หลังจากที่ได้เที่ยวจังหวัดแกบ ที่ประเทศกัมพูชา ทางโรงแรมก็ได้แนะนำที่ท่องเที่ยวแห่งใหม่ที่อยู่บนภูเขาที่กำปอช เป็นการเดินทางโดยไม่ได้วางแผนอะไรเลย ความคิดครั้งแรกคือจะไปเที่ยวทำไมกันเพราะไม่เห็นจะมีอะไรที่น่าเที่ยว นอกจากบ้านธรรมดา แต่แล้วก็ได้ตัดสินใจ ให้ทางโรงแรมโทรจองกับแท็กซี่ ในราคา 180 ดอลลาร์ ก็ได้นัดกับแท็กซี่ในเวลา 7 โมงเช้าวันถัดมา แล้วเริ่มการออกเดินทางกันเลยค่ะ เมื่อถึงทางเข้าอุทยานแห่งชาติพระมณีวงศ์คนขับรถได้จอดรถและบอกให้ดิฉันซื้อดอกไม้ เพื่อบูชาอนุสาวรีย์เทพีขะเมา ( ขะเมา แปลว่า ดำค่ะ ) ก่อนการขึ้นภูเขาด้วยค่ะ เนื่องด้วยความเร่งรีบดิฉันจึงลืมหยิบโทรศัพท์ไปด้วย เลยไม่ได้ถ่ายรูปมาฝากค่ะ ในการเดินทางจากจังหวัดแกบไปที่ภูโบโกนั้นใช้เวลา 2 ชั่วโมงค่ะ เนื่องจากคนขับมาที่นี้เป็นครั้งแรกไม่ชินกลับเส้นทาง จึงต้องระวังเป็นอย่างมากกับการขับขึ้นภูเขา ที่มีเส้นทางแบบงูเลยค่ะ คดงอ หักศอก ขึ้นเขาลงเขาอีกทั้งในช่วงที่มานั้นเป็นช่วงเช้า มีหมอกหนาปกคลุมถนนไปหมดการมองทางค่อนข้างจะลำบาก อีกทั้งยังต้องระมัดระวังกับรถที่สวนทางมาอยู่ตลอดเวลา ดิฉันต้องคอยบอกคนขับว่า " ชิดขวาไว้พี่ " ตลอดทางเลยค่ะ ความรู้สึกของฉันเหมือนกับการผจญภัยในการเดินทางที่อันตรายมาก หากมาครั้งหน้าจะขอมาในช่วงที่สายแล้วดีกว่าค่ะ ด้วยความสงสัยของดิฉันว่าเรามาทำไมที่อุทยานแห่งนี้คนขับแท็กซี่จึงแนะนำว่าสถานที่แห่งนี้เคยเป็นสถานที่ รบหรือสถานที่สงครามเวียดนามมาก่อน และสิ่งที่ดึงดูดใจให้นักท่องเที่ยวมาที่แห่งนี้ คือการได้มาชมซากปรักหักพังหรือตึกเก่าที่ยังคงเหลือให้เห็นที่มีเอกลักษณ์แบบโบราณ ที่แอบซ่อนเร้นอยู่ในหุบเขา เมื่อขับมาได้สักพักหมอกก็เริ่มจางหายไปทีละนิดจนทำให้ดิฉันได้สัมผัสกับธรรมชาติ หลังจากที่งงอยู่นานก็ได้เข้าใจว่า ที่นี่เหมือนสวรรค์หรือเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ของชาวเขมรจริง ๆ มีบรรยากาศร่มรื่นป่าไม้ที่เขียวขจีอยู่โดยรอบ ( ภาพจากนักเขียน ) สถานที่แห่งแรกคือ โบสถ์คาทอลิก เป็นโบสถ์หินที่เก่าแก่ สร้างจากทหารของชาวฝรั่งเศส ที่ยังคงอยู่อย่างสมบูรณ์และเป็นเอกลักษณ์จากการที่ตะไคร่น้ำเกาะตามกำแพง ดูโดดเด่นและสวยงาม อีกทั้งผู้คนยังสามารถเดินขึ้นไปบนภูเขาที่เป็นโขดหินเพื่อรับชมบรรยากาศแบบ 360 องศามองเห็นได้ทั่ว รับสัมผัสกับบรรยากาศหนาว สามารถถ่ายรูปได้อย่างสวยงาม ณ สถานที่แห่งนี้ด้วยค่ะ หลังจากได้ชมโบสถ์คาทอลิกแล้ว เราก็ได้ไปต่อและขับรถขึ้นเขาไปอีก ก็จะได้เห็นการก่อสร้างของโรงแรมที่คอยอำนวยความสะดวกให้กับนักท่องเที่ยวที่ต้องการมาพักตากอากาศได้ที่นี่ หรือที่นี่อาจจะเป็นสถานที่ท่องเที่ยวแห่งใหม่ในอนาคตก็ได้ อุทยานแห่งชาติพระมณีวงศ์ มีบรรยากาศที่หนาวตลอดปีเหมาะกับการพักผ่อนเป็นอย่างมากค่ะ ( ภาพจากนักเขียน ) สถานที่สอง คือ Sampov Pram Pagoda เป็นวัดที่อยู่บนยอดภูเขาสูง เป็นวัดที่คู่หนุมสาวจะชอบมาถ่ายรูปแต่งงาน เพราะที่นี้มีตำนานการบันทึกความรักของบรรพบุรุษของชาวกัมพูชา ที่มีนามว่าเจ้าชายทองและนางนาศ เป็นวัดที่มีความเก่าแก่สถานที่แห่งหนึ่งและสวยงามท่ามกลางหุบเขาเขียวขจีพร้อมบรรยากาศอันสดชื่น และได้บรรยากาศที่แสนจะโรแมนติกกับหมอกหนาที่ลอยอย่างอิสระขาวเต็มพื้นที่ หากใครต้องการดูพื้นที่สูงชันของภูเขาควรมาช่วงเที่ยงรึบ่ายนะคะจะมองเห็นได้ง่าย ( ภาพจากนักเขียน ) จากนั้นก็ได้ไปกินข้าวริมทางที่สูงขึ้นไปอีกของภูเขา มีร้านอาหารแบบชาวบ้านนั่งชิว ๆ อีกทั้งฝั่งตรงข้ามก็มองเห็นอยู่นิด ๆนั้นคือ ตึกคาสิโนใหญ่ที่พร้อมบริการนักเสี่ยงโชคอยู่ท่ามกลางหมอกหนา หลังจากนั้นเราได้นั่งรถชมไปทั่วภูเขาก็จะพบเจอ บ้าน ดึกเก่า ที่ผ่านสงครามมาอยากหนักก็ยังคงให้พบเห็น จนเป็นที่มาของสถานที่ท่องเที่ยวที่ดูแปลกตาท่ามกลางธรรมชาติ ถึงเวลาได้ขับรถกลับโรงแรมและไปเผชิญกับเส้นทางที่แสนจะอันตรายอีกครั้ง ในการเที่ยวครั้งนี้ดิฉันต้องขอบคุณกับทางโรงแรมที่แนะนำสถานที่สวยงามแห่งนี้ให้ทราบ ที่ความงามยังอยู่ในความทรงจำและดึงดูดให้ดิฉันต้องกลับไปที่นั้นอีกครั้งอย่างแน่นอนค่ะ