เคยตั้งคำถามกับตัวเองเหมือนกันว่า อะไรคือความมีเสน่ห์ของเกียวโต ประเทศญี่ปุ่น ที่ชวนให้ตกหลุมรัก และต้องบินลัดฟ้าไปหาถึงที่บ่อยๆ คำตอบที่ได้ก็คือ นอกจากที่นี่จะมีสถานที่ท่องเที่ยวไฮไลท์ที่สวยงามคุ้นเคยแล้ว ก็ยังซุกซ่อนมุมลับ แสนสงบ ที่สะท้อนตัวตนและเอกลักษณ์ในเชิงวัฒนธรรม ธรรมชาติ และศิลปะ รอคอยให้ออกไปค้นหาเอาไว้อีกมากมายวันนี้ เราเลยอยากมาชี้เป้า เปิดพิกัด 3 มุมลับในเกียวโต ที่ชื่นชอบเป็นพิเศษ เพราะนอกจากจะเป็นมุมสงบไม่พลุกพล่านแล้ว ยังมีมุมถ่ายรูปเก๋ๆ ที่สามารถมาเที่ยวได้ แม้จะไม่ใช่ในช่วงไฮซีซั่นอย่าง ช่วงซากุระบาน หรือใบไม้แดง ก็ยังได้รูปสวยๆ และความทรงจำที่ประทับไว้ในใจ จนทำให้อยากกลับไปซ้ำแล้วซ้ำอีก ถ้าเพื่อนๆ อยากรู้ว่ามีที่ไหนบ้าง ก็ตามเรามาเลย เสน่ห์ตรึงตรา หมู่บ้านหลังคามุงจาก“มิยามะ คายาบุกิ โนะ ซาโตะ” (Miyama Kayabuki No Sato) คือ หมู่บ้านเล็กๆ ในแถบชนบทของเมืองมิยามะ ในเกียวโต ถือเป็นมุมลับแห่งแรกที่เราอยากแนะนำ โดยชื่อของหมู่บ้านนั้นมาจากเอกลักษณ์ของบ้านเรือนหลังคามุงจากแบบดั้งเดิมที่เรียกว่า “คายาบุกิ” ที่นี่ตั้งอยู่ห่างจากใจกลางเกียวโตออกมาประมาณ 2 ชั่วโมง แต่นับได้ว่าเป็นการเดินทางออกนอกเมืองที่คุ้มค่าเลยล่ะด้วยที่ตั้งของหมู่บ้านที่ไม่มีรถไฟผ่าน ดังนั้น เราจึงต้องขึ้นรถไฟจากสถานีเกียวโต แล้วต่อรถบัสเพื่อมุ่งหน้ามายังหมู่บ้าน และเพราะตั้งอยู่ห่างไกล ต้องใช้พลังใจในการเดินทางมา ทำให้นักท่องเที่ยวที่นี่ค่อนข้างบางตา บรรยากาศโดยรอบหมู่บ้านจึงยังคงความสงบเอาไว้ได้ เรียกได้ว่าถูกใจเราก็ตรงนี้สำหรับรูปแบบการท่องเที่ยวนั้น ที่นี่เหมาะกับคนที่อยากมาใช้เวลาเดินทอดน่องช้าๆ ไม่รีบเร่ง ระหว่างเส้นทางของถนนสายน้อยที่ทอดตัวคดเคี้ยวไปตามเนิน โอบรัดรอบหมู่บ้าน ข้างทางถูกประดับเรียงรายไปด้วยสถาปัตยกรรมแบบดั้งเดิมที่ได้รับการทนุถนอมไว้อย่างดี โดยมีทิวทัศน์ของภูเขาซับซ้อนเป็นฉากหลัง ตัดสลับด้วยแปลงพืชผักเขียวชอุ่ม และร่องรอยกลิ่นอายการใช้ชีวิต เพราะยังคงมีชาวญี่ปุ่นอาศัยอยู่ ทั้งหมดนี้ราวกับภาพวาดในจินตนาการที่มีอยู่จริง ใครกำลังมีแพลนว่าจะเดินทางมาที่นี่ ขอแนะนำให้เผื่อเวลามาท่องเที่ยวหนึ่งวันเต็มๆ เพื่อจะได้ใช้เวลาอย่างคุ้มค่า ปลดปล่อยใจ ซึมซับกลิ่นอายธรรมชาติ ป่าเขา และดื่มด่ำกับความรุ่มรวยทางวัฒนธรรมของญี่ปุ่น โดยก่อนกลับแนะนำให้เดินข้ามฝั่งถนนไปหน่อย แล้วแวะไปที่ร้าน Oshokujidokoro Kitamura สั่งโซบะเส้นนุ่ม ในน้ำซุปอุ่นๆ รสกลมกล่อมมารองท้องสักชาม ตามด้วยของหวานอย่าง ไอติมซอฟครีมร้านข้างๆ ที่ยิ่งกินในวันฝนพรำ อากาศฉ่ำๆ จะยิ่งฟิน แล้วปิดท้ายด้วยการเดินไปชมวิวสวยๆ ริมแม่น้ำ Yura ที่ทอดตัวไหลเอื่อยอยู่ด้านหลัง