เมื่อยุคสมัยเปลี่ยนไป สิ่งต่าง ๆ ก็ย่อมเปลี่ยนไป ไม่ว่าจะเป็นสภาพสิ่งแวดล้อมทั้งที่มีชีวิตและไม่มีชีวิต ตลอดไปจนถึงขนบธรรมเนียมประเพณี วิถีชีวิต ความเชื่อ หรือแม้กระทั่งค่านิยม ยกตัวอย่างเช่นวัดวาอารามซึ่งเป็นศาสนสถานที่พุทธศาสนิกชนรู้จักและคุ้นเคยกันดีมาแต่โบราณกาล ว่าวัดคือสถานที่อันสงบเงียบ เน้นความสมถะเรียบง่าย เพื่อเป็นที่พำนักของภิกษุสงฆ์ในการศึกษาพระธรรมคำสอนขององค์พระสัมมาสัมพระพุทธเจ้า แต่เมื่อยุคสมัยเปลี่ยนไป เราก็จะเห็นได้ว่ามีวัดหลายแห่งในประเทศไทยที่มีการปรับเปลี่ยนแปลกแนวไปจาก‘กรอบของวัดแบบดั้งเดิม’เป็นอันมาก ไม่ว่าจะเป็นในรูปแบบของการเผยแพร่คำสอน ศาสนพิธี ตลอดไปจนถึงการตกแต่งอาคารสถานที่เพื่ออำนวยความสะดวกแก่คณะญาติโยมผู้มีจิตศรัทธา ซึ่งในวันนี้เราก็มีวัดที่น่าจับตามองอยู่วัดหนึ่งที่มีความโดดเด่นในด้านที่ว่านั้นมาฝากกันครับ วัดที่ว่านี้มีชื่อว่า“วัดศรีมงคล” อำเภอท่าวังผา จังหวัดน่านครับ ถือว่าเป็นวัดที่มีความโดดเด่นมากในเรื่องของการบริหารจัดการและการตบแต่งสถานที่ โดดเด่นแค่ไหนน่ะหรือ ก็ถึงขั้นที่มีห้องพักระดับรีสอร์ทไว้รองรับนักท่องเที่ยวที่มาเยี่ยมชมเลยล่ะครับ นอกเหนือไปจากพิพิธภัณฑ์และร้านค้าต่าง ๆ ภายในบริเวณวัด วัดศรีมงคล เดิมมีชื่อว่าวัดก๋ง (น่าจะตั้งชื่อตามชื่อของ หลวงปู่ก๋ง ซึ่งเป็นพระสงฆ์ที่มีชื่อเสียงที่สุดของวัดนี้) วัดศรีมงคล เป็นวัดเก่าแก่ที่ได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2395 ปัจจุบันได้กลายมาเป็นวัดที่มีชื่ออยู่ในลิสต์ลำดับต้น ๆ ของนักท่องเที่ยวที่มาเยี่ยมเยือนจังหวัดน่านไปแล้วโดยปริยาย ด้วยเสน่ห์อันหลากหลาย ครอบคลุม และตอบโจทย์ของนักท่องเที่ยวทั้งสายทัศนศึกษา สายอนุรักษ์ และสายชิลล์ ดังที่ผู้เขียนจะขอแนะนำพอคร่าว ๆ ดังต่อไปนี้ครับ เริ่มต้นจากภายในวิหารหลวง ซึ่งมีความน่าสนใจด้วยภาพจิตรกรรมฝาผนังอันงดงาม ทั้งภาพเกี่ยวกับเรื่องราวในพุทธประวัติและภาพบันทึกเหตุการณ์ทางประวัติศาสตร์ที่สำคัญของเมืองน่านในอดีตย้อนไปหลายร้อยปี เช่น ภาพของเจ้าเมือง ภาพน้ำท่วมครั้งใหญ่ เป็นต้น โดยจิตรกรผู้วาดภาพได้เลียนแบบการวาดของหนานบัวผันซึ่งเป็นจิตรกรชาวน่านเชื้อสายไทลื้อที่มีชื่อเสียงของจังหวัดน่าน ผู้ที่เป็นจิตรกรวาดภาพจิตรกรรมฝาผนังที่วัดหนองบัวและวัดภูมินทร์อันโด่งดังขึ้นชื่อของจังหวัดน่านนั่นเอง รอบ ๆ วิหารหลวงและภายในบริเวณวัด จะมีโซนให้นักท่องเที่ยวได้ถ่ายภาพเช็คอินเป็นระยะ ๆ มีร้านกาแฟบรรยากาศไทย ๆ ให้นักท่องเที่ยวได้พักผ่อนหย่อนใจ ตลอดจนมีร้านขายของที่ระลึก อาหาร ผลไม้ และของรับประทานเล่นไว้คอยให้บริการแก่นักท่องเที่ยวอีกด้วย นอกจากจะมีร้านจำหน่ายอาหารและของที่ระลึกแล้ว ภายในอาณาเขตพัทธสีมาแห่งนี้ยังเป็นที่ตั้งของ “พิพิธภัณฑ์มงคลธรรมรังสี” ซึ่งเป็นพิพิธภัณฑ์ที่รวบรวมของโบราณต่าง ๆ ไว้มากมายให้นักท่องเที่ยวได้เข้าชมโดยไม่คิดค่าบริการแต่อย่างใด