มีโอกาสได้ไปพักผ่อนชายทะเล ดินแดนยอดนิยมแห่งหนึ่งอย่าง หาดชะอำ จังหวัดเพชรบุรี ซึ่งเป็นสถานที่ที่ตัวผมเองคุ้นเคยดีมาแต่วัยเด็ก และมาค่อนข้างบ่อย เนื่องจากระยะทางที่ไม่ไกลจากตัวกรุงเทพฯมากนั่นเอง เราออกเดินทางตั้งแต่ช่วงกลางดึก และมาถึงดินแดนแผ่นน้ำไร้ขอบเขตนี้ในช่วงเช้าๆ พาใจสดชื่นหลังนั่งหลังขดหลังแข็งมานาน เราใช้เวลาอยู่กับหาดแห่งนี้จนหมดวัน ในจุดๆที่ค่อนข้างสงบ เพราะเลือกบริเวณที่มีคนน้อย ไม่พลุกพล่าน ซึ่งก็คงไม่ต้องเล่าอะไรมาก เดี๋ยวจะออกนอกประเด็นจากหัวเรื่องที่เขียนไว้ไปไกล เอาเป็นว่าขอข้ามเรื่องที่พักและชีวิตในคืนนั้นไปยังใจความสำคัญเลยดีกว่า (เอ้า 1-2-3...) นั่งไทม์แมชชีนมาที่เช้าของวันต่อมา เราบอกลากลิ่นอายทะเล โดยมีจุดมุ่งหมายที่โครงการชั่งหัวมันฯ โครงการตามพระราชดำริโครงการสุดท้ายของล้นเกล้ารัชกาลที่ 9 ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากหาดชะอำนัก โดยขับรถผ่านตัวอำเภอชะอำมาทางถนนสายเลี่ยงเมือง ก่อนตัดเข้าทางหลวงชนบทข้างมหาวิทยาลัยศิลปากร วิทยาเขตเพชรบุรี ซึ่งไม่แน่ใจว่าเป็นเส้นทางที่ใกล้ที่สุดหรือไม่ แต่ตัดสินใจเลือกเนื่องจากคุ้นเคยดีกับเส้นทางนี้ ผ่านเส้นทางที่คุ้นเคยมาสู่จุดที่แปลกตา เราก็ถึงคราวต้องพึ่งจีพีเอส ซึ่งก็พาลัดเลาะจากถนนลาดยางไปยังถนนที่โรยด้วยอิฐผ่านไร่ของชาวบ้าน ทั้งไร่อ้อย ไร่มัน ยางพารา ฯลฯ เนื่องจากเป็นทางลัด แต่ก็ไม่ได้ลำบากอะไรนัก และไม่ต้องกลัวหลง จนมาสู่ถนนลาดยางอีกครั้งยาวไปจนถึงโครงการฯ ใช้เวลาการเดินทางราว ๆ 1 ชั่วโมง เรามาถึงในเวลาราว ๆ 10 โมงเช้า แดดกำลังดีเลยทีเดียว มีนักท่องเที่ยวหลายกลุ่มที่ให้ความสนใจมาเที่ยวชมเช่นเดียวกับเรา ที่จอดรถหาไม่ยากนัก คือเลียบหลบข้างถนนเลย โดยมีพี่เจ้าหน้าที่ทหารคอยอำนวยความสะดวกด้านการจราจร อันที่จริงข้อมูลที่เรารับรู้มาก่อนหน้านี้คือต้องเสียค่าเข้าชม แบ่งเป็น ผู้ใหญ่ 20 บาท และเด็ก 10 บาท แต่ครั้งนี้ไม่เสียใดๆ ฟรีทุกอย่าง ซึ่งเราก็ลืมถามไถ่เหตุผล มาถึงทุกคนในทริปก็ออกอาการเห่อ ต้องชักภาพไว้เป็นที่ระลึกเสียหน่อย ทั้งจุดต่างๆทางด้านล่าง ก่อนจะเดินขึ้นมาบนอ่างเก็บน้ำทางด้านซ้าย สูดอากาศบริสุทธิ์แบบป่าๆ จะมาแค่ถ่ายรูปก็กระไรอยู่ ต้องเยี่ยมชมโครงการให้ทั่วเสียหน่อย แต่ถ้วยพื้นที่ที่กว้างขวางพอสมควร ถึง 250 ไร่ การจะเดินไปเที่ยวชมเกรงกว่าจะหมดวันเอาเสีย ดังนั้นเราต้องถึงพารถนำเที่ยวของทางโครงการ ซึ่งแน่นอนอีกว่า