สวัสดีปี 2020 ค่าาา ^O^ พบกับโลลิอีกเช่นเคยนะคะ ทุกคนเป็นอย่างไรกันบ้างเอ่ย เข้าปีใหม่แล้วมีแผนจะทำอะไรใหม่ๆ รึยัง~ สาวน้อยผู้ Energentic จนเรียกได้ว่าเป็นไฮเปอร์แบบโลลิมีแผนสำหรับปี 2020 เต็มหัวไปหมดเลยล่ะค่ะ >< ถ้าใครมีแผนที่อยากบอกเล่าก็มาแชร์กันได้เสมอเลยน้าาา สำหรับวันนี้ โลลิจะมาแชร์ประสบการณ์ไปเที่ยวเมืองตรังค่ะ บอกเลยว่า Trip ที่โลลิไปมาสนุกมากจนอยากจะมาแชร์ให้เพื่อนๆ ฟังเพราะเก็บความสนุกเอาไว้คนเดียวไม่ไหว >< และเผื่อใครมีแผนจะไปเที่ยวเมืองตรังก็นำไอเดียของโลลิไปตัดสินใจได้นะคะ ซึ่งทริปนี้ของโลลิมีกิจกรรมเด็ดๆ สามกิจกรรมด้วยกัน ซึ่งก็คือ เที่ยวชมถ้ำเลเขากอบ + รอดถ้ำมังกร ดำน้ำดูปะการัง และ ดำน้ำเข้าถ้ำมรกตค่ะ ว้าววว แค่ฟังก็รู้สึกว่ามันน่าตื่นเต้นแล้วใช่ไหมละคะ ถ้าอย่างนั้น จับมือโลลิไว้ให้แน่นๆ นะคะ โลลิจะพาทุกคนย้อนเวลาไปชมความสนุกแบบที่โลลิได้สัมผัสในวันที่โลลิไปกัน รับรองว่ามันน่าตื่นเต้นสุดๆ ไปเลยล่ะ >< เริ่มด้วยวันแรก โลลิไปนั่งเรือชมบรรยากาศและเข้าสู่ถ้ำเลเขากอบค่ะ อยากบอกว่ามันเป็นอะไรที่สวยงามและมหัศจรรย์มากๆ ก่อนเข้าถ้ำโลลิอยู่บนเรือได้นั่งชมบรรยากาศที่เย็นสบายกำลังพอดี สีเขียวของใบไม้ที่ไล่ระดับอย่างไม่เท่ากันบ่งบอกถึงพันธุ์ไม้ที่หลากหลายทำให้พื้นที่บริเวณนั้นดูมีชีวิตชีวา แสงแดดจากพระอาทิตย์ที่ส่องผ่านใบไม้ลงมาจนเห็นเป็นลำแสง ความสวยงามในเวลานั้นทำให้โลลิอดที่จะเก็บภาพเอาไว้ไม่ได้ กลิ่นของน้ำ และความนุ่มของผิวน้ำที่สัมผัสกับปลายนิ้วทันทีที่โลลิยื่นมือลงไปแตะ ทั้งหมดนั่นมันทำให้โลลิรู้สึกผ่อนคลายมากๆ ความคิดอันว้าวุ่นที่มีอยู่ในหัวได้ละลายไปกับสายน้ำที่เคลื่อนผ่านนิ้วในยามที่เรือเคลื่อนไปข้างหน้า ในรูปที่เห็นนี้เป็นทางเข้าสู่ถ้ำเลเขากอบค่ะ ส่วนนี่คือ บรรยากาศขณะที่โลลินั่งเรือเดินทางไปที่ถ้ำเลเขากอบ ใช้เวลาไม่นานนักก็มาถึง และทันทีที่เรื่องล่องมาที่หน้าถ้ำ ก็จะพบกับทางเข้าที่เป็นปากถ้ำที่เล็กและเตี้ยมากๆ ในครั้งแรกที่เห็นโลลิก็แอบสงสัยนะคะว่าเราจะเข้าไปได้ยังไง แต่สุดท้ายก็เข้าไปได้นะคะ แค่ต้องนอนราบนิดหน่อย แต่บอกเลยว่านี่ยังเด็กมากๆ ถ้าเทียบกับตอนลอดถ้ำมังกร เอาเป็นว่า ไว้โลลิจะกล่าวถึงส่วนถ้ำมังกรทีหลังแล้วกันเนอะ^^ นี่ค่ะทางเข้าถ้ำ เตี้ยมากๆ เลย โลลิแอบเสียวเหมือนกันนะคะว่าหัวคนขับเรือจะไปชนเพดานถ้ำรึเปล่า