การไปเที่ยวในครั้งนี้เป็นโครงการของโรงเรียนเรียกง่าย ๆ มันก็คือการไปทัศนศึกษานั่นแหละเป็นการเที่ยวแบบไปกลับภายใน 1 วัน โดยทริปนี้เราไปในช่วงเดือนพฤศจิกายนเป็นช่วงเริ่มต้นเข้าสู่หน้าหนาวพอดี ซึ่งอากาศตอนนั้นก็ไม่หนาวเท่าไหร่แอบร้อนด้วยซ้ำ เริ่มจากขึ้นรถทัวร์ที่โรงเรียนประมาณตีสี่ครึ่ง กว่ารถจะออกก็ประมาณหกโมงเช้าอารมณ์ตอนนั้นคือง่วงมาก หลับตลอดทาง ใช้เวลาเดินทางนานมากถึงจังหวัดเลยก็เกือบสิบโมง แต่ถ้าใครไปรถส่วนตัวน่าจะเร็วกว่านี้ และแล้วนาทีระทึกใจก็มาถึง!!เมื่อรถพยายามจะขึ้นเนินเขา ขณะที่กำลังเร่งเครื่องอยู่นั้นปรากฏว่ารถดับ ดับจริง ๆ ดับโดยไม่มีอะไรกั้น คิดภาพรถทัวร์ 2 ชั้นบรรทุกคนเกือบร้อยค่อย ๆ ไหลลงเนินเขา ฉันร้องกรี๊ดเลย!!! โชคดีที่ไหลลงมาได้สักพักรถก็หยุด แล้วก็สามารถไปต่อได้อย่างปลอดภัย คุณพระ!!! มาถึงจุดแรก!!!สวนหินผางามหรือคุนหมิงเมืองเลย ผาหินที่ถูกกัดกร่อนโดยธรรมชาติเป็นลักษณะต่าง ๆ ดูเป็นศิลปะที่สวยงามอย่างหนึ่งโดยจะมีทางเดินให้เราขึ้นไปชมวิวที่ด้านบน พอขึ้นไปจะมีตะแกรงเหล็กให้เรายืนถ่ายรูปสวย ๆ พร้อมกับมีผาหินที่ซ้อนเหลื่อมกันอยู่ด้านหลัง จุดชมวิวด้านบน ข้างหลังเป็นภูเขาหินยาวเป็นแนว ผาหินเมื่อมองจากด้านล่าง ถ้าใครไม่สะดวกหรือกลัวความสูงก็สามารถไปดูน้ำตกได้โดยอยู่ห่างจากผาหินประมาณ 700 เมตร ฟังดูแล้วมันอาจจะไกลแต่ไม่ต้องห่วง มีรถคอยให้บริการระหว่างทางก็รายล้อมไปด้วยสวนยางพาราและดอกไม้ป่าจำนวนมาก บรรยากาศข้างถนนที่จะไปดูน้ำตก รถที่ขี่ไปดูน้ำตก พอถึงแล้วมันคนละบรรยากาศเลย อากาศเย็นสบาย อาจเป็นเพราะมีต้นไม้ใหญ่จำนวนมาก น้ำในน้ำตกใสและเย็นมาก น้ำตกเหมือนเป็นน้ำตกที่ทำขึ้นมาไม่ได้เป็นน้ำตกที่เกิดขึ้นเองจากธรรมชาติ แต่โดยรวมคือดีสำหรับการมาพักผ่อนหย่อนใจ บรรยากาศสุดร่มรื่น มีต้นไม้ใหญ่จำนวนมาก จุดที่ 2 ภูป่าเปาะหรือฟูจิเมืองเลย ห่างจากจุดแรกประมาณ 2 กิโลเมตรชื่อก็บอกอยู่แล้วว่าเป็นภูดังนั้นการขึ้นไปมันไม่ได้ง่ายอย่างแน่นอน ซึ่งทางเจ้าหน้าที่มีรถแทรกเตอร์พาขึ้นไป ทางชันมาก ๆ บอกเลยว่าเสียวสุด ๆ ข้างทางเป็นบ้านคนและสวนสตรอว์เบอร์รี พอมาถึงจุดเช็คอินจุดแรกก็มองออกเลยว่าภูเขาที่เห็นมีลักษณะคล้ายภูเขาไฟฟูจิอย่างเห็นได้ชัด แต่อากาศค่อนข้างร้อนไปนิด เช็คอินจุดที่ 2 ของภูป่าเปาะจะมีชิงช้าให้ถ่ายรูป จุดสำคัญของภูป่าเปาะคือการขึ้นไปบนจุดสูงสุดแล้วจะเห็นวิวแบบ 360 องศา มองเห็นฟูจิเมืองเลยและแม่น้ำ แต่การขึ้นไปต้องเดินเท้าเข้าไปเท่านั้น สำหรับใครที่เหนื่อยระหว่างทางก็จะมีที่ให้นั่งพัก และเราก็คือ "ผู้พิชิตภูป่าเปาะ" เป็นการจบทริปอย่างสมบูรณ์แบบที่นี้.... ฮักนะ เมืองเลย ***ภาพถ่ายโดยผู้เขียน