นั่งได้ฟรีครับ แต่การจะนั่งรถนำเที่ยวนั้น ต้องไปลงทะเบียนก่อนนะครับ ณ จุดลงทะเบียนบริเวณตัวโครงการ เพียงแจ้งชื่อตัวแทนสักคนหนึ่งและระบุว่ามากี่คนเท่านั้น แต่อย่าเพิ่งใจร้อน เมื่อถึงคิวก็ยังไม่ใช่ว่าจะขึ้นรถได้เลยนะ ผู้ที่จะขึ้นรถนี้ต้องมาฟังการบรรยายชมวิดีทัศน์ที่มาที่ไปของโครงการนี้เสียก่อน เรียกว่าเป็นการทำความรู้จักก่อนจะไปสัมผัสสิ่งที่อยู่เบื้องหน้า ซึ่งใช้เวลาไม่นาน ราวๆ 10-15 นาทีเอง สารถีขับรถซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ของโครงการ ขับรถพาเราไปตามเส้นทางลาดยางทั่วโครงการ พร้อมบรรยายถึงสิ่งต่างๆในโครงการแบบไม่ขาดตกบกพร่อง ทั้งโครงการโคนม ข้าว ยางพารา ยางนา มะนาว และอีกมากมาย รวมถึงเจ้ามันเทศต้นกำเนิดโครงการ โครงการชั่งหัวมันตามพระราชดำริ ตั้งอยู่ที่ หมู่ 5 บ้านหนองคอไก่ ตำบลเขากระปุก อำเภอท่ายาง จังหวัดเพชรบุรี ซึ่งเป็นบริเวณรอยต่อกับอำเภอชะอำ ชื่อโครงการนั้นเกิดจากรัชกาลที่ 9 ท่านได้รับการถวายหัวมันเทศมาจากชาวบ้าน จึงรับสั่งให้เจ้าพนักงานเอาไปวางเก็บไว้บนตาชั่งในห้องทรงงาน ที่วังไกลกังวล ก่อนจะหลงลืมไป เมื่อมาทอดพระเนตรอีกครั้งทรงพบว่าหัวมันนั้นมียอดใบอ่อนแตกออกมา ทรงมีดำริถึงความน่าทึ่งของหัวมันนี้ ก่อนที่จะใช้ทุนส่วนพระองค์ซื้อที่จากชาวบ้านมาก่อตั้งโครงการฯ เมื่อปี พ.ศ. 2551 เพื่อเป็นแหล่งรวบรวมพืชเศรษฐกิจของจังหวัดเพชรบุรี และเป็นแหล่งเรียนรู้ด้านการเกษตร เนื่องจากพื้นที่นี้ถูกล้อมด้วยภูเขา แต่มีความแห้งแล้ง ทำการเกษตรไม่งอกงาม (ปัจจุบันพื้นที่ติดโครงการด้านหนึ่งเป็นเขตห้ามล่าสัตว์ป่าเขากระปุก-เขาเตาหม้อ) กังหันลมผลิตไฟฟ้าของทางโครงการ ที่ตระหง่านอยู่กลางทุ่งหญ้าสำหรับเลี้ยงวัว แต่ไฟที่ผลิตได้นั้นถูกขายให้แก่การไฟฟ้า ไม่ได้ใช้ในโครงการ ในช่วงปลายเส้นทางของการทัศนา เจ้าหน้าที่พาเราผ่านพระตำหนักของรัชกาลที่ 9 ซึ่งมีรถพระที่นั่งจอดอยู่ บรรยากาศดูสงบร่มรื่น แต่แฝงไปด้วยความเงียบเหงา ใช้เวลาราวๆครึ่งชั่วโมงรถนำเที่ยวก็พาเรามาจอด ณ จุดเดิมที่ออกสตาร์ทในตอนนั้น เราขอบคุณพี่เจ้าหน้าที่สำหรับการขับพาเราเที่ยวชมพร้อมทั้งให้ความรู้ ก่อนก้าวเดินลงมาแยกย้ายคณะใครคณะมัน ก่อนกลับแน่นอนว่าต้องมีของที่ระลึกติดไม้ติดมือกลับไปบ้าง ที่นี่มีพืชผักในโครงการนานาชนิดวางจำหน่าย ซึ่งผมได้ตัดสินใจเลือกซื้อนมโคตรา "ชั่งหัวมัน" กลับมาจำนวน 2 ขวด พร้อมถ่ายรูปในจุดต่างๆอีกเล็กน้อย ก่อนเดินทางกลับอย่างสบายใจ