T.T ลุ้นตลอดทุกการเคลื่อนไหวของเขาเลยค่ะ และเมื่อเข้าถ้ำมาได้ เขาก็จะปล่อยให้เราชมกับหินงอกหินย้อยที่อยู่ในถ้ำค่ะ บอกเลยว่าดูสวยงาม เป็นธรรมชาติที่น่าอนุรักษณ์มากๆ แต่ว่าถ้าเราไปชมหินงอกหินย้อยเราห้ามไปจับมันนะคะ เพราะว่าหินงอกหินย้อยนั้นประกอบไปด้วยแคลเซี่ยมคาร์บอเนตที่มีน้ำฝนไหลผ่านลงมาจากเพดานถ้ำ (เกิดเป็นหินย้อย) หรือระเหยขึ้นจากพื้นดิน (เกิดเป็นหินงอก) หินพวกนี้ใช้เวลาเป็นสิบๆ ร้อยๆ ปีเลยกว่าจะโตได้ขนาดนี้ และถ้าหากเราเอามือไปจับมันล่ะก็ น้ำมันจากผิวจะไปเคลือบหินชั้นนอก น้ำที่หยดลงมาจะไม่เกาะกับชั้นเดิม ทำให้หินงอกหินย้อยหยุดการเจริญเติบโตนั่นเองค่ะ ถือเป็นการทำลายธรรมชาติอย่างหนึ่งเลย ภายในถ้ำ ไม่ได้มีแค่รูปทรงแบบเดิมๆ ซ้ำไปซ้ำมานะคะ ยังมีหินอีกหลายรูปร่างที่หน้าตาแปลกๆ ก็มีค่ะ โดยหินพวกนั้นก็จะถูกตั้งชื่อตามรูปทรงของมัน และนอกจากนี้ก็ยังมีการให้ความหมายของชื่อเหล่านั้นด้วย บางหินก็ถือว่ามีความศักดิ์สิทธิ์ สามารถขอพรได้ทั้งเรื่องเรียน การงาน และความรัก เจ้าหน้าที่ที่นำเที่ยวเขาบอกอีกด้วยนะคะว่า มีหลายคนที่ประสบความสำเร็จจนต้องกลับมาไหว้ขอบคุณเลยค่ะ ว้าววว โลลิเลยจัดไปชุดใหญ่ไฟกระพริบ ขอแฟนไปเลยอย่างน้อย 3 คนในปี 2020 นี้!!! (ฮ่าๆ ล้อเล่นนะคะ) เมื่อทำการชมความงดงามของถ้ำและหินงอกหินย้อยเรียบร้อยแล้ว คนนำเที่ยวก็ได้พาเราไปมุดถ้ำมังกรค่ะ ในส่วนนี้อาจจะไม่มีรูป เนื่องจากขณะท่องเที่ยวเขาไม่ให้ถ่ายรูปค่ะ เนื่องจากอาจเกิดอันตรายได้ แต่โลลิจะบรรยายให้ทุกคนฟังเองค่ะ มาเริ่มกันเลย ก่อนจะเข้าสู่ถ้ำมังกร คนนำเที่ยวเขาจะบอกให้เรานอนราบไปกับเรือให้มากที่สุดเท่าที่จะราบได้ เพราะเพดานถ้ำจะต่ำมากๆ และห้ามยกมือหรือขยับตัว ในตอนแรกโลลิก็คิดว่า คงจะไม่มีอะไรน่าห่วง แต่ทันทีที่ได้เข้าไปเท่านั้นแหละค่ะ มันทั้งมืดและแคบ แถมเพดานถ้ำก็ต่ำแบบสุดๆ เลย ชนิดที่ว่าห่างจากใบหน้าเราไม่ถึง 1 เซนติเมตร! หินย้อยแหลมๆ ที่ยื่นลงมาจากเพดานถ้ำ เฉียดหน้าไปทำเอาหัวใจไม่อยู่กับตัว มันเสียวจนบางที่โลลิถึงขั้นต้องหลับตา ใครที่กลัวที่แคบก็อาจจะลำบากหน่อย หรือเป็นโรคหัวใจเขาจะไม่ให้เข้าเลย นอกจากนี้ เขายังมีความเชื่อว่า การรอดถ้ำมังกรก็เหมือนการผ่านอุปสรรคต่างๆ ในชีวิต ที่เมื่อรอดออกไปได้แล้วก็จะได้เจอกับชีวิตใหม่ที่สดใส และความรู้สึกทันทีที่ได้เห็นแสงสว่างเบื้องหน้าหลังจากการเดินทางในถ้ำมังกรอย่างทุลักทุเล (จริงๆ นักท่องเที่ยวแทบไม่ต้องทำอะไรเลย แค่นอนเฉยๆ เท่านั้น คนที่ทุลักทุเลดูจะเป็นคนพายเรือเสียมากกว่า) แสงสว่างที่รอดผ่านปากถ้ำเบื้องหน้ากระทบกับใบหน้าของเรา ทำให้รู้สึกเหมือนโลลิได้เกิดใหม่จริงๆ ค่ะ ^^ - จบทริปที่ 1 - ทริปที่สองของโลลิจะเป็นดำน้ำดูปะการังค่ะ อันนี้ก็เป็นอีกหนึ่งทริปเด็ดที่อยากจะมาแชร์ให้เพื่อนๆ ฟัง ได้รับรู้ถึงความสนุกกัน โดยทะเลที่โลลิไปน้ำดูปะการังจะอยู่ติดกับหาดเกาะกระดานค่ะ ซึ่งเกาะกระดานเป็นเกาะที่นักท่องเที่ยวชาวต่างชาติเยอะมาก เพราะมีทะเลที่สวยและรีสอร์ทที่สะดวกสะบายน่าอยู่ บรรยากาศข้างทางขณะนั่งเรือเดินทางไปดำน้ำก็สวยงามมาก แสงแดดอุ่นๆ (เกือบร้อน) กลิ่นของน้ำทะเล เสียงเครื่องยนต์ขณะเดินเรือทำให้แอบง่วงนอนติดๆ แต่สีเขียวของต้นไม้ ภูเขา สีฟ้าของท้องฟ้าที่สดใส ทำให้รู้สึกถึงความเป็นอิสระ มีชีวิตชีวาและผ่อนคลาย เมื่อมาถึง คนที่นำเที่ยวเขาก็เอาแว่วกันน้ำ ที่ไว้สำหรับหายใจและเสื้อชูชีพให้เราใส่ก่อนจะพาเราไปดำน้ำ อยากจะบอกว่า ปะการังที่ทะเลนี้สวยมากจริงๆ ค่ะ หลากหลายสีหลากหลายรูปทรงดูงามตา ปลาเล็กน้อยใหญ่ที่ว่ายกันอย่างสนุกสนานทำให้ทะเลแห่งนี้ดูมีสีสัน บางตัวนั้นว่ายเข้ามาใกล้โลลิเหมือนไม่มีความกลัวคนเลย แต่เมื่อจะยื่นมือไปจับกลับว่ายหนี แม่นทะเลที่อยู่ตามปะการังแลดูน่ากลัว ไม่อยากจะนึกภาพหากโดนเข็มของมันทิ่มจะเจ็บปวดแค่ไหน แต่ถึงอย่างไรแล้ว สีฟ้าของน้ำทะเลที่มีสีสันของปลาแล้วปะการังปะปนนั้น มันช่างเป็นความสวยงามที่น่าอนุรักษณ์ พูดมาถึงขนาดนี้ทุกคนคงอย่างเห็นแล้วใช่ไหมล่ะคะว่ามันจะสวยงามขนาดไหน ถ้าอย่างนั้นเราไปชมกันเถอะ! จ๊ะเอ๋ นี่คือโลลิกับน้องชายสุดหล่อของโลลิเองค่า อ้อ มีอีกเรื่องหนึ่งที่อยากเตือนเพื่อนๆ ให้ระวังตัวก่อนจะลงน้ำ ถ้าหากเพื่อนๆ ตัดสินใจไปเที่ยวดำน้ำที่นี่ก็อยากให้ใส่เป็นชุดว่ายน้ำแขนยาวขายาวนะคะ เนื่องจากในน้ำมีแตนทะเล (Sea lice) ถ้าหากถูกกัดแล้วล่ะก็จะทำให้ผิวหนังของเพื่อนๆ ขึ้นตุ่มแดงค่ะ เพราะโลลิเองก็โดนเหมือนกัน T^T แต่ไม่ต้องกังวลค่ะ เพราะมันจะหายภายใน 1 อาทิตย์ หลังจากดำน้ำดูปะการัง ชมสัตว์ทะเลอันแสนน่ารักเสร็จ เราก็ขึ้นมานั่งพักกินข้าวที่เกาะกระดานกันค่ะ ที่นี่วิวสวยมาก ชาวต่างชาติเยอะสมคำร่ำลือ โลลินึกว่ามาเที่ยวต่างประเทศซะอีกนะเนี่ย