เดี๋ยวกลับมาเล่าให้ฟังวันนี้...จะมาแบ่งปันประสบการณ์การเดินทางท่องเที่ยว 3 เมือง(ญาจาง ดาลัด และโฮจิมินห์) ของเวียดนามใต้ แบบเดินทางเอง โดย Grab รถประจำทาง รถบัสนอนระหว่างเมือง สายการบินภายในประเทศ แล้วก็มีเช่ามอเตอร์ไซค์ขับเที่ยวรอบเมืองด้วยนะ เป็นประสบการณ์ที่แบบ สนุก ตื่นเต้น เหนื่อย และประทับใจกันสุดๆไปเลย ประเทศเวียดนาม น่าจะเป็นอีกหนึ่งตัวเลือกของสถานที่ท่องเที่ยวสำหรับใครหลายคน ด้วยสายการบินที่มีให้เลือกหลากหลาย ราคาไม่แพงจนเกินไป ใช้เวลาเดินทางแค่ประมาณ 2 ชม. ก็แลนด์ดิ้ง ซินจ่าว ชาวเวียดนามกันได้แล้ว วิธีท่องเที่ยวก็มีให้เลือกกันหลายรูปแบบไม่ว่าจะเป็นบริษัททัวร์ หรือติดต่อเช่าเหมารถพร้อมคนขับ เรียกได้ว่า ถึงแล้วมีคนมารับ พาเที่ยว และส่งกลับบ้านอย่างปลอดภัย แต่ถ้าอยากจะผจญภัยได้ใช้ทักษะการสู้ชีวิต รับบทนักท่องเที่ยวท่านหนึ่งละก็ มันก็ต้องเที่ยวเองนี่แหละเพื่อน ว่าแล้วก็ไปกันเลย ทริปนี้เราเดินทางกัน 2 สาว หาข้อมูลและวางแผนล่วงหน้าประมาณ 3 เดือนก่อนเดินทาง ข้อมูลต่างๆที่เราเตรียมตัว เช่น สายการบิน รถบัสระหว่างเมือง ระยะทางและเวลาในการเดินทาง การแลกเงิน จองโรงแรม สถานที่ท่องเที่ยว ส่วนเรื่องอาหารเราเน้นไปตัดสินใจกันหน้างานตอนท้องหิว ข้อแนะนำสำหรับการเที่ยวเอง คือ เราควรเตรียมตัวเรื่องข้อมูลให้ได้มากที่สุด ขนาดเราว่าเราอ่านไปเยอะแล้ว ก็ยังมีช็อตฟีลหน้างานเพียบบบบบบบบบ การแลกเงินเคาน์เตอร์ธนาคารที่สนามบินดอนเมือง ด้านนอกก่อนเข้า Gate สามารถแลกได้ทุกธนาคาร อัตราแลกเปลี่ยนเท่ากัน คือ 0.0018 ซึ่งเราแลกกับ K bank เพราะเป็นเคาน์เตอร์เดียวที่มีแบงค์ย่อยให้สามารถกดเงิน VND จากตู้ ATM ด้วยบัตร ATM VISA อัตราแลกเปลี่ยนอยู่ที่ 0.0015 แต่มีค่าธรรมเนียมการกดครั้งละ 100 บาท อันนี้เราใช้บัตร ATM กรุงไทยนะแลกที่ร้านทอง Ben Thanh Market (Ho Chi Minh) อัตราแลกเปลี่ยนอยู่ที่ 0.0013 เป็นที่นิยมของนักท่องเที่ยวมาก คนเข้าแถวแลกกันคึกคักสุดๆธนาคารรับแลกเฉพาะ USD เป็น VNDคำแนะนำ อัตราการแลกเปลี่ยนเงินที่เวียดนามดีกว่าแลกจากที่อื่นจริง แต่การไปเดินตามหาที่แลกเงินในต่างบ้านต่างเมืองที่เราเพิ่งไปครั้งแรกนั้นไม่ง่ายเลย ก่อนเดินทางลองวางแผนการใช้เงินให้ดี ถ้าไม่อยากยุ่งยาก เสียเวลาเที่ยว แลกจากไทยไปก็สะดวกดีนะDay: 1 ดอนเมือง-ญาจาง เริ่มต้นกันที่สนามบินดอนเมือง มุ่งหน้าสู่สนามบินแคมรานห์ เมืองญาจาง [Cam Ranh International Airport (CXR)] โดยสายการบินแอร์เอเซีย FD646 เวลา 07.50-09.55 น. เวลาที่ไทยกับเวียดนามไม่ต่างกันนะคะ ใช้เวลาเดินทางประมาณ 2 ชม เครื่องบินก็แลนด์ดิ้ง พร้อมกับพายุฝนที่รอต้อนรับพวกเราอยู่ เอาล่ะ!!!!! เปิดทริปได้เร้าใจกว่าใครเขา จัดการธุระที่สนามบินเรียบร้อย ซื้อ Sim Card แบบ 7 วัน ราคา 200,000 VND เดินออกมาหน้าสนามบิน ซ้ายมือจะมีรถบัสรอรับ-ส่ง เข้าเมือง ราคาคนละ 65,000 VND รอคนเต็มคันรถประมาณ 20 นาที รถก็ออกจากสนามบิน โดยคนขับรถจะคอยจดว่าใครลงตรงไหนบ้าง โดยเราแค่บอกชื่อโรงแรมที่เราจองไว้ อย่างโรงแรมที่เราจองไม่ใช่ทางผ่านโดยตรงของเส้นทางรถบัส แต่คนขับก็จะเป็นคนบอกให้เราลงตรงสี่แยกที่ใกล้ที่สุด แล้วเดินต่อไปที่โรงแรมเองได้ การเลือกจองโรงแรมเป็นเรื่องสำคัญมาก พยายามเลือกให้ใกล้กับย่านในเมืองมากที่สุด เพื่อความสะดวกในการเดินออกมาหาของกิน อย่างน้อยระยะทางที่พอเดินไปนั่นมานี่ได้ ก็ช่วยประหยัดในการเรียกรถ การใช้ Grab ที่เวียดนามสามารถใช้ App Grab เดียวกับใช้ที่บ้านเรา ถ้าใครผูกกับบัตรเครดิตไว้ก็สามารถตัดบัตรได้ตามปกติค่ะ แต่จะตัดเป็นยอด VND ก่อนแล้วจะคำนวณเป็นเงินบาทภายหลัง เป็นอีกทางเลือกการเดินทางที่ค่อนข้างสะดวกและประหยัดกว่าเรียกแท็กซี่ประมาณครึ่งราคาDay2: สวนสนุกวินวันเดอร์ส (VinWonders Nha Trang) หรือ วินเพิร์ลแลนด์ ญาจาง (Vinpearl Land Nha Trang) สวนสนุกวินวันเดอร์ส (VinWonders Nha Trang) หรือ วินเพิร์ลแลนด์ ญาจาง (Vinpearl Land Nha Trang) 2 ชื่อนี้ คือ สวนสนุกเดียวกันค่ะ ซึ่งเป็นสวนสนุกขนาดใหญ่ที่ตั้งอยู่บนเกาะอีกฝั่งของเมืองญาจาง ใหญ่อลังการแบบที่เรามองเห็นได้จากโรงแรมกันเลยทีเดียว พร้อมแล้วเราก็เรียก Grab มารับที่โรงแรม ระยะจากโรงแรมไปถึงท่าเรือไม่ไกลมาก ค่า Grab 82,000 VNDการซื้อตั๋วเข้าสวนสนุกจองล่วงหน้าผ่าน Klook หลังจากกดจองเรียบร้อย ทางระบบจะส่ง QR Code มาทางอีเมล์ ซึ่งเมื่อเราไปถึงสามารถแสดง QR Code เพื่อเข้าสวนสนุกได้เลย ราคาตอนที่เราไป อยู่ที่คนละ 1,096 บาท แต่ถ้าจะจองล่วงหน้าอาจจะต้องตรวจสอบสภาพอากาศในช่วงนั้นให้แน่ใจว่า ไม่ใช่ฤดูฝน หรือมีพายุเข้าซื้อตั๋วหน้าเคาน์เตอร์จ่ายเงินสด VDN หรือ บัตรเครดิต ราคาตั๋วสำหรับผู้ใหญ่แบ่งเป็น 2 ช่วงเวลาหลักๆ คือ เข้าก่อน 16.00 น. เรือรอบแรก 8.00 น. แบบเหมารวมทั้งวันจะอยู่ที่ 750,000 VND แต่ถ้าเข้าหลัง 16.00 ราคา 500,000 VND เรือรอบสุดท้ายกลับจากสวนสนุก 20.15 