'อ่างแก้ว' อ่างเก็บน้ำประจำมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ก็เหมือนเป็นอีกหนึ่งจุดเช็คอินของเชียงใหม่ หากใครได้มีโอกาสแวะเวียนมาก็ต้องเข้ามานั่งกินลมชมวิว เก็บภาพไปโพสต์ลงโซเชียลกันบ้าง อาจเป็นเพราะเสน่ห์ของวิวธรรมชาติสีเขียว มองเห็นดอยสุเทพ จึงเป็นสิ่งที่ดึงดูดใครต่อใครเข้ามาที่นี่ แต่สำหรับเด็กมช หลาย ๆ คนแล้ว อ่างแก้ว คงเป็นมากกว่านั้น เคยได้ยินเนื้อเพลง 'หากเธอทุกข์ใจให้ลองเอาเท้าจุ่มน้ำ' ไหมคะ (เพลง จี๊ป วัชราวลี) อ่างแก้วคงจะเหมือนกับเนื้อเพลงท่อนนี้แหละค่ะ หากทุกข์ใจแวะมาพักที่อ่างแก้วนะ ให้ธรรมชาติและท้องฟ้าช่วยปลอบ สำหรับเด็กวัยมหาวิทยาลัยแล้วปัญหาในชีวิตคงจะไม่มีอะไรมากนอกจาก 'ปัญหาหัวใจ' อกหัก ชอบเขาเขาก็ไม่ชอบ คนนั้นไม่ดีคนนี้ไม่เอา ดังนั้น อ่างแก้วเป็นเหมือนกับแลนด์มาร์คที่รู้กันกับเพื่อนเลยว่าหากอกหักหรือเครียดเรื่องต่าง ๆ เมื่อไหร่ กริ๊งกร๊างสายเดียวเจอกันอ่างแก้ว นั่นปรับทุกข์พร้อมดูวิวกันไป เรียกได้ว่าใต้ก้นบ่อน้ำที่อ่างแก้วคงมีหัวใจใครหลายคนจมอยู่แน่นอน เราเองก็เป็นหนึ่งในนั้นเหมือนกัน เคยมีคนบอกว่า ใต้อ่างแก้วมีเกียร์ของวิศวะจมอยู่เยอะมาก รักกันก็ให้เกียร์กันพอเลิกกันดันเอาไปทิ้งในอ่างน้ำ ใครอยากได้เกียร์ของหนุ่ม ๆ มาครองต้องไปงม เรื่องนี้จะเป็นความจริงไหม ใครกล้าลองไปงมดูเลยค่ะ ส่วนเราขอบายไว้ก่อน ไม่ไหวจริง ๆ แต่อ่างแก้วก็ไม่ได้มีแค่ความเศร้าหรอกนะที่เราพาไปพักไว้ที่นั้น ถ้าให้เรียกก็คือ อ่างแก้วเป็นสถานที่รวมทุกความรู้สึก สุข เศร้า เหงา ไปกับเพื่อน ๆ ก็ดี ไปคนเดียวก็บ่อย ยิ่งช่วงเย็น ๆ แดดร่มลมตก เรามักจะพาตัวเองไปนั่งคิดอะไรเรื่อยเปื่อยที่นั่นเป็นประจำ จนบางทีเผลอนั่งติดลมรู้ตัวอีกทีฟ้าก็มืดเอาเสียแล้ว การได้ไปนั่งเล่นดูผู้คนทำกิจกรรมต่าง ๆ มันกลับเป็นสิ่งที่ทำแล้วสบายใจอย่างไม่น่าเชื่อ อย่างที่บอกว่าอ่างแก้วเป็นแหล่งรวมทุกความรู้สึก กับผู้คนก็เช่นกัน ในหนึ่งวันมีผู้คนมากหน้าหลายตาแวะเวียนกันเข้ามา ไม่ว่าจะเป็นนักศึกษามชเอง ศิษย์เก่าที่แวะเข้ามาย้อนความหลัง ครอบครัวที่พากันมานั่งเล่น เด็ก ๆ นั่งคุยกัน หรือบรรดาคู่รักพากันมานั่งสวีท จนทำให้อ่างแก้วกลายเป็นพื้นที่ที่มีแต่พลังบวก ไปเมื่อไหร่ก็ได้ความสบายใจกลับมาทุกครั้ง อ่างแก้วมีความเชื่อตลก ๆ อยู่คู่กับชาวมช มาด้วยนะคะ เช่น หากใครเจอเต่าที่อ่างแก้วจะเปอร์ ก็คือจะเรียนไม่จบภายใน 4 ปี ซึ่งเราก็เคยไปเจอต่ำที่นี่ในตอนปี 1 เหมือนกัน สุดท้ายก็เรียนจบภายใน 4 ปีนะคะ ความพิเศษของที่แห่งนี้คือความร่มรื่น เนื่องจากอ่างน้ำนั้นถูกล้อมรอบด้วยต้นไม้ ถึงแม้จะมีส่วนสันอ่างที่หากไปตอนกลางวันจะไม่มีร่มไม้ให้นั่ง แต่ถ้าทนร้อนเดินต่อไปสักหน่อย ก็จะมีแหล่งให้พักพิงใต้ต้นไม้ด้วยบรรยากาศร่มรื่น เวลาว่างเราก็มักจะไปหรือกระทั่งโดดเรียนไปจับกลุ่มเมาท์กับเพื่อนเลยก็มี เพราะถึงจะดูเหมือนป่าแต่ก็แปลกที่มีไวไฟทุกหย่อมหญ้า ทำเอาใจนักศึกษาขี้เกเรต้องแอบไปหลบทุกทีสิ จนถึงวันนี้ที่เรากลายเป็นศิษย์เก่าไปแล้ว หากถามว่าคิดถึง มช คิดถึงอะไร เราคงไม่ตอบว่าคิดถึงคณะมากที่สุด แต่ต้องขอเลือกคิดถึงอ่างแก้วที่สุด คงไม่มีที่ไหนที่จะได้รับรู้ทุกความรู้สึกของเราเท่าที่นี่แล้วล่ะ ก็เล่นไปเก็บความรู้สึกไว้ที่นั่นเสียเยอะ หรือเรียกง่าย ๆ ว่า Safe Zone ดี ๆ นี่แหละ และสิ่งที่หากย้อนเวลากลับไปได้เราจะทำ ก็คือ การมาเดินอ่างแก้วกับหนุ่ม!! อิจฉาตาร้อนมานานขอควงมาอวดหน่อย แต่น่าจะต้องฝันไปก่อน เพราะมีแต่ไปคนเดียวกับไปกับเพื่อน หากใครได้มีโอกาสแวะเวียนเข้าไปก็ขอให้อ่างแก้วเป็นที่ที่คอยปลอบโยนคุณในทุกปัญหาที่เจอ นั่งคิดทบทวนทุกความรู้สึกและให้ธรรมชาติช่วยนั่งเป็นเพื่อนคุณข้าง ๆ และหวังว่าคุณจะได้รับพลังบวกดี ๆ กลับมาสู้กับมันใหม่ หากมีความรู้สึกดี ๆ ก็อย่าลืมกลับไปแชร์สิ่งเหล่านั้นเก็บไว้ที่นั่นด้วยนะคะ ภาพถ่ายทั้งหมดโดยผู้เขียน