คนเรามีเวลาว่างไม่บ่อยนัก การไปเที่ยวบางครั้งจึงกล้ำกึ่งกับการไปทำงาน ครั้งนี้ก็เช่นกัน ถ้าไม่ได้ไปทำงานคงไม่มีโอกาสที่จะไปเดินตลาดแห่งนี้ ตลาดอินเดียที่เก่าแก่ที่สุด ในสมัยพุทธกาลได้กล่าวไว้ เป็นตลาดที่ไม่เคยหลับไหล มีความครึกครื้นอยู่ตลอดหลังจากบ่ายเป็นต้นไป ตอนแรกที่รถจอดแล้วบอกว่าถึงแล้ว พวกเราถึงกับมองหน้ากันว่าที่นี่หรือคือตลาด เพราะดูเงียบ ไม่มีผู้คนเดินผ่านเลยแม้แต่น้อย แต่พอได้คำตอบว่าตรงนี้คือลานจอดรถ ตลาดนั้นต้องเดินเท้าเข้าไปประมาณกิโลถึงจะใช่ แน่นอนว่าการไปอินเดียนั้นเราต้องช่วยเหลือตัวเอง ระวังตัวเอง เพราะอาจจะถูกแขกหลอกได้ ไหวพริบต้องมา คิดเลขต้องเร็ว สักพักพวกเราก็เดินมาถึงหน้าตลาด ตลาดนี้ขึ้นชื่อว่ามีทุกอย่างที่เราอยากได้ และราคาไม่แพงบางอย่างนั้นถูกจนตกใจ นักท่องเที่ยวที่มาเที่ยวไม่ค่อยมีในตลาดนี้มีแต่ชาวบ้านที่ทำมาหากินเพื่อประทังชีวิต พ่อค้าในตลาดนี้ มีแต่พ่อค้าจริงๆ ไม่เห็นร้านไหนที่มีแม่ค้าเลย หญิงเขมรนั้นมีหน้าที่คือแบกหามทำงานบ้าน จะเห็นเพียงหญิงสาวใช้หัวแบกของหนักอยู่บนหัวแบบที่ไม่กลัวว่าสิ่งนั้นจะหล่นหรือตกลงมา จะมีผู้หญิงมาเดินตลาดบ้างแต่มาเพื่อแบกผักหรือข้าวสารกลับบ้าน ทำอาหารรอสามีเลิกงาน ถ้าผู้เขียนเองมาเกิดที่นี่ … ไม่คิดดีกว่า ก้าวแรกที่เดินเข้ามาตลาดตื่นตาตื่นใจกับร้านค้าต่างๆมาก เพราะนอกจากจะมีพื้นที่เล็กแล้ว ภายในร้านยังมีการจัดของที่เป็นระเบียบชวนให้คนซื้อเดินเข้าไปชม ไม่ว่าจะเดินไปไหนเข้าร้านไหนผู้คนก็มองตามติดแบบไม่ละสายตา คงคิดว่าเราทำไมมาเดินตลาดทำไมไม่ทำงานอยู่บ้านละสินะ ชอบร้านขายผลไม้มากไม่ว่าจะเป็นผลไม้ชนิดไหนก็จะจัดวางเรียง หลากหลายรูปแบบ ช่วงนี้เป็นฤดูกาลของส้ม ร้านไหนก็จะโชว์ศิลปะการจัดส้มในรูปแบบที่ตนพอใจ แม้แต่องุ่นยังนำมาเรียงเม็ดอย่างสวย ร้านขายผ้าที่ตัดเสื้อได้ด้วย ผ้าด้านในกองมหึมามาก การจัดคุ้มค่ากับพื้นที่เต็มทุกจุด ด้านหน้ายังคงมีหุ่นโชว์เหมือนที่ไทย แต่ร้านผ้าที่นี่เรายืนเลือกลายที่หน้าร้านได้เลย จากนั้นจะมีพนักงานหยิบมาให้จะลองหรือเลือกเยอะขนาดไหนก็ได้ ไม่มีบ่น แต่เมื่อคุณให้เขารื้อแล้วต้องซื้อไม่อย่างนั้นอาจจะโดนสายตาพิฆาตของพ่อค้า เพราะมีแต่คนตัวใหญ่ๆ ขนมอินเดีย เรียกว่าขนมตำนานได้เลย เพราะเป็นขนมที่มีมาตั้งแต่สมัยพุทธกาล หน้าตาอาจจะเหมือนขนมก้อนขี้ม้าในไทย แต่พอเราลองกัดเข้าไปเท่านั้น ไม่นุ่มเลยแมะก้อนน้ำตาลกันเลยทีเดียว