เข้าฤดูฝน อากาศเย็นๆ มีฝนโปรยปรายแบบนี้ ทำให้นึกถึงที่เที่ยวหน้าฝน ใกล้กรุงเทพ บรรยากาศดีๆ อย่างหมู่บ้านอีต่องเมืองในสายหมอกแห่ง ต.ปิล็อก จ.กาญจนบุรี ที่อากาศดีตลอดทั้งปี แม้การเดินทางจะต้องผ่านถนนที่คดเคี้ยว ผจญภัยถึง 399 โค้ง แต่เมื่อเทียบกับบรรยากาศที่ได้สัมผัสเมื่อไปถึง ก็ควรค่าแก่การไปเยือน โดยเฉพาะช่วงฤดูฝนที่เป็นไฮซีซั่นของที่นี่แพลนการเดินทาง 2 วัน 1 คืน ถูกวางไว้สั้นๆ ด้วยข้อจำกัดของเวลาอันน้อยนิด แต่อยากได้ฟีลพักผ่อน สูดอากาศบริสุทธิ์หลีกหนีความจำเจหน้าจอคอมฯ หมู่บ้านอีต่องเป็นตัวเลือกแรกที่เราคิดถึง หมู่บ้านอีต่อง ตั้งอยู่ในอำเภอทองผาภูมิ จังหวัดกาญจนบุรี เป็นหมู่บ้านเล็กๆ ติดชายแดนไทย-พม่าที่ว่ากันว่าอากาศดีตลอดทั้งปี เที่ยวได้ทุกฤดู แต่มีเสน่ห์มากที่สุดในฤดูฝน อยู่ห่างจากกรุงเทพฯประมาณ 300 กว่ากิโล ใช้เวลาเดินทางประมาณ 5 ชม. ผ่าน 399 โค้ง ถนนหนทางตอนนี้ถูกปรับปรุงใหม่ให้วิ่งสะดวกขึ้น มีแค่บางช่วงที่มีการซ่อมแซม เทปูน รถยนต์ รถเก๋งสามารถขับขึ้นได้สบายๆ วันที่ 1 กรุงเทพฯ-หมู่บ้านอีต่องเราเดินทางออกจากกรุงเทพฯ 8 โมงเช้า แวะทานข้าวเที่ยงประมาณบ่ายโมงที่ อ.ทองผาภูมิ ชื่อร้าน ครัวแปดริ้ว ร้านเก่าแก่ของ อ.ทองผาภูมิ บรรยากาศดี ติดริมแม่น้ำแควน้อย อาหารอร่อย ราคากลางๆ เหมือนร้านอาหารทั่วไป เมนูเด็ดเมื่อมาถึงเมืองกาญฯ แนะนำให้ลองชิม "ปลาคัง" ใครกินปลาแม่น้ำได้ มาแล้วต้องกิน จัดไปกับเมนู ปลาคังทอดน้ำปลา จัดว่าเด็ดสมคำร่ำลือจากนั้นออกเดินทางต่อ จุดแวะที่ไม่พลาดเช็คอินก่อนเข้าบ้านปิล็อก คือถ่ายรูปกับ ป้ายทางเข้าบ้านปิล็อก ตอนถ่ายต้องระวังรถที่วิ่งผ่านไปมาด้วยนะคะจากนั้นเดินทางผ่าน 399 โค้งมุ่งสู่หมู่บ้านอีต่อง แวะถ่ายรูปเช็คอินที่ จุดชมวิว กม.12 ทองผาภูมิ ชมวิวแบบพาโนรามา สูดอากาศสดชื่น แต่สักพักก็ได้กลิ่นไอฝนลอยมาจางๆ มีเวลาพักไม่นานต้องรีบเดินทางต่อเข้าหมู่บ้านก่อนที่ฝนจะตกหนักระหว่างทางเริ่มมีฝนปรอยลงมา มีหมอกตลอดทาง บ่งบอกว่าเราเข้าใกล้ปลายทางหมู่บ้านอีต่องเข้ามาทุกทีแล้ว GreenSeason นี่มีเสน่ห์จริงๆ มองไปทางไหนก็มีแต่สีเขียวและเมื่อมาถึงหมู่บ้านอีต่องที่รอคอย...