“อินเดีย” ถ้าใครที่ได้ยินชื่อนี้ อาจจะนึกภาพเห็นขอทาน กองก้อนทองที่ วางระเบิดไว้กลางถนน ผู้คนและรถที่เดินสวนสนามกันอย่างวุ่นวาย แต่อย่าเพิ่งนึกภาพไปในสิ่งที่ไม่น่าชม ครั้งนี้จะพาไปใช้ชีวิตที่นครสีชมพู เมืองชัยปุระ ประเทศอินเดีย และพาชมโรงแรมที่สวยที่สุดที่เคยพัก หลังจากที่ท่องอินเดียเนปาลมาสามครั้ง นึกถึงเมื่อไหร่ เหมือนว่าเรานั้นโชคดี อากาศที่หนาวเยือก หนาวจนปากสั่นแต่เมื่อเดินทางเข้าไปในโรงแรมแห่งนี้ อากาศปกติไม่หนาวไม่ร้อน อินเดียเป็นประเทศที่มีความหลากหลายในทุกอย่าง ประเทศไหนที่เราเดินทางไปแล้วไม่เคยเจอ แนะนำให้มาเที่ยวที่อินเดียสักเมืองแล้วคุณจะหลงรักอินเดีย เพราะอินเดียคือประเทศที่ถ้าได้ไปเที่ยวแล้วจะหลงรัก รถเดินทางจากสนามบินไม่ถึงยี่สิบนาที รถก็พาเราถึงหน้าโรงแรมที่เราจะพักตอนที่เที่ยวอยู่ที่นี่สามคืน ประตูรถเปิดออกทุกคนในรถต่างมองขึ้นไปด้านบนของโรงแรม แล้วยิ้ม เพราะโรงแรมแห่งนี่สวยมาก และคนที่จะเข้าพักต้องเกรดเอ การติดต่อสื่อสารจองทุกอย่างผ่านสายของโทรศัพท์มือถือ มันยอดเยี่ยมมากตั้งแต่ยังไม่เดินเข้า ลมหนาวตีเข้าที่หน้าอย่างแรง อากาศบนเขาลมโกรกดีมาก สีสันของโรงแรมแห่งนี้ดูสบายตา กว้างขวางใหญ่ ตกแต่งด้วยศิลปะของอินเดีย ดูตรงหน้าต่างที่ซ้อนกันดูสวยเหมือนกับบ้านของตุ๊กตา ถ้าหากตั้งใจมองดีๆนั้นจะเหมือนกับภาพแกะสลักลวดลายไม่ว่าจะเป็นลายดอกไม้ติดผนัง หน้าต่างรอบโรงแรมนั้นมีมิติและการวาดลวดลาย เก็บรายละเอียดความสวยงามไว้อย่างน่าชม โรงแรมแห่งนี้ สวยตั้งแต่ประตูทางเข้า ซึ่งประตูทางเข้านั้นมีขนาดไม่ใหญ่มาก พอดีก้มหัวลอดเข้าไป นี่ถ้าหากว่าคนตัวใหญ่คงต้องตะแคงเข้าถึงจะได้ การสร้างประตูเล็กก็มีข้อดี เพราะเมื่อเราเดินผ่านเข้าไปด้านใน อากาศช่างแตกต่างจากทางด้านนอกมาก ด้านในอบอุ่นและชวนให้ง่วงมาก เพราะความสลัวของไฟที่เปิดไม่สว่างมาก ด้านหน้าของโรงแรมคือโรงเรียน มองออกไปจากด้านใน ประตูนั้นเป็นทองเหลืองอร่าม จะมองเห็นลานกว้างน้ำพุ ตามจริงถ้าจะเปิดให้ใหญ่ได้ แต่เพื่อที่จะดูแลได้ง่ายเปิดประตูเล็กๆจะง่ายกว่า ไม่หนาวด้วย โรงเรียนที่อยู่ตรงข้ามกับโรงแรมนั้น จะมีเพียงนักเรียนชายที่มาเรียน ผู้หญิงไม่ค่อยมีโอกาสได้เรียน ซึ่งในเวลาที่โรงเรียนเลิก เด็กทุกคนก็จะกลับบ้านไปทำงานบ้านช่วยพ่อแม่ ความเชื่อถ้าหากว่าได้เดินลอดผ่านซุ้มประตูที่มีความสวยงามนั้นจะถือเป็นสิริมงคลมากสำหรับผู้ที่เดินผ่าน และถ้าหากประตูมีขนาดเล็กผู้ที่เดินเข้าประตูนั้นจะต้องโน้มตัวและก้มหัว ซึ่งแสดงถึงความอ่อนน้อมถ่อมตน การตกแต่งภายในของโรงแรมนั้น ตอนแรกยังไม่ว่าง มัวแต่ถ่ายภาพให้กับคนอื้น แต่เมื่อเดินมาถึงห้องอาหาร พวกเรานั้นพร้อมที่จะเดินไปตักอาหาร มาทานด้วยตนเอง ซึ่งในมื้อแรกที่ชัยปุระนั้นจะมีอาหารแบบบุฟเฟต์ แต่ตามที่สั่งไว้ อาหารที่เราทานข้าวเข้าไปเป็นหลัก และขนมที่ขนไปเองจากประเทศ ลวดลายด้านบนและแสงไฟจากโคมสวยงามตระการตาเป็นที่สุด นอกจากนั้นระหว่างทางเดินตรงไปยังห้องอาหาร และลิฟต์ยังมีของตั้งโชว์ราคาประเมินราคาไม่ได้ด้วย เครื่องทองเหลืองจำนวนมากที่ตั้งเรียงรายกันเพื่อโชว์ให้กับผู้มาพักที่โรงแรมนี้ได้ประจักษ์และได้เป็นบุญตา