วันนี้จะพาทุกคนมาเที่ยวชมวัดที่มีความสวยงามทางธรรมชาติและอนุรักษ์ความเป็นอีสานผสานมนต์ขลังด้านสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ผู้คนนิยมกราบไหว้บูชาในจังหวัดอุบลราชธานีแล้ว ต้องมีชื่อ“วัดตำแย” ขึ้นมาเป็นอันดับต้น ๆ เลยก็ว่าได้ ส่วนตั้งอยู่ที่ บ้านตำแย ตำบลไร่น้อย อำเภอเมืองอุบลราชธานี จังหวัดอุบลราชธานี เป็นวัดที่ตั้งอยู่ใกล้ตัวเมืองอุบลราชธานี ถือเป็นวัดที่มีความศักดิ์สิทธิ์ในเรื่องการกราบไหว้ขอพร จนเป็นที่เหล่าผู้มีจิตใจเลื่อมใสและมีความเชื่อในด้านนี้เป็นมากราบไหว้ขอพรอยู่เป็นประจำไม่ขาดสาย และบรรยากาศภายในวัดที่แสนจะร่มรื่นเต็มไปด้วยต้นไม้สูงใหญ่นานาพันธุ์ ทำให้จิตใจและความรู้สึกของคนที่เข้าไปภายในวัดร่มเย็นตามไปด้วย และผมก็ได้ไปสัมผัสบรรยากาศเช่นนี้มาแล้วถึงครั้งที่ 2 จนอดใจไม่ไหวที่จะมานำเสนอบรรยากาศภายในวัดและประสบการณ์ที่ได้ไปกราบไหว้ขอพรสิ่งสักดิ์สิทธิ์ โดยจะเล่าเรื่องราวผ่านตัวหนังสือให้ทุกคนได้รับฟังกันอย่างเต็มอิ่ม เพราะวัดตำแย ถือเป็นอีกหนึ่งวัดในจังหวัดอุบลราชธานีที่สายทำบุญ กราบไหว้ขอพรไม่ควรพลาดอย่างยิ่ง วัดตำแย เป็นวัดที่มีจุดเด่นที่ทำให้เหล่าผู้มีจิตใจศรัทธาในการขอพรสิ่งสักดิ์สิทธิ์ต่างนิยมเดินทางกันมาเพื่อขอพรคือ ท้าวมหาพรหม และศาลแม่ตะเคียน ถือเป็นสิ่งที่คนเดินทางมาวัดนี้ไม่ควรพลาดที่จะไปกราบไหว้ แต่ไม่เพียงเท่านั้นภายในวัดจะมีลักษณ์ของสภาพแวดล้อมที่คล้ายป่าใหญ่ เพราะแทบไม่มีการตัดไม้เพื่อสร้างสิ่งก่อสร้างใด ๆ ซึ่งเต็มไปด้วยต้นไม้น้อยใหญ่ อุดมสมบูรณ์ ทำให้คล้ายวัดป่า จนผู้ที่เข้าไปรู้สึกเย็นสบาย และยังมีห้องน้ำที่สะอาดไว้คอยให้ญาติโยมที่เดินทางมาได้สามารถใช้งานได้อย่างสะดวก สะอาด และปลอดภัย สำหรับใครที่ตั้งใจว่าจะมาชื่นชมสถาปัตยกรรมหรือสิ่งก็สร้างขนาดใหญ่คงไม่ตอบโจทย์นัก แต่ใครที่ชอบแนว วัดแบบธรรมชาติ มีเรื่องราว อนุรักษ์ความเก่าแก่ทางวัฒนธรรมก็ถือว่าไม่ควรพลาด ศาลสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช จุดแรกหลังจากจอดรถ เราจะเห็นศาลสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชอยู่ด้านหน้าอย่างชัดเจน เป็นที่ตั้งพระบรมรูปของสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช ภายใต้อาคารหลังสีเหลืองสวยงาม ก็เรียกได้ว่าเป็นจุดแรกที่แนะนำให้เข้าไปกราบไหว้ เพราะด้วยในอดีตกาล สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช ท่านทรงมีเมตตาต่อผู้คนในประเทศที่มีหนี้สิน และให้การช่วยเหลือประชาชนมาโดยตลอด