ฤดูหนาวกับที่เที่ยวธรรมชาติ โดยเฉพาะป่าเขาและสายหมอก สำหรับเราถือว่าเป็นมนต์เสน่ห์ของฤดูกาลที่ไม่อาจปล่อยให้ผ่านเลยไปได้ เพราะฤดูหนาวบ้านเรานั้นแสนสั้น คือแค่ราวๆ 5 เดือน (ปลายเดือนตุลาคมจนถึงกุมภาพันธ์) การเลือกที่เที่ยวในฤดูหนาวจึงจำเป็นจะต้องเลือกสถานที่น่าประทับใจ เพื่อบันทึกไว้ในความทรงจำสักครั้งหนึ่งในชีวิต และในความทรงจำที่เที่ยวหน้าหนาวของไทย เราขอยกให้ดอยหลวงเชียงดาว อำเภอเชียงดาว จังหวัดเชียงใหม่ เป็นหนึ่งในทริปที่ดีที่สุดเหตุผลที่เราเลือกเที่ยวชมดอยหลวงเชียงดาวในหน้าหนาวให้ได้ เพราะดอยหลวงเชียงดาวมีความสำคัญในด้านต่างๆ เช่น ยอดดอยหลวงเชียงดาวเป็นภูเขาหินปูนที่มีความสูงเป็นอันดับสามของประเทศไทย รองจากดอยอินทนนท์และดอยผ้าห่มปกของเชียงใหม่เช่นเดียวกัน สำหรับเราเป็นความท้าทายที่กระตุ้นความอยากจะพิชิตยอดเขาสูงเบอร์สามของไทยให้ได้ นอกจากนี้ ยังเป็นพื้นที่สงวนชีวมณฑลแห่งใหม่ของโลกตามประกาศของยูเนสโกอีกด้วย และในแต่ละปีเราสามารถเข้าดอยหลวงเชียงดาวได้แค่ช่วงที่กำหนดเท่านั้น เช่น รอบล่าสุดนี้ให้เข้าเที่ยวได้ตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายน 2565 - 31 มกราคม 2566 ทั้งยังจำกัดจำนวนนักท่องเที่ยวไม่ให้เยอะจนเกินไป ดังนั้น จึงต้องมีการวางแผนการเดินทางล่วงหน้า ซึ่งเราก็วางแผนการเดินทางไว้หลายเดือนก่อนไป โดยลงทะเบียนที่เว็บไซต์ของเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเชียงดาวบรรยากาศและสภาพแวดล้อมเหมาะกับผู้ที่ชื่นชอบการท่องเที่ยวธรรมชาติบริสุทธิ์อย่างแท้จริง เพราะต้องนอนกลางดินกินกลางป่า น้ำท่าไม่ได้อาบ กล่าวคือ ดอยหลวงเชียงดาวเป็นเทือกเขาสูงสลับซับซ้อน การเดินทางให้ไปถึงยอดดอยมีความท้าทายทั้งกับร่างกายและจิตใจ ต้องเดินเท้าท่ามกลางป่าเขาเป็นระยะทางเกือบ 10 กิโลเมตร ใช้เวลาไม่ต่ำกว่า 5-6 ชั่วโมง (หารองเท้าเดินป่าดีๆ สักคู่จะดีมาก) ตลอดเส้นทางผ่านป่าหลากหลายประเภทและพืชพันธุ์เฉพาะถิ่น มีทั้งทางชันสลับทางราบ เราแวะพักกินมื้อกลางวันใต้ร่มไม้และพักระหว่างทางเป็นระยะๆ เมื่อยบ้าง เหนื่อยบ้าง แต่ได้วิวทิวทัศน์ที่สวยงามตลอดทางพร้อมกับอากาศเย็นสบาย (ยกเว้นตอนเที่ยง) คอยช่วยผลักดันให้เรามีพลังใจในการเดิน นอกจากนี้ ที่นี่มีสัตว์ป่าหลายชนิด โดยเฉพาะอย่างยิ่งกวางผา ซึ่งเป็นอีกหนึ่งแรงบันดาลใจในการเดินทางครั้งนี้ของเรา หากใครได้พบกวางผาถือว่าโชคดีอย่างยิ่ง (แต่เราโชคไม่ดี) อย่างไรก็ตาม โดยรวมเราได้พบกับธรรมชาติที่งดงามและน่าประทับใจในทุกช่วงเวลาตั้งแต่เช้าจรดค่ำ เราออกเดินจากหน่วยเด่นหญ้าขัดเวลา 11.30 น. ไปถึงแคมป์อ่างสลุงเวลา 18.00 น.