ฝนตกหนักจ้าา ตกหนักมากแบบไม่ลืมหูลืมตา สายฝนออกมาต้อนรับเราแบบชุ่มฉ่ำ เลยขอเช็คอินเข้าที่พักหลบฝนก่อน เราโทรจองที่พักล่วงหน้ามาชื่อ กรีนกาญจน์ ปิล็อค ในราคาพันต้นๆ เป็นโฮมสเตย์อยู่ในหมู่บ้านอีต่อง แต่ไม่ได้ติดริมสระน้ำนะคะ เจ้าของที่พักเป็นกันเอง อัทยาศัยดี ที่พักใหม่ สะอาด ที่พักในหมู่บ้านจะไม่มีแอร์นะคะ เพราะยังปั่นไฟกันใช้อยู่ ถ้าใช้เครื่องใช้ไฟฟ้าเยอะ ไฟจะดับ แต่ถึงไม่มีแอร์ ก็ไม่ร้อน อากาศเย็นสบายตลอดคืนเลยค่ะหลังจากฝนเริ่มซาลง ก็มาเดินเล่น ถ่ายรูปรอบๆ หมู่บ้านอีต่อง ฝนหายแล้ว แต่หมอกยังคงอยู่ สมกับเป็นหมู่บ้านในสายหมอกเมื่อฟ้าเริ่มมืดก็จะได้บรรยากาศสวยไปอีกแบบ แวะซื้อตะเกียงพม่าในตลาด มาเป็นพร๊อพถ่ายรูปสวยๆ กับไม้สลักที่ห้อยอยู่ตามราวสะพานบ้านแต่ละหลังเริ่มพร้อมใจกันเปิดไฟ แสงไฟสะท้อนน้ำในม่านหมอก ทำให้หมู่บ้านแห่งนี้เหมือนมีมนต์สะกดทางที่พักแจ้งว่าประมาณ 3 ทุ่มมีโอกาสที่ไฟจะดับ เพราะเค้าใช้เครื่องปั่นไฟค่ะ แนะนำให้เรารีบอาบน้ำให้เรียบร้อยก่อน เลยมีเวลาทานข้าวแค่แป๊บเดียว เราเลือกฝากท้องที่ร้านเจ๊ณี ร้านอาหารตามสั่งที่อยู่ตรงข้ามกับที่พัก รสชาติใช้ได้เลยค่ะ อากาศเย็นๆ ได้ทานข้าวต้มกุ้งร้อนๆ ฟินอย่าบอกใคร ตบท้ายด้วยขนมปังปิ้งร้านคุณลุงที่ขายในตลาดก่อนเข้านอนวันที่ 2 เหมืองปิล็อก-เนินช้างศึก-น้ำตกจ๊อกกะดิ่นตื่นเช้ามาพร้อมความชุ่มฉ่ำ ฝนยังตกไม่หยุด เจ้าของที่พักบอกว่าช่วงนี้ฝนตกแทบทุกวัน ถ้าขึ้นเนินช้างศึกไปดูพระอาทิตย์ขึ้นตอนเช้าก็คงจะไม่เห็นอะไรเพราะหมอกหนา เราเลยไปเดินเล่นที่ เหมืองปิล็อก อดีตที่นี่เคยทำเหมืองแร่มาก่อน และมีเหตุให้เลิกทำไปตั้งแต่ปี พ.