ตามความเชื่อหากใครมากราบไหว้ขอพรมัก จะหมดทุกข์ หมดหนี้ และการเงินจะกลับมามั่งมีเช่นเดิม ทางเดินที่เต็มไปด้วยต้นไม้น้อยใหญ่ มาต่อที่ทางเดินเข้าไปหา จุดตั้งของท้าวมหาพรหม และศาลแม่ตะเคียน ที่จะต้องเดินผ่าน ต้นไม้ต่าง ๆ น้อยใหญ่ ที่ร่มเย็นเขียวขจีและเงียบสงบ พร้อมสองหูที่ได้ยินเสียงสัตว์ป่าตามธรรมชาติที่ส่งเสียง จนรู้สึกเหมือนเข้าสู่ไปสถานที่อันปลอดภัยของสิ่งมีชีวิต พร้อมทั้งชื่นชมความสวยงามของกุฏิไม้โบราณ อันแสดงให้เห็นถึงการรู้จักพอเพียง แม้วัดจะมีความเจริญรุ่งเรืองแล้วก็ตาม ซึ่งเราจะต้องเดินตามเส้นทางไม่ไกลนัก เพียง 300 เมตร ศาลาท้าวมหาพรหม เมื่อเดินเข้ามาจนถึงจุดสุดเส้นทางก็จะเจอ ที่ตั้งของท้าวมหาพรหม ที่เต็มไปด้วยพวกมาลัยสิ่งกราบไหว้เต็มไปหมดทั้ง 4 ทิศ กลิ่นหอมของธูปเทียนลอยมาไม่ขาดสาย จากนั้นเราก็ไปบูชาดอกไม้ธูปเทียนตามกำลังศรัทธา และกราบไหว้ขอพร เสี่ยงเซียมซีก็มี โดยใครจะกราบไหว้ทั้ง 4 ทิศก็ได้หรือกราบไหว้ด้านเดียวก็ได้ เมื่อขอพรเสร็จก็ทำให้เรามีความสุขและสบายใจขึ้นมา อันนี้ก็แล้วแต่ความรู้สึกของบุคคลที่แตกต่างกันออกไป ศาลแม่ตะเคียน จุดสุดท้ายที่สำหรับบุคคลที่มีความเชื่อเกี่ยวกับแม่ตะเคียน ก็จะมากราบไหว้ขอพร บนขอในสิ่งที่ตนปรารถนา ที่ต้นตะเคียนใหญ่แห่งนี้ เมื่อได้ดั่งใจปรารถนาแล้วก็จะมาแก้บนโดยการถวายชุด (เป็นความเชื่อส่วนบุคคล) ซึ่งคนที่มาขอก็ได้สมดั่งใจหมายกันมาเยอะแล้วดูจากชุดไทยที่แขวนไว้ที่ราวแต่ละชุดทำให้คนที่มีความเชื่อด้านนี้แห่กันมาไม่ขาดสายทั้งในจังหวัดและต่างจังหวัดจนเป็นที่พูดกันปากต่อปาก ปัจจุบันทำให้คนนิยมมาขอพรแม่ตะเคียนกันมากขึ้น สำหรับความรู้สึกที่ได้มาวัดนี้คือชอบตรงที่บรรยากาศภายในที่ยังคงอนุรักษ์ธรรมชาติให้คงไว้ ทำให้รู้สึกดีเมื่อเดินทางเข้าไป ภายในสงบไม่มีผู้คนที่มากจนเกินไป มีที่จอดรถและห้องน้ำสะดวกสบาย เรื่องสิ่งสักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายก็แล้วแต่บุคคลแต่เมื่อผมกราบไหว้แล้วทำให้รู้สึกดีขึ้นมาก็ถือว่าดีพอแล้ว ส่วนใครที่มีความเชื่อในด้านนี้คงที่จะพลาดไม่ได้มาก ๆ การเดินทางก็ง่าย ๆ แค่เดินทางมาตามเส้นถนนชยางกูรใกล้บิ๊กซีอุบล แล้วขับตรงมาตามซอยชยางกูร 42 ขับตรงมาก็จะเจอวัดตำแยได้ทันที ส่วนเวลาเปิด – ปิด ก็ตามเวลาวัดปกติคือ เช้าถึงเย็น ไม่มีค่าใช้จ่ายในการเข้าชม สุดท้ายนี้ก็อย่าลืมหากหากเพื่อน ๆ มีโอกาสเดินทางผ่านมาก็อย่าลืมมาแวะกราบไหว้ขอพรที่วัดตำแย อุบลราชธานีกันนะครับ รูปภาพทั้งหมดโดยผู้เขียน