เมฆขาว คลอขุนเขา เหนือผืนน้ำที่กรุ่นไอ ราบเรียบราวกระจก ที่นั่น ปิติในความสงบ อิ่มเอิบแล่นซ่านทั่วสรรพางค์ ทะเลสาปบันตูร์ เล่าว่า ใต้ผืนน้ำ มียักษ์ตนหนึ่งถูกฝังไว้ให้หลับชั่วนิรันคร์ เจ้ายักษ์ใจดี นาม Kbo Iwo ผู้ชอบช่วยเหลือมนุษย์ ทำผิดเพียงอารมณ์ชั่ววูบ เพราะความหิว ในขวบปีหนึ่ง ที่ข้าวปลาอาหารขาดแคลน ไม่เพียงพอต่อการบริโภคสำหรับผู้คนในหมู่บ้าน เมื่อ Kbo Iwo ขออาหารประทังหิว จึงถูกปฏิเสธเจ้ายักษ์คุ้มคลั่งอาละวาดทุบทำลายวัดและหมู่บ้านจนราบเรียบด้วยอารมณ์โมโหหิว พลันที่สำนึกผิด มันจึงขอลุกะโทษต่อชาวบ้าน แต่ความผิดที่ก่อรุนแรงเกินอภัย ไม่อาจวางใจได้อีก ชาวบ้านจึงออกอุบายให้เจ้ายักษ์ขุดหลุมใหญ่และลึกเพื่อเก็บกักน้ำ ยักษ์ผู้น่าสงสารก็ยินดีทำเพื่อขมาโทษ มันลงมือลุยทำจนเหนื่อยล้า และผลอยหลับที่ก้นหลุม ทันทีที่ชาวบ้านเห็น Kbo Iwo หลับสนิท จึงลงมือทำการตามที่นัดแนะกันไว้ โดยช่วยกันฝังกลบเจ้ายักษ์หลับ ประจวบกับน้ำในหลุมเอ่อทันเติมจนเต็มหลุม กลืนร่างยักษ์ Kbo Iwo ไว้ใต้ทะเลสาปบาตูร์ที่ตัวเองได้ขุดไว้ ตราบนั้นตลอดมา "ภาพถ่ายโดยผู้เขียน" ผมเดินทางจากอูบุด เมืองของนักท่องเที่ยวนานาชาติในเกาะบาหลี เลาะไปตามเส้นทาง Jl. Raya Pujung Kaja(Jl.=ถนน) สู่ทิศตะวันออกเฉียงเหนือ เส้นทางผ่านป่าหลายระดับ ตั้งแต่ปาดิบชิ้นเขตเส้นศูนย์สูตร จนถึงป่าสน3 ใบ ที่เป็นป่าที่สูงเหนือระดับน้ำทะเล เกิน 1,300 เมตรขึ้นไป มีกลุ่มเมฆ ผ่านคลอเคลียแมกไม้ ตลอดเวลา "ภาพถ่ายโดยผู้เขียน" ถึงที่พัก เป็นเวลาค่ำในคืนแรมอันมืดมิด เราไม่เห็นอื่นใด มีเพียงคำบอกเล่า ว่าอยู่ริมทะเลสาปบ่าตูร์ แสงวับแวม ของไฟที่่เปิดส่องสว่างในบ้านเรือนของชาวบ้านริมทะเลสาป กะพริบพราว กระทั่งเช้าตรู่ ผมจึงเห็นภาพตระการของทะลสาปแอ่งภูเขาไฟนาม บาตูร์ ซึ่งอยู่ในอาณาบริเวณที่เรียกว่า คินตามานี(kintamani)ที่ผมแอบเรียกว่า "ฆฤณตมณี" ซึ่งหมายถึงหินสีที่สว่างวาววามเฉกแสงอาทิตย์ เขตปกครอง บ้งลี จังหวัดบาหลี "ภาพถ่ายโดยผู้เขียน" เธอสงบนิ่ง ท่ามกลางไอหมอก และเมฆที่ลอยเรี่ยขุนเขา บางช่วงก็ทอประกายระยิบล้อแสงแดดที่ส่องกระทบ ระลอกน้ำไหวระริกเป็นคลื่นพลิ้ว ตามกระแสลมโชย ผู้คนรอบทะเลสาป บ้างก็เลี้ยงปลานิลในกระชัง บ้างก็ทำไร่ผักนานาชนิด โดยเฉพาะกะหล่ำ ที่มีปุ๋ยชั้นดีจากดินภูเขาไฟคอยหล่อเลี้ยง มีไม่น้อยที่หาปลา่ธรรมชาติในลุ่มน้ำ "ภาพถ่ายโดยผู้เขียน" "ภาพถ่ายโดยผู้เขียน" ทะเลสาปบันตูร์เกิดเมื่อประมาณ 23,000 ปีก่อนคริสตกาล จากการระเบิดครั้งใหญ่ จนเป็นที่ราบในแอ่งภูเขาไฟ และทะเลสาป ที่ลึกราว 8 กิโลเมตร กว้าง 16 กิโลเมคร กลายเป็นที่ราบในแอ่งยกตัวสูงจากระดับน้ำทะเล ให้กำเนิดภูเขาไฟใหม่ที่ยังมีพลังผุดรอบทะเลสาป เรียงรายอีกหลายลูก เกิดธารน้ำอุ่นจากความร้อนใต้ผิวโลก ไหลลงทะเลสาป จึงไม่น่าแปลกใจที่ทะเลสาป บาตูร์ ที่เย็นเยือบชั่วนาตาปี มีน้ำอุ่นในบางพื้นที่ของทะเล "ภาพถ่ายโดยผู้เขียน" "ภาพถ่ายโดยผู้เขียน" บันตูร์ จึงไม่ใช่เพียงทะเลสาปที่เป็นแหล่งอาหารของชาวบาหลี แต่เป็น ความมหัศจรรย์ที่รังสรรค์โดยธรรมชาติ บาร์ตูร์จึงถูกเชื่อว่าเป็นแหล่งพำนักของทวยเทพผู้คอยพิทักษ์มนุษย์ แต่สำหรับชาวโลกผู้รักธรรมชาติ บาตูร์ คือความโอฬารพันลึกที่สร้างพลังปรารถนาให้ผู้คนมาเยือน