แวะไหว้พระที่วัดไชยชุมพลชนะสงคราม วัดไชยชุมพลชนะสงครามหรือที่ชาวบ้านเรียกกันสั้น ๆ ว่าวัดใต้ เป็นวัดที่ก่อตั้งมานานหลายปี และเป็นวัดที่ตั้งอยู่ใจกลางเมืองของจังหวัดกาญจนบุรีอีกด้วย สมัยก่อนผู้เขียนเคยอาศัยอยู่ในจังหวัดกาญจนบุรีและมีบ้านอยู่ใกล้กับวัดแห่งนี้ ทำให้ผู้เขียนค่อนข้างมีความผูกพันกับที่นี่พอสมควร ทั้งยังเคยบวชชีพราหมณ์เป็นระยะเวลาสั้น ๆ อีกด้วย วัดนี้มีเจ้าอาวาสผู้ควบคุมดูแลคือหลวงพ่อปัญญา ท่านเป็นพระที่โอบอ้อมอารี มีเมตตา ดูแลและพัฒนาวัดแห่งนี้มานานหลายปี ทั้งยังมีการก่อตั้งมหาวิทยาลัยสงฆ์ให้สามเณรและพระได้รับการศึกษา ภาพถ่ายโดยผู้เขียน ทันทีที่มาถึงวัดสิ่งแรกที่ต้องทำนั่นก็คือการไหว้พระ หลังจากไหว้พระด้านนอกเสร็จแล้วผู้เขียนก็ได้เข้าไปกราบหุ่นขี้ผึ้งหลวงปู่เปลี่ยน ซึ่งเป็นหุ่นจำลองที่ถูกปั้นขึ้นเพื่อให้ชาวบ้านได้มากราบสักการะ สำหรับประวัติของหลวงปู่เปลี่ยนนั้นผู้เขียนไม่ค่อยรู้อะไรมากนัก รู้แต่ว่าท่านเป็นหลวงปู่ที่ผู้คนให้ความเคารพมาตั้งแต่ในอดีต แม้ว่าท่านจะมรณภาพไปแล้วแต่ผู้คนก็ยังคงระลึกถึงเสมอ ภาพถ่ายโดยผู้เขียน หลังจากไหว้พระขอพรเสร็จแล้วผู้เขียนก็ได้เดินมาถึงบริเวณโบสถ์ใหญ่ ซึ่งตรงนี้จะมีอนุสรณ์สถานอาชาไนยอยู่ อนุสรณ์อาชาไนยถูกสร้างมานานหลายปีแล้วและที่สำคัญนั้นผู้คนมักนิยมมาอธิษฐาน เขาว่ากันว่าหากเราโยนเหรียญให้เข้าไปในช่องเล็ก ๆ ของอาชาไนยได้จะทำให้คําอธิษฐานเป็นจริง ซึ่งผู้เขียนก็ได้ลองหลายครั้งแล้วแต่เพราะสายตาไม่ค่อยดีทำให้พลาดเป้าตลอด แต่ก็ไม่เป็นไรเพราะผู้เขียนนั้นเชื่อเสมอว่าคนเราถ้าทำดีก็จะได้ดี ส่วนคำอธิษฐานนั้นจะเป็นจริงหรือไม่ก็แล้วแต่สิ่งศักดิ์สิทธิ์จะประทาน ภาพถ่ายโดยผู้เขียน หลังจากเสียเหรียญบาทไปหลายเหรียญกับอนุสรณ์สถานอาชาไนย ผู้เขียนก็ได้เดินมาเรื่อยๆก่อนจะเจอกับร้านกาแฟเล็ก ๆ ซึ่งอยู่ตรงทางลงแพปลา สอบถามได้ความว่าร้านกาแฟนี้เป็นร้านกาแฟของวัด รายได้ที่ได้ทั้งหมดก็จะนำมาปรับปรุงและบูรณะวัด ซึ่งต้องบอกเลยว่าวัดใต้นั้นเป็นวัดที่ค่อนข้างสะอาดบ่งบอกได้ว่าวัดนี้ได้รับการดูแลเป็นอย่างดีเสมอ สำหรับรสชาติกาแฟของวัดนั้นก็ไม่ได้โดดเด่นอะไรมากแต่ก็ถือว่ามีรสชาติดีเลยทีเดียว ที่สำคัญมีราคาไม่แพง และยังมีจุดนั่งชมวิวที่ทำให้เราได้เห็นภูเขาและแม่น้ำกว้างใหญ่ ซึ่งผู้เขียนก็ได้ใช้เวลานั่งอยู่ตรงนี้เพื่อเขียนบทความ ลมเย็น ๆ ที่พัดผ่านมาทำให้สมองปลอดโปร่งดีจริง ๆ ภาพถ่ายโดยผู้เขียน หลังดื่มกาแฟและใช้เวลาเขียนบทความนานกว่า 1 ชั่วโมง ก็ถึงเวลาที่เราจะต้องให้อาหารปลาสักที ต้องบอกเลยว่าการให้อาหารปลานั้นเป็นการทำทานที่ผู้เขียนชื่นชอบเป็นอย่างมาก การที่เราได้มองเหล่าฝูงปลาแหวกว่ายในน้ำและแย่งกันกินอาหารทำให้ผู้เขียนรู้สึกเพลิดเพลินและสบายใจทุกครั้งไม่ว่าจะเจอเรื่องทุกข์อะไรมาก็ตาม แพปลาที่นี่เป็นแพที่ค่อนข้างกว้างและยาว ส่วนอาหารปลานั้นจะมีราคาอยู่ที่ 5 บาทถึง 20 บาท มีทั้งอาหารแบบเม็ดและขนมปังให้เราได้เลือกซื้อเพื่อทำทานกับปลาตัวใหญ่ที่แหวกว่ายอยู่ในน้ำ อย่างที่บอกว่าการให้อาหารปลานั้นเป็นสิ่งที่ผู้เขียนชื่นชอบมาก ทำให้การลงมาถึงตรงนี้ผู้เขียนต้องเสียเงินไปไม่ต่ำกว่า 100 บาท แต่ก็เป็นการเสียทรัพย์ที่ทำให้สุขใจ ภาพถ่ายโดยผู้เขียน หลังจากให้อาหารปลาแล้ว ก่อนเดินทางกลับผู้เขียนก็ได้แวะมาที่พระอุโบสถเก่าของวัด ซึ่งแม้ว่าในปัจจุบันจะมีการสร้างโบสถ์ใหม่แล้วก็ตาม แต่โบสถ์เก่าแห่งนี้ก็ยังคงเปิดให้ผู้คนได้เข้าไปกราบพระพุทธรูป ซึ่งชาวบ้านแถวนี้เล่าว่าหากอยากให้คําอธิษฐานเป็นจริงให้เข้ามากราบพระในอุโบสถเก่าที่มีความศักดิ์สิทธิ์มาตั้งแต่สมัยโบราณ ซึ่งผู้เขียนนั้นก็ได้อธิษฐานไปมากมาย สำหรับผู้ที่อยากจะเดินทางมายังวัดไชยชุมพลชนะสงครามแห่งนี้ ผู้เขียนแนะนำให้เดินทางออกจากสถานีขนส่งกาญจนบุรีและตรงเข้ามาทางศาลหลักเมืองก่อนจะเลี้ยวซ้ายตรงมาเรื่อย ๆ ก็จะพบกับวัดไชยชุมพลชนะสงครามแล้ว