตาราง (grid pattern) ซึ่งช่วยให้เมืองเติบโต และบริหารจัดการได้อย่างมีประสิทธิภาพ แนวคิดการวางผังเมืองในตอนนั้นยังมีอิทธิพลต่อการวางผังเมืองหลวงของจีนในยุคต่อๆ ไปอีกด้วย

 

ที่เที่ยวน่าสนใจในซีอาน

 

 

การแลกเปลี่ยนทางวัฒนธรรมและการค้าขาย

     ในยุคราชวงศ์ฮั่น และถัง ฉางอันไม่เพียงแค่เป็นศูนย์กลางการเมือง และเศรษฐกิจเท่านั้น แต่ยังเป็นที่รวมของศิลปะ และวัฒนธรรมที่หลากหลาย ทำให้เมืองแห่งนี้เป็นจุดเริ่มต้นของ เส้นทางสายไหม (Silk Road) ที่เชื่อมโยงตะวันออกกับตะวันตก

     สิ่งที่น่าประทับใจของฉางอัน คือความเปิดกว้างรับวัฒนธรรมจากทั่วทุกมุมโลก ไม่ว่าจะเป็นนักเดินทาง พ่อค้าจากเอเชียกลาง หรือผู้คนจากตะวันออกกลางที่เดินทางมาสู่เมืองนี้ ทุกคนต่างมีส่วนช่วยกันสร้างสีสันให้กับที่นี่ ทำให้เกิดความหลากหลายทางศิลปะ ดนตรี และวิถีชีวิตที่ไม่เหมือนใคร นักกวีและศิลปินในสมัยนั้นได้โอกาสในการปลดปล่อยความคิดสร้างสรรค์ผ่านบทกวี และผลงานศิลปะกันอย่างเต็มที่ ซึ่งยังคงเป็นแรงบันดาลใจให้กับคนรุ่นหลังอยู่จนถึงทุกวันนี้

บทความน่าสนใจ อยากให้ลองอ่านต่อ

====================