ปราสาทหินพนมรุ้ง เรียกได้ว่าเป็นโบราณสถานที่มีสถาปัตยกรรมแบบขอม ที่มีการสร้างติดต่อกันหลายสมัย ใครที่ชอบความสวยงามตระการตา แบบ สถาปัตยกรรมโบราณ ปราสาทหินพนมรุ้ง เป็นอีกที่หนึ่งที่ไม่ควรพลาด โดยทุกวันนี้การเดินทางก็เรียกว่าขึ้นได้แบบง่ายมาก ส่วนแผนที่ก็สามารถที่จะ Search ได้จาก gps หรือจะหาได้จาก Google แผนที่เลยก็ยังได้ ตัวประสาทซึ่งตั้งอยู่บนเขา ทางขึ้นสองข้างทางจึงมีต้นไม้ที่เขียวชะอุ่ม ระหว่างขึ้นก็เรียกว่าสบายตา จากความเขียวของต้นไม้สองข้างทาง จริงๆมีจุดแวะชมวิวอยู่ด้านข้างด้วยนะครับถ้าเราไปจะอยู่ทางขวามือส่วนประกอบนะคะจะอยู่ทางซ้ายมือซึ่งเป็นศาลาเล็กๆ เราสามารถที่จะแวะชมจุดชมอยู่ตรงนี้ได้นะครับ เมื่อเราขึ้นไปถึงก็จะเจอกับป้อม ซึ่งมีเจ้าหน้าที่คอยจำหน่ายบัตรให้กับเรา ซึ่งตรงนี้ครับเราสามารถที่จะเข้าได้ทั้ง 2 ทาง โดยที่ด้านหน้าไม่เสียค่าจอดรถ ส่วนด้านหลังจะเสียค่าจอดรถเพราะเป็นที่ที่สร้างใหม่ แต่เราก็ไม่ได้ต้องเดิน เพื่อขึ้นบันได และระยะทางที่ค่อนข้างไกล เราจึงเลือกทางที่สะดวกสบายที่สุด หนังสือยอมจ่ายเงินแล้วก็เข้าไปด้านหลัง เพื่อที่จะไม่ต้องผ่านบันไดเล็กๆ และระยะทางเดินจากตัวจากทางเข้าไปยังตัวปราสาทที่ค่อนข้างไกล แม้จะเป็นการลักไก่แต่มันก็สะดวกสบายกับเรา หลังจากนั้นก็ไปถ่ายรูปคู่กับบันไดซึ่งยาวไกลแล้วบอกว่าหนทางยาวไกลแต่เราก็ผ่านมันมาได้นะ แต่ก็มีคนที่บอกว่าสาเหตุที่เขาทำขั้นบันไดเล็ก เพราะต้องการให้เรามีความสุภาพ และปราณีต ในการเยื้องย่างในแต่ละก้ว เรียกได้ว่าเป็นกุศโลบาย ตั้งแต่ทางขึ้นกันเลยทีเดียว แต่ก็อย่างว่าครับอันนี้เป็นสถาปัตยกรรมที่ใช้เคารพบูชาของเทพฮินดู ความสุภาพนอบน้อมก็จึงน่าจะเป็นความสำคัญ ปราสาทแห่งนี้ ถูกสร้างถวายพระนารายณ์ แต่ก็แปลกอย่างหนึ่งที่ ตัวประสาทตรงกลางมีศิวลึงค์ ก็เลยทำให้ผมรู้สึกมึนงงเทียบ 2 องค์นี้คือเทพคนละองค์กัน แล้วทำไมมีฉันรูปภาพหลังพระนารายณ์ ซึ่งอยู่หน้าปราสาท และมีศิวลึงค์ที่อยู่ใน ปราสาท หรือว่าศิวลึงค์จะถูกสร้างทีหลัง แน่นอนว่า การบูชาพระศิวะมีความแพร่หลาย เพราะพระศิวะคือเทพแห่งการทำลายล้าง ผู้คนก็จริงหวาดกลัวกับบารมีของเทพเจ้าองนี้เป็นอย่างมาก การสร้างที่เคารพบูชาจึงเป็นหนทานในการยึดเหนี่ยวจิตใจของคนสมัยนั้น เมื่อขึ้นไปถึง เราจะได้เจอกับ ตัวประสาทซึ่งมีความสวยงามตระการตายิ่งใหญ่ ความสมบูรณ์เรียกว่าค่อนข้างที่จะสมบูรณ์ครับเพราะมีการบูรณะ และหากเราจะสังเกตดีๆ เราจะเห็นร่องรอยของการบูรณะของกรมศิลปากร และข้างๆ ตัวปราสาทแต่ละหลังจะมีแผ่นป้ายสำหรับบอกว่าเป็นปราสาทที่สร้างขึ้นยังไง เพื่ออะไรให้เราได้เรียนรู้ ซึ่งวันที่เราไปและผู้คนก็ค่อนข้างที่จะเยอะ เพราะว่าเขาไปชมพระอาทิตย์ตรงกับช่องประตู ซึ่งจะเกิดขึ้นเพียงปีละ 4 ครั้ง แม้ผมจะทราบว่าเกิดขึ้นปีละ 4 ครั้งแต่เกิดขึ้นในช่วงไหนบ้างอันนี้ก็คงต้องไปหาข้อมูลกันเองนะครับเพราะว่าผมไม่ได้ทราบข้อมูลในส่วนนี้และก็ไม่ได้หามาฝากด้วย แต่เนื่องด้วยวันนั้นฟ้าปิดพวกเราก็เลยแบบไม่ได้สนใจที่จะดู จึงพากันเดินชมตัวปราสาท พร้อมกับถ่ายรูปกัน ตามมุมต่างๆ เพื่อเอามาอัพ IG และ และ Facebook กัน ท่านใดสนใจในประวัติศาสตร์หรือต้องการที่จะพาลูกหลานเข้าไปชมเพื่อที่จะปลูกฝังในเรื่องของประวัติศาสตร์ผมว่า อุทยานแห่งชาติประวัติศาสตร์เขาพนมรุ้งนี่เป็นตัวเลือกอันดับต้นๆ ที่ดีเลยนะครับ สำหรับเด็กๆ เพื่อที่จะเรียนรู้ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของ ธรรมชาติ เทพ หรือแม้แต่สถาปัตยกรรมอันน่าทึ่ง ที่ไม่น่าเชื่อว่ามันเกิดจากฝีมือของมนุษย์และที่สำคัญในยุคนั้นไม่ได้มีเครื่องไม้เครื่องมืออย่างทุกวันนี้การตัดสินชิ้นใหญ่ๆ แบบนี้มาเพื่อทำอะไรสักอย่างนึงที่มันยิ่งใหญ่ขนาดนี้มันจำเป็นที่จะต้องใช้แรงงานเยอะขนาดไหน มันต้องใช้วิทยาการในการปรับยังไงเพื่อที่จะได้หยิบก้อนสี่เหลี่ยมขนาดนี้จึงนับว่าเป็นเรื่องที่ค่อนข้างยากถึงแม้เราจะไม่รู้ก็ตามว่าเขามีวิทยาการในการตัดเจาะยังไงแต่เมื่อได้เห็นการประกอบเข้ากันแล้วเราก็รู้สึกทึ่งในฝีมือและไม่น่าเชื่อว่าเนี่ยมันเกิดจากแรงศรัทธาที่ต้องการที่จะบูชาเทพเจ้าองค์หนึ่ง