น. หลังจากที่เราได้ตั๋วแล้วพนักงานจะแจกแผนผังของเครื่องเล่นทั้งหมดในสวนสนุก แบ่งเป็น 6 โซนหลัก คือ Fairy Land, King Garden, Tropical Paradise, Sea World, Adventure Land เครื่องเล่นสุดฮิตของโซนนี้ก็น่าจะเป็น Roller coaster และโซนที่เราชอบที่สุดก็ คือ World Garden ซึ่งจะแยกเป็นโรงเรือนของดอกไม้แต่ละชนิด มุมถ่ายรูปสวยๆเยอะมาก เราสามารถใช้เวลาอยู่ที่นี่ได้ทั้งวัน ถ้าไม่หมดแรงกันไปซะก่อน ส่วนพวกเรานั้นอยู่กันไหวแค่ประมาณสี่โมงเย็นก็ขอนั่งเรือกลับฝั่งแล้ว เมื่อเช้าตอนที่ Grab มาส่ง เราบังเอิญเห็นว่าหน้าทางเข้าสวนสนุกด้านขวามือ มีป้ายรถเมล์และมีรถเมล์จอดอยู่ด้วย ขากลับเราเลยคิดว่าจะลองไปขึ้นรถเมล์กลับโรงแรมกัน หลังจากนั่งเรือข้ามกลับมา เรารีบวิ่งไปที่ป้ายรถเมล์เพื่อถามรอบรถว่ายังมีอยู่หรือเปล่า และโชคดีมากๆ ที่เราทันรถเมล์รอบสุดท้ายพอดี เวลา 16.30 น. ค่ารถคนละ 8,000 VND เปิดแผนที่ให้ดูว่าโรงแรมอยู่ตรงไหน ถ้ารถไม่ผ่าน คนขับจะปล่อยเราลงใกล้ที่สุด พอให้เราเดินต่อไปเองได้ Day3: ดาลัด (Da Lat) วิธีเดินทางจาก ญาจาง ไปที่ดาลัด จะมีบริการรถนอนระหว่างเมือง ของบริษัท FUTA BUS Lines ให้บริการอยู่ ซึ่งสถานีขนส่งจะอยู่ห่างออกไปจากตัวเมืองญาจางประมาณ 10 km เวลาเรียก Grab มารับให้ปักมุดที่ Bến xe phía Nam Nha Trang (Central Bus Station Nha Trang) ค่า Grab ประมาณ 130,000 VND รอบรถรอบแรก 07.00 น. และออกทุกชั่วโมง รอบสุดท้าย 16.00 น. ค่ารถคนละ 165,000 VND เราเดินทางด้วยรถรอบ 09.00 น. รถออกตรงเวลา ก่อนขึ้นรถต้องถอดรองเท้าใส่ถุงพลาสติกที่พนักงานเตรียมไว้ให้ บนรถเป็นเบาะนอนแบบ 3 แถวแบ่งเป็นชั้นบนและล่าง มีผ้าห่ม ผ้าเย็น และน้ำดื่ม 1 ขวด หลังจากนั้นรถก็ค่อยๆขับออกจากเมืองญาจาง มุ่งหน้าสู่เมืองดาลัด ใช้เวลาเดินทางประมาณ 3 ชม แวะจุดพักรถเพื่อเข้าห้องน้ำ 1 ครั้ง ประมาณเที่ยงเราก็เดินทางถึงเมืองดาลัด รถบัสจะพาเราไปส่งที่ Bến xe Liên tỉnh Đà Lạt (Intercity Bus Station Da Lat) จากนั้นเราก็สามารถเรียก Grab เพื่อไปส่งที่โรงแรมที่เราจองไว้ได้เลย ดาลัดเป็นเมืองที่เราประทับใจที่สุดในทริปนี้ ด้วยอากาศที่ดีมากมาก เป็นเมืองที่อากาศเย็นตลอดทั้งปี ดูได้จากโรงแรมที่พักและบ้านเรือนไม่จำเป็นต้องมีเครื่องปรับอากาศก็สามารถอยู่ได้แบบสบายๆ มีภูมิประเทศแบบภูเขา ซึ่งค่อนข้างแปลกตากว่าเมืองอื่นๆ ผู้คนแต่งตัวแฟชั่นอากาศหนาวแบบมองแล้วเพลินตาเพลินใจ ใช่ค่ะ เราหลงรักดาลัดมากๆ อยากให้เพื่อนๆได้ไปสัมผัสด้วยตัวเองซักครั้ง สถานที่ท่องเที่ยวยอดฮิตในเมืองดาลัด เช่น Lam Vien Square เป็นเหมือนพื้นที่สวนสาธารณะ ที่เป็นจุดรวมตัวของทั้งคนเมืองดาลัดและนักท่องเที่ยว กิจกรรมเบาๆของวันนี้ คือการช็อปเครื่องดื่มจาก GO และขึ้นมานั่งชิลๆรับลมหนาว 16 องศาเซลเซียส ให้ช่ำปอด มองไปอีกฝั่งก็จะเป็นทะเลสาบใหญ่ใจกลางเมือง ต้นไม้ถูกประดับด้วยไฟอย่างสวยงาม ทางด้าน Night Market Da Lat เป็นตลาดที่คนเยอะมากๆ ฝั่งซ้ายเน้นขายเสื้อผ้ากันหนาว และของฝาก ด้านขวาจะเป็น Street Food พิซซ่าเวียดนาม ปิ้งย่าง ผลไม้มากมาย นมและโยเกิร์ตของดีของดังของเมืองดาลัด ก็มารวมกันที่ตลาดให้นักท่องเที่ยวได้ละลายทรัพย์กันจนหน่ำใจ หรือถ้าใครไม่ถนัด Street Food ดาลัดก็มีทั้งอาหารและคาเฟ่สวยๆให้เลือกอีกเพียบ Day4: สวนดอกไม้ Hydrangea Da lat มาถึงดาลัดทั้งที เราต้องได้ไปถ่ายรูปกันที่สวนดอกไม้ Hydrangea ที่เป็นอีกแลนด์มาร์คสำคัญของเมือง ซึ่งสวนดอกไม้จะอยู่ห่างออกไปประมาณ 10-15 km เราจึงตัดสินใจเช่ามอเอตร์ไซค์เพื่อความสะดวกในการเดินทาง ค่าเช่ามอเตอร์ไซค์ 150,000 VND ต่อวัน เติมน้ำมันเอง เราติดต่อเช่ากับโรงแรมได้เลย แล้วการผจญภัยก็เริ่มขึ้น เป็นที่รู้กันอยู่แล้วว่าเวียดนาม คือ เมืองแห่งมอเตอร์ไซค์และเสียงแตร ขนาดเราไม่ใช่คนขับยังตื่นเต้นจะมือเท้าเย็นไปหมด ก่อนอื่นเราต้องฟอร์มทีมกันให้ดี คนขับต้องเป็นคนที่ขับรถเก่งพอสมควร และคนซ้อนก็ต้องช่วยดู GPS และคอยบอกทางไปเรื่อยๆ เส้นทางที่ไปสวนดอกไม้ ไม่ซับซ้อนมาก ค่อยๆขับตาม GPS ไปได้เราก็สามารถไปกันเองได้ ปักมุด Garden hydrangeas ค่าเข้าสวนคนละ 100,000 VND ราคานี้รวมเครื่องดื่ม 1 แก้ว ดอกไฮเดรนเยียที่นี่สวยมาก มีมุมให้ถ่ายรูปเยอะ เรียกได้ตรงปกและไม่ผิดหวัง หลังจากขับมอเตอร์ไซค์เที่ยวในเมืองดาลัดอีกนิดหน่อย เรียกว่ายังเที่ยวไม่ครบ ก็ต้องกลับโรงแรมมาคืนมอเตอร์ไซค์และไปสนามบินกัน เพราะเย็นนี้เราจะเดินทางไปที่โฮจิมินห์ เมืองหลวงของเวียดนาม โดยต้องไปขึ้นเครื่องที่ท่าอากาศยานนานาชาติเลียนเคือง [Lien Khuong Airport (DLI)] การเดินทางจากเมืองดาลัด ไปที่สนามบินสามารถมาขึ้นรถที่ Intercity Bus Station Da Lat ที่เดิมตอนที่รถบัสนอนมาส่ง จะมีบริษัท FUTA BUS Lines ให้บริการ ในราคาคนละ 50,000 VND ซื้อตั๋วแล้วเดินขึ้นรถได้เลย ซึ่งราคาเหมาแท็กซี่จะอยู่ที่ 300,000 VND สนามบินดาลัด เปิดประสบการณ์ครั้งแรกกับ VietJet