ศ. 2528 แต่ยังคงทิ้งร่องรอย อุปกรณ์ทำเหมืองจัดแสดงไว้เดินชมปลาคาร์ฟในบ่อน้ำธรรมชาติ ปลาตัวใหญ่มากจนตกใจ สงสัยจังกินอะไรเป็นอาหาร บรรยากาศยามเช้า สายหมอกมาคลอเคลีย ฟีลเหมือนอยู่ต่างประเทศเลยค่ะ เดินเล่นรอบหมู่บ้านสักพัก ก่อนเช็คเอาท์ขอแวะจิบกาแฟหน้าที่พักชื่อ ร้านปิล็อกต๊อกแต๊ก กาแฟดี ขนมอร่อยแวะเขียนโปสการ์ดเป็นที่ระลึก กิจกรรมวัยรุ่นยุค 90 :D เพราะเสน่ห์ของมันคือการรอคอย จากนั้นก็เตรียมตัวออกเดินทางไปที่เนินช้างศึก แม้จะรู้ว่าขึ้นไปก็คงไม่เห็นอะไรเพราะหมอกหนามาก แต่ไหนๆมาแล้วก็ขึ้นไปชมสักหน่อย การขึ้นไปเที่ยวเนินช้างศึก มีรถของหมู่บ้านให้บริการนะคะ ขึ้นรถได้ที่ท่ารถตรงสะพานไม้ทางเข้าตลาด แต่ส่วนตัวเราเลือกขับรถขึ้นไปค่ะเพราะเป็นรถกะบะ คิดว่าสามารถลุยได้ ซึ่งพอขึ้นไป หลุมบ่อก็เยอะเหมือนกัน ใครขับรถไม่แข็งแนะนำเสียค่ารถคนละ 50 บาทนั่งรถของหมู่บ้านไปดีกว่าค่ะ ด้านบนมีน้องหมาเพียบเลย ใครมาเที่ยวหยิบขนมติดไม้ติดมือมาฝากน้องๆ ได้นะคะพิกัดต่อไป น้ำตกจ๊อกกะดิ่น อยู่ห่างจากหมู่บ้านอีต่องไม่ไกล ทางเข้าน้ำตกบางช่วงค่อนข้างชัน และอยู่ในพื้นที่อุทยานทองผาภูมิ ดังนั้นจะมีค่าเข้าผู้ใหญ่คนละ 40 บาท ค่ารถส่วนตัวคันละ 30 บาท ตั๋วที่ได้มาจากน้ำตก สามารถนำไปใช้เข้าชมที่อุทยานแห่งชาติทองผาภูมิได้ด้วยค่ะ เดินจากจุดจอดรถไม่ไกลก็ถึงตัวน้ำตกแล้ว วันที่เราไปฝนปรอยๆ ฤดูนี้น้ำเยอะ สวยมากเลย ฮีลใจได้สุดๆจ๊อกกระดิ่น เพี้ยนมาจากคำว่า ก๊อกกระด่าน เป็นภาษาพม่า - ทวาย แต่เมื่อคนไทยเรียกนานเข้า จึงเพี้ยนมาเป็น น้ำตกจ๊อกกระดิ่น เช่นปัจจุบันค่ะ ที่นี่มีน้ำตลอดปี แต่ช่วงหน้าฝนกับช่วงต้นหนาวน้ำจะเยอะ สวยงามเหมาะกับการมาเล่นน้ำ แต่วันที่เราไปฝนตก เจ้าหน้าที่ไม่ให้ลงเล่นน้ำค่ะเกรงว่าจะเกิดอันตรายน้ำตกจ๊อกกระดิ่น พิกัด : Google Mapเปิดให้เข้าชม : 08.00-17.00 น.ค่าเข้าชม : คนไทย ผู้ใหญ่ 40 บาท เด็ก 20 บาท , ต่างชาติ ผู้ใหญ่ 200 บาท เด็ก 100 บาท โทร : 0-3451-0979เป็นอย่างไรบ้างคะ ทริป 2 วัน 1 คืน บ้านอีต่อง ปิล็อก จ๊อกกระดิ่น สัมผัสมนต์เสน่ห์แห่งขุนเขาและสายหมอก เป็นทริปฮีลใจวันหยุด เผื่อเป็นไอเดียให้เพื่อนๆ ตามรอยกันนะคะ แล้วพบกันใหม่รีวิวหน้าค่ะ :Dภาพปกและภาพทุกภาพโดยผู้เขียนเปิดประสบการณ์ความบันเทิงที่หลากหลายสดปัง บน App TrueID โหลดเลย ฟรี !