ตอนที่มาเดินหิวเลยจัด ชิมไปก้อนอยากจะคืนเจ้าของมาก ข้าวจะมีหลายเกรด เรารู้มาว่าคนอินเดียนั้นมีความเชื่อในเรื่องของวรรณะ ซึ่งปัจจุบันก็ยังมีการแบ่งอยู่ การซื้อข้าวจะเลือกขายให้ตามวรรณะ 🌾ที่อร่อยหน่อยก็จะเป็นของวรรณะที่รวย ส่วนจันทานจะเป็นข้าวที่เม็ดเล็กและไม่ค่อยขาวมากนัก เมื่อนำไปหุงข้าวราคาไม่แพงจะแข็ง ราคาของข้าวค่อนข้างแพงเพราะเป็นข้าวสาลี เดินมาเจอครั้งแรกนึกว่าบาตรพระ แต่จริงแล้วคืออาหารใส่กับเม็ดถั่วจำนวนมาก เวลาที่ไปซื้อจะมีการนวดเข้ากับเครื่องเทศ กลิ่นหอมเมื่อเดินผ่าน เพราะด้านล่างนั้นจะเป็นเตาไหให้ความร้อน มองดูแล้วท้องไส้ของเราน่าจะไม่รอดจึงได้แต่มอง ขนมและไข่ไก่ขาว หน้าตาจะเหมือนกับขนมไทย ขนมของอินเดียนั้นถ้าหวานคือที่สุด น้ำตาลมีคุณภาพมากใส่แบบจุใจ ร้านนี่สะดุดตาเพราะมีบันไดทางขึ้นด้วย เป็นร้านตัดชุดกางเกงของผู้ชาย ที่รอรับได้ไม่เกินครึ่งชั่วโมง หรือสิบนาที เรียกได้ว่าสั่งด่วนได้เหมือนเราไปล้างรูป ร้านที่มีบันไดขึ้นจะเป็นร้านที่ได้รับความนิยมในกลุ่มของคนที่มีเงิน เพราะช่างตัดจะมีชื่อเสียงระดับช่างของผู้มียศตำแหน่ง ตลาดนี้มีความยาวตลอดแนวสองข้างทางเดินไปเรื่อยๆ ไม่มีจุดสิ้นสุด เมื่อเดินไปแล้วก็จะวนรอบเมืองไปเรื่อยๆ ร้านค้าส่วนใหญ่จะเป็นบ้านคนที่อยู่อาศัยเพราะฉะนั้นจะเปิดได้สบายไม่ค่อยวุ่นวาย แต่ถ้าจะข้ามถนนต้องกะให้ถูกหลบรถให้เก่งหน่อย เป็นปกติของการขับรถที่อินเดีย วัดใจกันใครกล้าก็ไปได้ ไม่กล้าก็ยืนอยู่ตรงนั้นไม่ได้ไปไหน การเดินเที่ยวตลาดในครั้งนี้ สิ่งที่ได้คือผลไม้กลับบ้าน ขนมเลย์ที่ทานได้ อร่อยเลย์รสมะเขือเทศ การเดินตลาดคือการออกมาดูวิถีชีวิตของผู้คนในถิ่นนั้นๆ ตลาดสองที่อาจจะไม่เหมือนกัน ในเรื่องของการขายสินค้า แม่ค้าแต่ละคนก็ไม่เหมือนกัน แม่ค้าบางคนนั้นลดให้เหมือนเราได้ฟรี แต่บางคนไม่สนทนาไม่พาทีด้วย แต่ผู้ชายขายของดูคล่องแคล่วรวดเร็วทุกร้าน เที่ยวทั้งทีเราต้อง เลาะให้เต็มที่เพราะเราอาจไม่มีโอกาสได้มาเที่ยวบ่อยครั้งนัก ครั้งหนึ่งในชีวิตอยากให้ทุกคนมีโอกาสไปเยือนดินแดนสถานที่เกิดของพ่อ (พระสัมมาสัมพุทธเจ้า) สักครั้งเพื่อจะเป็นแรงกำลังใจว่าไม่ว่าเราจะทุกข์ยากขนาดไหน เรายังโชคดีที่ได้เกิดมาบนโลกและมีร่างกายครบ 32 ภาพถ่ายทั่งหมดโดยผู้เขียนเอง (อุ้งเท้าแมว) อยากไปเที่ยวไหนหรือเปล่า? หาข้อมูลที่เที่ยวสุดปังได้ที่ App TrueID โหลดเลย ฟรี !