Airline การเดินทางระหว่างเมืองดาลัดไปที่โฮจิมินห์สามารถไปได้ทั้งรถบัสนอนระหว่างเมือง หรือจะเป็นเครื่องบินภายในประเทศ เพื่อประหยัดเวลาเราเลือกใช้บริการ VietJet ในการเดินทางครั้งนี้ และนี่เป็นครั้งแรกที่เราจะได้ลองสัมผัสสายการบินนี้ด้วยตัวเอง หลังจากได้ยินเสียงลือเสียงเล่าอ้างมาซักพักใหม่ ไม่ว่าจะเป็นไฟล์ทบินดีเลย์ ยกเลิกเที่ยว หรือความเข้มงวดเรื่องน้ำหนักกระเป๋าต้องไม่เกิน 7 kg ใช่ค่ะ !!! ไฟล์ทบินเราดีเลย์ 1 ชม ไม่มีระบบ Check in ออนไลน์ ทุกคนต้องไปต่อแถวเพื่อ Check in และชั่งน้ำหนักกระเป๋าที่หน้าเคาน์เตอร์ ตอนที่นั่งรอ Check in คือว้าวุ่นใจมากเพราะน้ำหนักกระเป๋าเกินไปหลาย kg แต่จะทิ้งอะไรตอนนี้ไม่ได้แล้ว ได้แต่ยินยอมรับความเจ็บปวดนี้ไว้ในใจ ยกกระเป๋าขึ้นชั่ง น้ำหนักที่ได้ 10 kg เจ้าหน้าที่บอกว่าต้องจ่ายค่าโหลดกระเป๋าเพราะน้ำหนักเกิน จ่ายไปที่ 324,000 VND (487 บาท) แต่สามารถจ่ายด้วยบัตรเครดิตได้ค่ะ บรรยากาศบนเครื่องค่อนข้างจอแจมากๆ คนเวียดนามทั้งลำ ลูกเด็กเล็กแดง ร้องไห้กันไม่หยุด แต่ใช้เวลาไม่ถึงชั่วโมงเครื่องก็ลงจอดที่ สนามบินนานาชาติเตินเซินเญิต [Tan Son Nhat International Airport (SGN)] ซินจ่าว โฮจิมินห์ ซิตตี้ Day5-6: โฮจิมินห์ เข้าสู่ความวุ่นวายขีดสุดตามแบบฉบับเมืองหลวงที่จะมีผู้คนหนาแน่น รถลามากมาย เสียงแตรดังตลอดทั้งวันทั้งคืน ได้เดินเล่นดูวิถีชีวิตผู้คนต่างบ้านต่างเมือง แวะซื้อของฝากและก็เดินทางกลับบ้านกัน จบทริป 6 วัน 5 คืน ไปด้วยประสบการณ์แปลกใหม่และหาจากที่ไหนไม่ได้ ถ้าหากไม่ลองออกไปสัมผัสด้วยตัวเอง ข้อมูลบอกเล่าธุรกรรมทางการเงินใน Internet Banking สามารถทำได้ปกติ เผื่อฉุกเฉินต้องใช้เงินเพิ่มก็ยังสามารถโอนเงิน และกดเงินสด VND จากบัตร ATM VISAค่าโรงแรมสามารถจ่ายผ่านบัตรเครดิตได้ ถ้าไม่อยากแลกเงินสดติดตัวเยอะ แต่บางโรงแรมมีค่าธรรมเนียมเพิ่ม 3%โรงแรมสามารถให้ Check in ก่อนเวลาได้เล็กน้อย โดยไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่ม พนักงานบริการดี ถือว่าเป็นจุดที่ประทับใจคนเวียดนามสื่อสารภาษาอังกฤษได้น้อยมาก แต่สามารถใช้ Google Translate เป็นตัวช่วยได้ร้านอาหารบางร้านที่เคยมีคนรีวิวก่อนช่วงโควิด ตอนนี้อาจจะปิดกิจการไปแล้ว อาจจะต้องหาข้อมูลที่อัปเดตมากที่สุด ภาพถ่ายทั้งหมดโดย เดี๋ยวกลับมาเล่าให้ฟังแชร์ที่เที่ยวใหม่ๆ ไม่ว่าจะเที่ยวสายไหนก็มาแวะแชร์กับทรูไอดีคอมมูนิตี้ “เที่ยวไปให้สุด”