ซึ่งรู้สึกว่าเราไม่ต้องไปเที่ยวที่ไหนก็คงจะได้เพราะแค่การเดินชมพื้นที่ของโรงแรมก็ตระการตา ที่นั่งรอหน้าห้อง ในโซนนี้เป็นที่พักนอกห้องของแต่ละชั้นซึ่งถ้าเรามองมาจากด้านล่างจะเห็นเป็นช่องของหน้าต่างๆ เก้าอี้รับรอง ที่สามารถนั่งถ่ายภาพและเห็นมุมด้านล่าง ในส่วนของห้องนอนด้านในปูพรหมทั้งหมด สามารถนอนด้านล่างได้ ห้องพักสามารถเลือกได้ตามใจผู้พักว่าต้องการเตียงคู่ เตียงเดี่ยว หรือจะเป็นห้องสำหรับคู่รัก ได้ทั้งหมด ในส่วนของห้องด้านในถูกจัดเรียงข้าวของเป็นระเบียบเตียงนอนใหญ่ ในส่วนของห้องน้ำนั้นมีอ่างอาบน้ำสำหรับการนอนแช่น้ำนม ในโรงแรมนี้ถ้าหากเราต้องการห้องที่มีบริการนวดก็สามารถสั่งได้ บริการอย่างดี โต๊ะนั่งทานอาหาร ด้านนอก สำหรับคนที่ต้องการที่จะสัมผัสอากาศหนาวของชัยปุระ สามรถออกมานั่งทานชา กาแฟร้อนๆด้านนอก แต่จะต้องทานไปพร้อมกับอากาศอันหนาวเย็น ตอนนั้นแค่เดินออกมาถ่ายภาพก็หนาวเย็นจนมือแข็งแล้ว ห้องทานอาหารแบบส่วนตัว การทานอาหารเป็นสิ่งสำคัญของโรงแรมนี้ เพราะบางครั้งทัวร์ที่เดินทางมาเที่ยวนั้นไม่ได้ พักที่โรงแรมนี้ แต่อาจจะซื้อราคาหัวในการทานอาหารเที่ยงหรืออาหารเย็นที่นี่ เพราะฉะนั้นสถานที่ทานอาหารจะค่อนข้างมีหลากหลายรูปแบบให้เลือก ด้านบนนั้นคือภาพที่หากต้องการทานแบบมินิครอบครัว และเป็นส่วนตัว จะต้องเดินขึ้นบันไดจากชั้นด้านล่างสามขั้น ทานกันแบบส่วนตัวอย่างเงียบๆกันไปเลย เชฟของโรงแรม อาหารที่โรงแรมนี้เป็นแบบบุฟเฟต์ตักเองตามใจชอบ ซึ่งจะไม่ได้แยกว่าจะมีอาหารเช้าเพียงอย่างเดียว ถ้าต้องการอาหารราดแกงแลบอินเดียก็ย่อมได้ ต้องการข้าวต้มร้อน หรืออาจจะเป็นอาหารยุโรปขนมปัง ได้ทั้งหมด ถ้าหากยังไม่พอใจ ด้านนอกยังมีเมนูไข่ให้เราได้สั่ง ไข่กระทะ ไข่เจียว ไข่ดาว จาปาตี ทำใหม่ร้อนๆ กลุ่มของพวกเราใช้เวลาค่อนข้างนานอยู่ที่ห้องอาหาร ทานข้าวไปด้วยประชุมตารางการเที่ยวไปด้วย และรอทุกคนพร้อมด้วย ยิ่งลงมาแต่เช้ายิ่งมีเวลาได้เที่ยวชมพื้นที่รอบโรงแรมเยอะ วิวด้านบนชั้นดาดฟ้า สระน้ำกลางแจ้ง ในตอนเช้าของวันใหม่ความสุขกับการชมวิวและบรรยากาศโดยรอบ เนื่องจากโรงแรมแห่งนี้เป็นโรงแรมที่สูงที่สุดในย่านนี้ จึงทำให้ไม่ว่าเราจะมองไปรอบเห็นความสวยงาม สวยงามแรกคือทะเลภูเขา ต่อจากนั้นวิวเมือง วิวในยามค่ำคืน สระว่ายน้ำที่น้ำนั้นมีสีน้ำเงินเข้ม แสงไฟใต้น้ำทำให้ชวนว่ายน้ำ แต่ความเย็นของน้ำเหมือนกับน้ำแข็งละลาย ถ้าใครรักในการชมวิวยามเย็น สามารถขึ้นไปนอนอาบหมอกและชมเมืองในยามค่ำคืนดูดดื่มแสงจันทร์ได้ การท่องเที่ยวในแต่ละครั้งที่พักก็เป็นอีกส่วนหนึ่งที่ต้องเลือกให้เหมาะสม และพักผ่อนอย่างสบาย เพราะหลังจากที่เราเดินทางท่องเที่ยวตั้งแต่เช้าเดินทั้งวัน และกลับมาในตอนเย็น ที่พักจะเป็นที่ที่ทำให้เราเอนกายได้อย่างปลอดภัย สะอาด เงียบ และเป็นส่วนตัว ถ้าใครได้เดินทางมาที่นี่ ลองพักที่โรงแรมนี้ ถึงราคาจะแพงแต่ก็คุ้มค่ากับการเที่ยวในรอบปีภาพถ่ายทั้งหมดโดยผู้เขียนเอง (อุ้งเท้าแมว)ห้องส่องร้านดังมาแรง รวมของกินอร่อยต้องโดน บอกสูตรเมนูลับที่ไม่ลับอีกต่อไป