เที่ยวตาก 2 วัน 1 คืน กับ เสน่ห์ 2 ชุมชน ที่ต้องหลงรัก
ช่วงหน้าฝนแบบนี้ หนึ่งในจังหวัดที่คิดถึงและอยากไปเที่ยวเลย คงจะหนีไม่พ้น จังหวัดตาก อย่างแน่นอนค่ะ แต่ความพิเศษของวันนี้คือ เราจะพาทุกคนไปสัมผัสและเยือนถิ่นชุมชนกันค่ะ ที่ ชุมชนบ้านป่าไร่เหนือ อำเภอแม่ระมาด และ กลุ่มฮักนะแม่กาษา อำเภอแม่สอด นอกจากความสวยของธรรมชาติ ป่าเขา ในชุมชนแล้ว ความน่ารักเป็นกันเอง และเสน่ห์ในชุมชนก็มีไม่แพ้กันเลยค่ะ
DAY1
กินเที่ยวอย่าง ชุมชนปะกาเกอญอ ที่ บ้านป่าไร่เหนือ
หลังจากออกเดินทางมุ่งสู่ จังหวัดตาก กว่า 6 ชั่วโมง และแล้วเราก็เข้าสู่ ชุมชนแรกของเราที่ ชุมชนบ้านป่าไร่เหนือ ใน อำเภอแม่ระมาด ต้องเกริ่นก่อนว่าที่นี่เป็นชุมชนของชาวเผ่าปะกาเกอญอ ที่แม้ว่าจะมีความสันโดษนิดๆ แต่ก็กลับมีเสน่ห์ของวัฒนธรรมในแบบดั้งเดิมที่ยังคงอยู่เอาไว้ค่ะ เมื่อเราเดินทางไปถึง ชาวบ้านก็ต้อนรับเราด้วย อาหารพื้นเมืองดั้งเดิม อย่าง แกงรวมพลพณาไพร น้ำพริกผักอีหลึง พร้อมข้าวสวยห่อใบตอง กับไข่เจียวร้อนๆ รับรองว่าเป็นรสชาติที่หาทานที่ไหนไม่ได้อย่างแน่นอนค่ะ
ท้องอิ่ม เตรียมพร้อมเที่ยวชมรอบๆ ชุมชนแล้วค่ะ เรามาเริ่มกันที่กิจกรรมเบาๆ กันก่อนกับ การทำพวงมาลัยของชนเผา ที่เรียกว่า แพกะพรือ จริงๆ แล้วพวงมาลัยนี้จะไว้ให้เป็นของชำร่วยสำหรับเจ้าบ่าวเจ้าสาวในงานแต่งงานค่ะ วิธีการทำจะเรียกว่าง่ายก็ง่าย จะว่ายากก็ยากค่ะ เพราะต้องอาศัยการประณีตนิดหน่อยในการทำให้สวยงามค่ะ
ต่อจากการทำแพกระพรือแล้ว ก็ได้เวลานั่งรถอีแต๊ก ไปทัวร์เที่ยวตามจุดต่างๆ ของชุมชนกันค่ะ โดยจุดแรกที่เราแวะนั่นก็คือ บ้านภูมิปัญญา เป็นจุดที่รวบรวมภูมิปัญญาต่างๆ มีสินค้าจากชุมชนให้เลือกซื้อ เช่น เสื้อผ้าไทย บอกเลยว่าราคาเป็นกันเองและดีไซน์สวยมากๆ ค่ะ
สัมผัสเสน่ห์ แห่ง วิถีชุมชน บ้านป่าไร่เหนือ
แต่ก่อนที่เราจะช้อปปิ้งจนหมดตัวกัน เราต้องเดินเข้าไป ชม ต้นสะดือ ต้นยักษ์กลางป่าที่ต้องเดินสะพานไม้สานกันเข้าไป ผ่านสวนของชาวบ้านไปจนเจอกับต้นไม้ค่ะ ที่นี่เขามีเรื่องเล่าว่า ที่ได้ชื่อต้นสะดือนั้น เพราะเป็นต้นไม้ที่นำรกของเด็กแรกเกิดไปผูกไว้ เพราะมีความเชื่อที่ว่า จะเป็นการสร้างสายสัมพันธ์ระหว่างครอบครัวค่ะ หลังถ่ายรูปกับความงดงามของต้นไม้ยักษ์กันแล้ว ก็ได้เวลาทัวร์ชุมชนกันต่อค่ะ