และเกาะนี้ก็มีจุดเด่นตรงที่มีกิ่งไม้ใหญ่พาดผ่านระหว่างชายหาดกับทะเลอยู่ค่ะ ที่ตรงนี้นักท่องเที่ยวนิยมมาถ่ายมากๆ โลลิเองก็มาถ่ายเหมือนกัน ถ่ายออกมาแล้ววิวสวยสุดๆ ไปเลยค่ะ ^^ -จบทริปที่ 2- เอาล่ะ! เข้าสู่ทริปสุดท้ายก่อนจากกันไปค่ะ ทริปนี้เองก็เป็นอีกทริปเด็ดๆ ที่ไม่ควรพลาดเช่นกัน นั่นก็คือการว่ายน้ำเข้าถ้ำมรกตค่ะ สาเหตุที่เราเรียกว่าถ้ำมรกตนั้นก็เพราะว่าน้ำทะเลในถ้ำถ้าหากส่องไฟไปจะเห็นเป็นสีเขียวเรืองแสงเหมือนสีมรกตดูงามตา สาเหตุที่ทำให้เราเห็นน้ำทะเลเป็นสีเขียวมรกตนั้นก็เพราะเกิดจากหลายปัจจัย เชื่อว่าอาจเป็นเพราะมุมตกกระทบของแสง เกิดจากแร่ธาตุบางอย่าง เช่น ทองแดง ที่ผสมกับนำ้ทะเลแล้วเกิดเป็นสีเขียวมรกต หรืออาจเกิดจากองค์ประกอบได้ชีวภาพของน้ำ อย่าง พืช ไลเคน สาหร่าย โดยก่อนเข้าถ้ำ คนนำเที่ยวจะให้เราเกาะกันเป็นแถวตอนเรียงหนึ่ง ภายในถ้ำจะมืดมาก เห็นเพียงสีเขียวเรืองแสงนิดๆ ที่มาจากน้ำทะเล แต่เมื่อว่ายเข้าไปได้ไม่นานก็จะพบกับปากทางออกดังรูปด้านบนเลยค่ะ (ถ้าสังเกตุจะเห็นว่าน้ำทะเลมีความเป็นสีเขียวมรกต) หลังจากที่ออกจากถ้ำมาก็จะพบกับพื้นที่บริเวณเล็กๆ ที่ถูกล้อมรอบไปด้วยภูเขาสูงใหญ่ น้ำทะเลหลังออกจากถ้ำนั้นใสสะอาด มีกลุ่มต้นไม้และพืชที่ไม่รู้จักนานาชนิดที่ล้อมรอบอยู่ดูสีเขียวอุดมสมบูรณ์ ให้ความรู้สึกเหมือนอยู่ในยุค Jurassic อืมมม จะบรรยายด้วยตัวอักษรคงไม่สามารถเห็นภาพได้ดีเท่าที่ควร ดังนั้น เราไปดูความสวยงามจากภาพกันเลยดีกว่า^^ โลลิและครอบครัวได้ถ่ายรูปเก็บบรรยากาศกันที่นี่อยู่สักพัก ได้รูปสวยๆ มาเพียบเลย จากนั้นก็ได้เวลากลับ เรากลับออกทางเดิม ขึ้นเรือ และกลับที่พัก -จบทริป 3- เป็นอันจบทริปค่าาา~ บอกก่อนเลยนะคะว่า ถึงงานนี้จะเหนื่อยเสีย Energy ไปเยอะ แต่ประสบการณ์ถือว่าคุ้มค่ามากๆ เลยค่ะ ได้เห็นความสวยงามของธรรมชาติมากมาย ทำให้ได้รู้ว่าประเทศไทยของเรานั้นมีของดีที่น่าอนุรักษณ์เยอะมากๆ ถ้าหากเพื่อนๆ คนไหนยังไม่มีแพลนสำหรับการไปเที่ยวรอบหน้า โลลิก็ขอฝากบทความไปเที่ยวตรังของโลลิไว้ในอ้อมอกอ้อมใจเพื่อนๆ ทุกคนไปพิจารณาด้วยนะคะ ท้ายที่สุดนี้ อย่าลืมที่จะอนุรักษณ์ธรรมชาติเพื่อคงความสวยงามไปสู่รุ่นลูกรุ่นหลานของเรากันเถอะ! วันนี้โลลิคงต้องขอตัวลาไปเท่านี้ก่อน และพบกันใหม่โอกาสหน้า สวัสดีทุกคนค่าาาา // ไหว้งามๆ รูปภาพโดยนักเขียน บางรูปถ่ายโดยผู้นำเที่ยว By. Loli