ยุโรปขึ้นชื่อเรื่องความอลังการของสถาปัตยกรรม ดนตรี แหล่งรวมความสุนทรีย์ของชีวิต แต่ไม่เพียงแค่ความโดดเด่นทางด้านวัฒนธรรมและภูมิปัญญาที่มนุษย์ประดิษฐ์ขึ้นเท่านั้น สิ่งที่ธรรมชาติสร้างสรรค์ยังอลังการมากอีกด้วย วันนี้เราจะพาไปเดินเขาระดับง่าย หรือที่เรียกกันว่า Hiking ซึ่งเป็นกิจกรรมที่ไม่ชาเลนจ์มาก เดินสบายๆ มีปีนป่ายไม่มาก ความชันไม่โหด เน้นการได้ออกกำลังเบาๆ และชื่นชมวิวทิวทัศน์ทั้งระหว่างทางและจุดหมายปลายทาง จุดหมายปลายทางของเราคือ Bastei Bridge หรือสะพานบาสเต (เบสเตอไอน์ เมื่อออกเสียงแบบสำเนียงเยอรมัน) ซึ่งเป็นแลนด์มาร์คสำคัญของอุทยานแห่งชาติแซกซอน สวิตเซอร์แลนด์ (Saxon Switzerland National Park) ชื่อว่าอุทยานแห่งชาติสวิตเซอร์แลนด์ แต่อยู่ในเขตประเทศเยอรมนีนะคะ ซึ่งการเดินทางไปยัง Bastei bridge นี้ สามารถไปได้หลักๆ จาก 2 ทาง คือ จากพรมแดนเมืองปราก สาธารณรัฐเช็ค ซึ่งมีรถบัสข้ามพรมแดนให้บริการในช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์และวันหยุดนักขัตฤกษ์ หรืออีกทางคือ จากประเทศเยอรมนี ซึ่งเมืองที่ใกล้ที่สุดคือ เมือง Dresden โดยมีรถไฟให้บริการจากเมืองดังกล่าวไปถึงจุดหมาย คือ หมู่บ้านราเธน Village of Rathen โดยใช้เวลาเพียง 35 นาทีเท่านั้น และรถไฟนี้ ออกทุกๆ 20 นาทีด้วย สะดวกสบายที่สุด ควรค่าแก่การพาตัวเองไปสัมผัสดินแดนมหัศจรรย์ค่ะ บาสเต คือชื่อสถานที่ หมายถึงจุดที่เป็นไฮไลท์ของบริเวณอุทยานแห่งชาติแซกซอนนี้ ซึ่งเป็นจุดที่หินก้อนมหึมาฟอร์มตัวเป็นรูปร่าง ความสูงอยู่ที่ 305 เมตรจากระดับน้ำทะเล อายุหิน ณ ที่แห่งนี้ในทางวิทยาศาสตร์ระบุไว้ว่ามีอายุเกินกว่า 1 ล้านปี โอ้แม่เจ้า! และเมื่อขึ้นไปถึงยอดหินแล้วมองลงมา จะเห็นวิวแม่น้ำและหมู่บ้าน สวยงามสุดจะบรรยายเลยค่ะ อากาศข้างบนไม่หนาวมาก ราวๆ 15-20 องศา ยกเว้นกรณีฝนตก จะเย็นลงมาอีกนิดหน่อย แต่รวมๆ แล้วเดินได้สบายๆ สูดออกซิเจนเข้าปอดได้เต็มที่ ไม่มีหอบค่ะ ตรงจุดบาสเต มีการก่อสร้างสะพานขึ้นเมื่อปี ค.ศ.1824 หรือเมื่อเกือบสองร้อยปีที่แล้ว โดยเป็นสะพานที่เชื่อมต่อหินแต่ละลูกเพื่อให้นักท่องเที่ยวสามารถขึ้นไปเยี่ยมชมวิวทิวทัศน์ด้านบนได้ ชื่อของจุดแลนด์มาร์คจึงถูกเรียกว่า สะพานบาสเต เพราะนักท่องเที่ยวจะไปยืนชมวิว ถ่ายรูปกันก็ตรงสะพานนี่เอง จากตีนเขา เดินขึ้นไปสู่ยอดเขาที่เป็นหินบาสเตนั้น มีหลายเส้นทาง ซึ่งระยะทางโดยเฉลี่ยจะอยู่ที่ประมาณ 5 กิโลเมตรสำหรับการไปกลับ ระหว่างทางจะมีแม่น้ำ มีต้นไม้ ใบไม้ ลักษณะป่ามีความชื้นสูง เขียวชอุ่มชื่นใจ ใครไปกับคนรัก รับรองว่าฟินที่สุดในสามโลก เห็นวิวอลังการแบบนี้ ขอบอกว่า เข้าฟรีนะคะ ฟรีจริงๆ ไม่มีค่าธรรมเนียมแยกเรทชาวยุโรปหรือเอเชียแต่อย่างใด เดินขึ้นได้เลยค่ะ ใครปักหมุดจะไปเยือนยุโรป นอกจากเที่ยวชมเมืองแล้ว อยากให้ลองไปสัมผัสธรรมชาติแห่งนี้ดูค่ะ เติมพลังได้ดีมากๆ เป็นการเดินทางที่รับรองว่าคุ้มค่าแน่นอน ภาพทั้งหมดโดย : นักเขียน