เรานั่งรถอีแต๊ก ตากลมเย็นๆ ชมวิวทุ่งนาสองข้างทาง และไปหยุดกันที่ ถ้ำซามูไร ในอดีตถ้ำนี้เคยเป็นสถานที่เก็บคลังอาวุธของทหารญี่ปุ่นในยุคสงครามโลกครั้งที่ 2 ค่ะแต่ถ้ำได้ถูกระเบิดปิดปากทางเข้าถ้ำไปแล้ว ทำให้เราไม่สามารถเข้าไปชมด้านในถ้ำได้ค่ะ ว่ากันว่าเคยมีคนพยายามจะเข้าไปในถ้ำเพื่อเอาสมบัติออกมา แต่ก็ต้องมีอันเป็นไปต่างๆ นานา ทำให้ไม่มีใครกล้าที่จะเข้าไปอีกค่ะ
ต่อจากถ้ำซามูไร ก็ถึงเวลาแวะไปไหว้พระกันสักหน่อยค่ะ ที่ วัดภูกา และ วัดตีนธาตุ โดยทั้งสองวัดจะอยู่ติดกัน ด้านในโบสถ์ของวัดภูกา จะประดิษฐานพระพุทธรูปดูแล้วคล้ายกับสไตล์ของพม่า ส่วนวัดตีนธาตุก็จะมี เจดีย์พระธาตุโฆ๊ะเล และมีพระธาตุอยู่ด้านบนเขาที่ต้องขึ้นบันไดไปชมกว่า 247 ขั้นเลยค่ะ
และแล้วเราก็มาถึงอีกไฮไลท์ของ บ้านป่าไร่เหนือ นั่นก็คือ ทิวไผ่งาม หรือ อุโมงค์ไม้ไผ่ ต้องบอกเลยว่าสวยสุดๆ ไม่แพ้ญี่ปุ่นเลย ใครที่ชอบถ่ายรูปกับธรรมชาติอาจจะต้องใช้เวลาอยู่ที่นี่นานอย่างแน่นอนค่ะ แนะนำว่าถ้ามีชุดไทย หรือ ชุดสีสันสดใสนิจัดเต็มมาได้เลยค่ะ เพราะถ่ายออกมาแล้วตัดกับสีไม้ไผ่สวยสุดๆ ไปเลยค่ะ เป็นสถานที่ปิดท้ายชุมชนบ้านป่าไร่เหนือ ได้สมบูรณ์แบบมากๆ เลยค่ะ
พักกาย อาบน้ำแร่ แช่ออนเซ็น ที่ แม่กาษา
จากบ้านป่าไร่เหนือเราก็ออกเดินทางไปต่อกันที่ กลุ่มฮักนะแม่กาษา อำเภอแม่สอด กันต่อค่ะ แต่ก่อนที่จะไปเที่ยวชุมชนนั้น เราก็ได้มาแวะ สถานที่เรียกได้ว่า เป็นสปาชั้นเยี่ยมดีๆ นี่เองค่ะ กับสถานที่ที่เรียกว่า อโรคยาศาลโป่งคำราม หรือ บ่อน้ำแร่โป่งคำราม นั่นเองค่ะ ที่นี่ได้ฉายาว่า ออนเซ็นแห่งแม่กาษา เลยค่ะ
เพราะเป็นสถานที่ท่องเที่ยวสุขภาพ ที่รวมรวมความสบาย ความผ่อนคลายทั้งหมดเอาไว้ในที่เดียว มาเริ่มกันที่ไฮไลท์ของที่นี่ นั่นก็คือ การแช่ออนเซ็น ในถังไม้โอ๊คสไตล์ญี่ปุ่น โดยน้ำร้อนนั้นมาจากน้ำร้อนจากธรรมชาติจริงๆ แบ่งเป็นโซนแยกชายหญิง เรียบร้อยเลย ที่สำคัญไม่เสียค่าใช้จ่ายใดใดค่ะ ใช่ค่ะ ได้ยินไม่ผิด เป็นความพิเศษสำหรับนักท่องเที่ยวไทยเท่านั้นค่ะ ถ้าใครไม่ได้เตรียมชุดมา ก็สามารถเช่าได้จากที่เคาเตอร์เลยค่ะ แต่บริการอื่นๆ จะเสียค่าใช้จ่ายนะคะ