ไม่ว่าจะเป็นชุดนักรบล้านนาโบราณ เครื่องไม้เครื่องมือของคนล้านนาในอดีต เป็นต้น เยื้องกับ “พิพิธภัณฑ์มงคลธรรมรังสี” ไปทางบริเวณด้านหน้าของทางเข้าวัด จะเป็นที่ตั้งของกระท่อมไม้ไผ่ที่มีชื่อว่า “เฮือนมะเก่า” (แปลว่า เรือนโบราณ) ซึ่งภายในได้จำลองภาพบ้านเรือนของชาวน่านล้านนาในอดีตอันหาดูยากเอาไว้ให้คนรุ่นหลังได้ชม ทั้งข้าวของเครื่องใช้โบราณ เครื่องดนตรี และเครื่องทุ่นแรงอำนวยความสะดวกต่าง ๆ เป็นต้น โดยนักท่องเที่ยวสามารถเข้าไปเยี่ยมชมและถ่ายภาพได้โดยไม่มีค่าบริการเช่นกัน บรรยากาศโดยรอบของวัดจะเน้นการตกแต่งแบบไทยล้านนาประยุกต์ คือมีทั้งแนวอนุรักษ์ของเก่าแก่ในอดีตและแนวการออกแบบตกแต่งร่วมสมัย เช่น ร้านนั่งแบบไม้ไผ่ บ่อปลาคาร์ฟ สวนหย่อม ลานอเนกประสงค์ ซุ้มสำหรับเช็คอินถ่ายภาพ เป็นต้น ด้านหลังของวัดจะมีลานชมวิว ตรงบริเวณนี้เราจะสามารถมองเห็นทุ่งนาข้าวอันเขียวขจี ตลอดจนถึงทิวเขาอันสลับซับซ้อนของดอยภูคาได้อย่างชัดเจน โดยทางวัดได้จัดทำเป็นซุ้มและจุดชมวิวไว้หลายจุด สำหรับให้นักท่องเที่ยวได้เช็คอินถ่ายภาพตามกระแสนิยมในปัจจุบัน หากเดินลงไปในทางต่างระดับตรงลานชมวิว จะมีสะพานไม้เชื่อมออกไปสู่นาข้าว ถ้าหากมาเยี่ยมชมในช่วงฤดูทำนา (ฤดูฝน) จะได้บรรยากาศหอมกลิ่นต้นข้าวชื่นใจมาก ๆ ตรงทางเข้าสะพานนี้เองที่จะมีร้านแตงโมปั่นอยู่ร้านหนึ่งที่ผู้เขียนประทับใจมาก ๆ เพราะเจ้าของร้านเขาจะปั่นแตงโมลูกขนาดพอเหมาะพร้อมเสิร์ฟให้เราทั้งลูกเลยทีเดียว ในราคาเพียงลูกละ 30 บาทเท่านั้น ขอบอกว่าใครที่ได้แวะมาเที่ยวที่วัดแห่งนี้ควรจะลองชิมให้ได้ ห้ามพลาดเลยทีเดียว สำหรับ ‘ไคลแม็กซ์’ ของวัดแห่งนี้ในความคิดของผู้เขียนที่จะเว้นกล่าวเสียไม่ได้ก็คือ ห้องพักภายในวัดสำหรับให้บริการแก่นักท่องเที่ยวนั่นเอง เพราะที่พักภายในวัดแห่งนี้สวยมากเลยครับ มีทั้งห้องพักแบบปรับอากาศและห้องพัดลม หันหน้าออกไปเจอทุ่งนาข้าวแบบบรรยากาศของรีสอร์ทกันเลยทีเดียว โดยทางวัดเปิดให้นักท่องเที่ยวได้เข้าพักฟรี ไม่มีค่าใช้จ่ายใด ๆ ทั้งสิ้น มีทั้งแบบห้องพักคู่ ( 2 คน) ห้องพักสำหรับครอบครัว (3 คน) ไปจนถึงห้องรวม (ไม่เกิน 15 คน) โดยทางวัดสามารถรองรับผู้เข้าพักได้ทั้งหมดเกือบ 100 คนเลยทีเดียว เรียกได้ว่าเข้ามาในเขตพัทธสีมาแห่งนี้ ฟรีตลอดทุกรายการ ยกเว้นรายการอาหารของใครของมันเท่านั้นเองครับ หากใครมีโอกาสได้แวะเวียนมาเที่ยวเมืองน่าน และมีเวลามากพอที่จะได้ออกเดินทางมาทางสายท่าวังผา – ปัว ก็อยากจะเชิญชวนให้ลองมาเที่ยวชมกันดูนะครับ “วัดศรีมงคล”หาไม่ยากครับ คนแถวนั้นรู้จักกันดี วัดตั้งอยู่บนทางหลวงสาย ๑๑๗๐ หมู่ที่ ๑ บ้านก๋ง ตำบลยม อำเภอท่าวังผา จังหวัดน่าน ใครมาไม่ถูกยังไงก็ลองค้นหาดูใน Google Map หรือจิ้มตาม GPS นี้ได้เลยครับ https://goo.gl/maps/xXVxFLZcmJ4YXX7eA รับรองว่าทางสะดวกสบาย หายห่วงไม่พาหลงครับผม ภาพประกอบ โดย ผู้เขียน