บางช่วงเวลาแห่งการเดินทางที่แสนประทับตรึงใจ แม้ล่วงผ่านมาแล้ว แต่บางคราก็ยังคงครุ่นคำนึงถึงอยู่มิรู้วาย ส่วนตัวของฉันนั้น การเดินทางท่องเที่ยวได้เริ่มต้นขึ้นอย่างจริงจังหลังจากเรียนจบ และทำงานไปได้หลายปี จังหวัดเชียงใหม่นั้น เคยไปเยือนครั้งแรกกับทริปท่องเที่ยวประจำบริษัท ความรู้สึกตอนนั้นคือประทับใจ ชื่นชอบกับความเป็นอยู่ของผู้คน และบรรยากาศของที่นั่นมาก และตั้งใจไว้ว่าจะกลับไปเที่ยวเชียงใหม่อีก ถ้าโอกาสอำนวย และหลังจากนั้นฉันก็เดินทางไปเที่ยวที่เชียงใหม่บ่อยครั้งขึ้น ในสถานที่หลากหลาย และนี่เป็นหนึ่งในทริปแห่งการท่องเที่ยวเมืองเชียงใหม่อีกครั้ง รอบนี้มากับเพื่อนพนักงานที่บริษัท ฯ เช่นเดิม แต่เลือกการเดินทางโดยรถตู้ที่เช่าพร้อมคนขับและไกด์นำทาง มีพี่ในกลุ่มอีกคนคอยดูแลจัดการทริปโดยที่ฉันเองไม่ต้องยุ่งเกี่ยวอะไร แค่พาตัวเองนั่งรถตู้ไปถึงเชียงใหม่ก็เป็นอันใช้ได้ เราออกเดินทางกันในช่วงกลางคืน เพื่อที่จะไปถึงเชียงใหม่ในตอนเช้า จุดหมายแรกคือ เส้นทางศึกษาธรรมชาติกิ่วแม่ปาน ดอยอินทนนท์ โดยเส้นทางศึกษาธรรมชาติกิ่วแม่ปาน มีระยะทางเป็นวงรอบประมาณ 3 กิโลเมตร เหมือนจะไม่ไกล แต่ก็หอบเอาการ ตลอดเส้นทางการเดินเท้าจะผ่านเส้นทางเพื่อศึกษาธรรมชาติ ระบบนิเวศต่าง ๆ มีทั้งน้ำตก พรรณไม้ต่าง ๆ ลานทุ่งหญ้า การเดินในช่วงแรกจะเป็นป่าดิบชื้น เดินง่าย สบาย ไม่ได้ผาดโผนแต่อย่างใด ทะลุออกจากโซนป่าดิบชื้นจะเป็นลานทุ่งหญ้ากว้าง และเมื่อเดินเลียบเลาะแนวทุ่งหญ้าไป ก็จะเห็นทิวทัศน์ ขุนเขาบริเวณโดยรอบ จุดนี้เป็นเส้นทางเดินป่าที่สวยงามเส้นหนึ่งเลยทีเดียว เดินเพลินดูนั่นดูนี่ไปได้เรื่อย ๆ แวะถ่ายรูปแต่ละจุดกันสนุกสนาน ดีงาม จนมาถึงจุดชมวิวสำคัญของกิ่วแม่ปาน ที่ใครมาแล้วต้องไม่พลาดแวะชมวิวทิวทัศน์และถ่ายรูปเก็บไว้เป็นที่ระลึก หมอกจาง ๆ ลอยคละคลุ้ง ไม่หนาตาจนเป็นทะเลหมอก คงเพราะลมแรงและเริ่มสายมากแล้ว อีกมุมจะมองเห็น ยอดพระมหาธาตุนภเมทนีดลและพระมหาธาตุนภพลภูมิสิริ ทั้งที่อากาศหนาว แต่ระยะทางเดินเท้า 3 กิโลเมตรก็ทำเอาเหงื่อตกแทบทุกคน และเราก็เดินจนจบวงรอบไปด้วยดี ความงามของที่นี่คุ้มค่ากับเหงื่อที่เสียออกไป จุดหมายต่อไปของเราในทริปนี้ก็คือ ป่าปงเปียงที่มีนาขั้นบันไดเป็นซิกเนเจอร์ คืนนี้เราจะนอนที่นั่นกัน จากกิ่วแม่ปานไปป่าปงเปียง เราต้องไปเปลี่ยนรถจากรถตู้ไปเป็นรถโฟวิล เนื่องจากสถาพถนนไม่สู้ดีนัก ผสมกับโค้งมากมายที่รถแล่นผ่าน ทำเอามึนหัว เมารถ แต่ในที่สุดก็ถึงจุดหมายด้วยดี เมื่อมาถึงป่าปงเปียง ภาพจริงที่เห็นตรงหน้าต่างจากภาพถ่ายของคนอื่นที่เราเคยเห็น ทุ่งนาขั้นบันไดเขียวขจีในภาพถ่าย วันนี้เหลือแต่ซังข้าวเหลืองเกือบครึ่งของบริเวณ ได้ทราบความว่าเพิ่งเกี่ยวข้าวไปก่อนที่เราจะมาไม่กี่วัน เศร้าใจจัง แต่ยังดีที่เหลือบางส่วนเล็กน้อยให้ดูต่างหน้า เก็บข้าวของเข้าที่พัก หายเหนื่อยแล้วก็ได้เวลาออกสำรวจตรวจนาข้าวกันต่อ ก็ยังพอมีมุมสวย ๆ ให้เลือกถ่ายรูปอยู่บ้าง จนเย็นย่ำตะวันเตรียมลาลับขอบฟ้าไป มืดแล้วได้เวลาปาร์ตี้หมูกระทะเคล้าแสงดาว ที่นี่มีไฟฟ้าให้ใช้ถึงแค่ประมาณ 4 ทุ่ม หลังจากนั้นทั้งขุนเขาจะมืดมิด มีเพียงแสงวิบวาวเล็ก ๆ ที่กระจายเต็มฟากฟ้าเท่านั้น ที่ป่าปงเปียงถือว่าเป็นจุดดูดาวที่สวยงามที่หนึ่งในความคิดฉัน เพราะที่นี่จะไม่มีแสงไฟรบกวนจากที่อื่นเลย ดาวจึงเด่นชัดสวยงามมาก ๆ เห็นแม้กระทั่งดาวตกเป็นสิบ เป็นร้อยดวง นับและอธิษฐานเพลินจนหลับเลย พักร่างเข้าเฝ้าพระอินทร์ ด้วยความสุขใจ ตื่นเช้ามาเจอวิวแบบนี้ แทบไม่อยากกลับบ้าน ทะเลหมอกลอยเคลียยอดเขา แต่พระอาทิตย์หลบไปไหนนะ สงสัยจะเช้าเกินยังไม่พร้อมแสดงตัว อยากอยู่ที่นี่ต่อจัง แต่ความต้องการสวนทางกับโลกแห่งความจริง จำใจลาเมืองเชียงใหม่อีกครั้ง ด้วยความอาวรณ์ และคงมีโอกาสในครั้งต่อ ๆ ไป ที่จะได้กลับมา ณ ที่นี่ ที่เชียงใหม่ แม้วันนี้ที่คิดถึงจะกลายเป็นวันวานแล้วก็ตาม แต่ก็เป็นภาพจำที่สวยงาม มีความสุขเสมอ นี่สินะคือเสน่ห์ของการเดินทางที่ฉันคลั่งไคล้ หลงไหลนักหนา ลาก่อนป่าปงเปียงและเชียงใหม่ Cr : ภาพประกอบโดยนักเขียน Empty Ao