เสร็จจากการแช่ออนเซ็น ก็ต้องไปต่อกันที่ เฮือนอโรคยา ที่จัดเต็มทั้ง นวดไทย สปาขัดผิวต่างๆ และแน่นอนว่าเราจะพลาดได้อย่างไร ได้ลองนวดตัวแบบฤาษีดัดตน บอกเลยว่าสบายตัวค่ะ นี่ถ้ามีเวลามากกว่านี้อาจจะได้ขัดผิวเพื่อความงามกันสักหน่อย นวดไป 70 นาที จ่ายในราคาแค่ 400 บาทเท่านั้นค่ะ
นอกจากที่นี่จะมีบริการเพื่อสุขภาพแล้ว ก็ยังมีสถานที่ถ่ายรูปวิวทุ่งนาสีเขียวชิคๆ อยู่ด้านหลังเช่นกันค่ะ หรือถ้าใครอยากจะนั่งดื่มกาแฟชิลๆ ก็มี อโรคยาศาล คอฟฟี่ ให้นั่งจิบกาแฟไปพร้อมๆ กับนั่งแช่เท้าในน้ำแร่แบบฟินๆ อีกด้วยค่ะ โดยที่นี่จะเปิดให้บริการ 9 โมงเช้า ไปจนถึง 6 โมงเย็นนะคะ บอกเลยค่ะว่า ต้องไปค่ะ ห้ามพลาดเด็ดขาด
ดูรีวิวเต็มๆ ได้ที่นี่เลย
เมื่อได้พักร่างกายเรียบร้อยแล้ว ก็ถึงเวลาเติมอาหารให้ท้องที่หิวโหยเช่นเดียวกันค่ะ เราจะไปทานมื้อเย็นกันที่ ร้านวิวดอย คอฟฟี่โฮม เป็นร้านอาหารหลักร้อย แต่วิวหลักล้านมากๆ มีโซนให้เลือกนั่งเยอะแยะเลยค่ะ ทั้งโซน outdoor ชมวิวธรรมชาติ วิวพระอาทิตย์ตกไปเพลินๆ หรือ โซน indoor นั่งตากแอร์พร้อมดูวิวผ่านกระจกก็ดีไม่น้อยเลยค่ะ ใครที่เป็นสายถ่ายรูป แนะนำว่าให้ถ่ายก่อนพระอาทิตย์นะคะ เพราะแสงจะกำลังดี มองเห็นวิวสวยงาม ได้รูปชิคๆ เพียบอย่างแน่นอนค่ะ
ดูรีวิวร้านเต็มๆ ได้ที่
คืนนี้เราจะมาจบทริปของเรากันที่ บ้านโพธิ์ทองโฮมสเตย์ เป็นโฮมสเตย์แบบแท้ๆ เลยค่ะ นอนรวมกันกางมุ้งกลางบ้านกันเลย อบอุ่นสุดๆ คุณป้าเจ้าของบ้านก็น่ารักสุดๆ ทำให้คืนนี้นอนหลับสบายเลยแหละค่ะ
DAY2
เก๋ไก๋ สไตล์ ฮักนะแม่กาษา
ตื่นเช้ารับวันใหม่ด้วยอาหารพื้นบ้านจากโฮมสเตย์ เมนูเด็ดที่ยกนิ้วให้เลยคือ ออมไก่ ทานคู่กับน้ำพริกและไข่ต้มพร้อมด้วยหน่อไม้ต้ม เป็นมื้อเช้าง่ายๆ แต่อิ่มสุดๆ ไปเลยค่ะ
สำหรับกิจกรรมในเช้านี้ เราจะไปกันที่ ชมรมผู้สูงอายุของฮักนะแม่กาษา ไปชมเหล่าคุณยายทอผ้าสวยๆ กันค่ะ และก็เป็นช่วงเวลาแห่งความสุขในการช้อปปิ้งสินค้าเก๋ๆ จากชุมชนกันค่ะ ที่มีทั้ง เสื้อผ้า ของใช้จักสานต่างๆ ไปจนถึงไม้กวาด แต่ที่นำเสนอเลยคือ กระเป๋าผ้า ที่ราคาถูกมากๆ 100 บาท ต่อใบเท่านั้นค่ะ ใส่ของได้เยอะ สวยเก่ไม่เหมือนใครอย่างแน่นอนค่ะ