การพักแรม ยิ่งท้าทายกว่าเพราะนอกจากต้องนอนเต็นท์แล้ว ที่นี่ไม่มีห้องน้ำและสุขา ห้ามแปรงฟันด้วยยาสีฟัน หรือเครื่องสำอางค์ใดๆ หรือทิ้งเศษขยะมูลฝอย ต้องขับถ่ายใส่ภาชนะที่เตรียมมาแล้วนำติดตัวไปทิ้งด้านล่างขากลับ เนื่องจากดอยหลวงเชียงดาวเป็นเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าที่มีความเข้มงวดในเรื่องการเข้าเยี่ยมชม เพื่อไม่ให้เป็นการรบกวนสัตว์ป่าซึ่งเป็นเจ้าของบ้านมากจนเกินไป จึงต้องปฏิบัติตามกฎในการท่องเที่ยวอย่างเคร่งครัด นอกจากนี้ ในยามค่ำคืนที่เราพักแรม อากาศหนาวเย็นจับใจ แต่ก็อบอุ่นด้วยการล้อมวงรับประทานมื้อค่ำและพูดคุยแลกเปลี่ยนประสบการณ์กับเพื่อนร่วมทริปและลูกหาบ พอตกดึกการนอนในเต็นท์เงียบสงัดจนได้ยินเสียงของธรรมชาติอย่างชัดเจน ทั้งเสียงลมพัด เสียงต้นไม้ใบไม้ที่พลิ้วไหว จนทำให้เคลิ้มหลับไปไม่รู้ตัว (ไม่นับเสียงกรนของเพื่อนร่วมทาง)จุดเด่นของดอยหลวงเชียงดาวสำหรับการถ่ายภาพยอดดอยหลวงเชียงดาว เป็นจุดชมวิวพระอาทิตย์ตกที่สวยงามมาก มองเห็นดอยสามพี่น้องเสมือนเป็นแลนด์มาร์คของที่นี่ เมื่อขึ้นมาข้างบนนี้เราประทับใจกับภาพที่อยู่ตรงหน้า ความงามของธรรมชาติ ภูเขา ป่าไม้ แสงอาทิตย์อัสดง สายหมอก บวกกับความหนาวเย็นสบายๆ แต่ตอนเช้าเราก็มาชมพระอาทิตย์ขึ้นที่นี่ บรรยากาศสวยงามอีกแบบหนึ่ง เพราะมีสายหมอกยามเช้าเข้ามาเติมแต่งความงามขึ้นไปอีกดอยกิ่วลม เป็นจุดชมวิวพระอาทิตย์ขึ้นและทะเลหมอกยามเช้า อากาศตอนเช้าหนาวมาก แต่เราชอบ มันเป็นความหนาวแบบหนาวป่าไม่ใช่หนาวแอร์ ซึ่งเป็นมิตรกับร่างกาย ความสวยงามรอบๆ ตัวทำให้เราตื่นตัวไปชมพระอาทิตย์ขึ้นที่ดอยกิ่วลม แต่วันที่เราไปหมอกค่อนข้างเยอะ จึงเห็นพระอาทิตย์ไม่ค่อยชัด แต่ก็ได้ไปนั่งตากลม ตากหมอกจนสายอ่างสลุง เป็นจุดตั้งแคมป์ เพราะเป็นที่ราบซึ่งเหมาะกับการตั้งแคมป์กางเต็นท์พักแรม กลางคืนเราออกมาถ่ายภาพบรรยากาศรอบๆ อากาศหนาวเย็นสมใจ ขากลับเราเดินกลับทางที่เรียกว่าปางวัว ซึ่งมีระยะทางสั้นกว่าเส้นขามา แต่ทางค่อนข้างชันการเดินต้องระมัดระวังเป็นพิเศษ ระหว่างทางพบกับบรรยากาศธรรมชาติที่สวยงามอีกแบบหนึ่ง เดินไปชมธรรมชาติไปไม่กี่ชั่วโมงก็ถึงด้านล่างทั้งหมดนี้เป็นความน่าประทับใจและความทรงจำเกี่ยวกับดอยหลวงเชียงดาว ที่เที่ยวหน้าหนาวสำหรับผู้หลงใหลการเดินป่า และอยากให้ทุกท่านได้สัมผัสพิกัดดอยหลวงเชียงดาว ภาพถ่ายทั้งหมดโดยครีเอเตอร์ แชร์ที่เที่ยวใหม่ๆ ไม่ว่าจะเที่ยวสายไหนก็มาแวะแชร์กับทรูไอดีคอมมูนิตี้ “เที่ยวไปให้สุด”