หลังจากช้อปปิ้งสินค้าจากชุมชนแล้ว ก็ได้ไปแวะวัดเพียงแห่งเดียวของชุมชน นั่นก็คือ วัดแม่กาษา ภายในวัดจะมีทั้ง วิหารวัด ศาลาการเปรียญไม้สักทอง โดยในโบสถ์ก็จะประดิษฐาน พระพุทธรูปหินอ่อนที่มาจากประเทศเมียนม่าอีกด้วยค่ะ
อย่ารอช้า ไปต่อกันที่ น้ำตกแม่กาษา น้ำตกที่อยู่ใกล้ๆ กับ ร้านวิวดอยที่เราได้ไปทานอาหารกันมาเมื่อเย็น น้ำตกที่นี่เดินทางเข้าไปง่ายมากๆ ค่ะ แถมใสและสวยด้วย สามารถลงเล่นได้แบบไม่อันตรายใดใดเลยค่ะ จริงๆ แล้วมองดูเหมือนสระว่ายน้ำเหมือนกันนะคะเนี่ย แต่ถ้าใครอยากถ่ายรูปสวยๆ แนะนำว่าต้องเดินขึ้นไปบริเวณชั้น 2 ค่ะ ที่จะมีมุมถ่ายรูปเด็ดๆ อยู่ เสียดายที่ไม่มีเวลาเล่นน้ำ ถ้ามีเวลามากกว่านี้ คงจะไม่พลาดอย่างแน่นอนค่ะ และก็ถึงเวลาที่เราจะต้องโบกมือลา ฮักนะแม่กาษา กันอย่างจริงๆ แล้วค่ะ
ก่อนที่เราจะเดินทางกลับกรุงเทพฯ กัน ก็ต้องไปแวะซื้อของฝากกันสักหน่อย กับตลาดชื่อดังของแม่สอด นั่นก็คือ ตลาดดอยมูเซอ ที่พ่อค้าแม่ค้าส่วนใหญ่นั้นจะเป็นชาวไทยภูเขา ส่วนของที่ขายส่วนใหญ่ก็จะมีแต่ของกิน จำพวกผัก ผลไม้ ไม่ว่าจะเป็น อะโวคาโด เมลอน หน่อไม้ องุ่น เป็นต้น ซึ่งราคาก็เป็นกันเองมากๆ ค่ะ เลยได้ผลไม้กลับมากินกันแบบฟินๆ เลยค่ะ
เกือบจะกลับแล้วจริงๆ ค่ะ ที่สุดท้ายที่เราได้แวะไปทานอาหารกัน ก่อนจะนั่งรถกันยาวๆ กลับกรุงเทพฯ ก็คือ ร้านผักรักตะวัน ที่จัดเต็มเมนูผักเยอะแยะมากมายเลยค่ะ รสชาติก็ดีด้วย ที่สำคัญมีขายผักผลไม้ และ ของฝาก ครบเลยค่ะ ถ้าใครที่ได้แวะร้านนี้ อย่าลืมซื้อ แคนตาลูปสีเหลือทอง ติดไม้ติดมือกลับไปกันนะคะ บอกเลยว่าเด็ดค่ะ
เป็นอย่างไรกันบ้างคะ กับ ทริป 2 วัน 1 คืน กับ 2 ชุมชน ที่ จังหวัดตาก แห่งนี้ เป็นมุมที่ใครหลายคน อาจจะไม่ค่อยได้เห็นกันบ่อยๆ ปกติถ้าไปตาก เราก็จะไปเที่ยวธรรมชาติเอามากกว่าจะมาเที่ยวชุมชนแบบนี้ แต่การมาเที่ยวสัมผัสชุมชนแบบนี้ ก็ให้ความรู้สึกไปอีกแบบเลยนะคะ มีความประทับใจที่บอกไม่ถูก เป็นเสน่ห์ที่ต้องลองมาสัมผัสเองถึงจะรู้ว่าดียังไงค่ะ
ขอขอบคุณทริปดีๆ จาก หนุ่มสาวทัวร์ , อพท. , TrueYou
รวมที่เที่ยว ที่พัก อัพเดทเทรนด์ ฟินทั่วไทยและต่างประเทศ
อ่านง่าย สบายกว่าที่เคย! บนแอปพลิเคชัน ทรูไอดี