เพราะจุดนี้ก็เป็นมุมถ่ายรูปที่จัดว่าเด็ดพลาดไม่ได้เหมือนกัน พิกัด : https://goo.gl/maps/dMgGb3To21PhLL3F7ไปยังไง : จากสถานีเกียวโต (Kyoto Station) ขึ้นรถไฟ JR San-In Line ไปลงสถานี Hiyoshi Station จากนั้นต่อรถบัส Nantan City Bus ไปลงที่ป้าย Kita ใช้เวลาเดินทาง : ราว 2 ชั่วโมงค่ารถเท่าไหร่ : ประมาณ 1,370 เยน รู้ก่อนเที่ยว : เนื่องจากบ้านบางหลังยังมีชาวญี่ปุ่นอาศัยอยู่ ดังนั้น จึงควรเดินเที่ยวชมเพียงรอบนอกบริเวณบ้าน และงดส่งเสียงดัง เพื่อไม่ให้เป็นการรบกวนเจ้าของบ้าน จิบชาขม ชมวัดเก่า เลาะเลียบริมสวนเกษตรยังคงเดินทางออกจากใจกลางเกียวโต แต่คราวนี้เราพาขึ้นเหนือไปสักหน่อย เพื่อพาเพื่อนๆ ไปพบกับย่าน "โอฮาระ" (Ohara) ชุมชนเล็กๆ มีเหมาะกับการมาพักใจ ที่นี่คืออีกหนึ่งมุมลับที่เราประทับใจ ด้วยการเดินทางที่ค่อนสะดวก แม้จะไม่มีรถไฟมาถึง แต่ก็สามารถนั่งรถบัสจากสถานีโตเกียวมาได้เลยเพียงต่อเดียว แถมนักท่องเที่ยวก็ไม่พลุกพล่าน และส่วนใหญ่จะเป็นชาวญี่ปุ่นซะมากกว่า จึงเป็นสถานที่ที่เหมาะจะหลีกหนีมาระเลียดวิถีชีวิตแบบชาวชานเมืองเกียวโต ท่ามกลางธรรมชาติอันเขียวขจี ก้าวสู่มุมลับที่กาลเวลาดูเหมือนจะเดินช้ากว่าที่อื่นสำหรับความโดดเด่นของย่านนี้ ไม่เพียงอยู่ที่บรรยากาศอันเงียบสงบ และทิวทัศน์ของพื้นที่เพาะปลูกเกษตรกรรม ที่ผ่านการดูแลเอาใจใส่อย่างดีเท่านั้น แต่ยังเป็นแหล่งซ่อนตัวของวัดน้อยใหญ่อายุเก่าแก่มากมาย โดยวัดที่มีชื่อเสียง ได้แก่ วัดซันเซ็นอิน (Sanzen-in Temple) วัดนี้เลื่องชื่อด้วยสวนมอสแสนสวยในป่าครึ้ม ถัดไปไม่ไกลก็ยังมีวัดโฮเซ็นอิน (Hosen-in Temple) วัดเล็กๆ ที่มีสวนสวยราวภาพวาดซึ่งนอกจากการมาเที่ยวชมบรรยากาศของวัดต่างๆ ในย่านนี้แล้ว กิจกรรมที่จะพลาดไม่ได้ ก็คือ การนั่งจิบชาชมสวน โดยหลายๆ วัดจะมีบริการในส่วนนี้ บางวัดอาจจะต้องชำระค่าชาและขนมแยกจากค่าเข้า ในขณะที่บางวัดก็คิดรวมไปในค่าเข้าแล้ว อย่างเช่นที่วัดโฮเซ็นอิน โดยหากเพื่อนๆ เดินชมวัดไปเรื่อยๆ จนถึงห้องโถงชมสวน ก็สามารถเข้าไปหามุมที่นั่งที่เหมาะๆ บนพื้นที่ที่ทางวัดจัดสรรไว้ให้ จากนั้นก็จะมีเจ้าหน้าที่ยกชาและขนมมาเสิร์ฟให้เรา สำหรับชาในถ้วยใบน้อยจะเป็นมัทชะรสเข้มขม กินตัดกับขนมหวานละมุนชิ้นน้อยยิ่งเข้ากัน สิ่งที่ทำให้รื่นรมย์มากไปกว่านั้นก็คือม่านทิวทัศน์ที่แจ่มชัดผ่านม่านดวงตา นับเป็นการมาใช้ชีวิตแบบเนิบช้า สัมผัสกับความญี่ปุ๊น ญี่ปุ่น ที่เราอยากให้เพื่อนๆ หาโอกาสมาสัมผัสด้วยตัวเอง หากเพื่อนๆ กำลังคิดถึงการได้ใช้ชีวิตแบบไม่เร่งรีบดูสักวัน เชื่อเถอะว่าย่านโอฮาระนี่แหละคือ คำตอบที่ตรงใจ พิกัด : https://goo.gl/maps/dfmugghzpKTzFH8X6ไปยังไง : จากสถานีเกียวโต (Kyoto Station) นั่งรถบัสสาย 17 ที่ป้าย Kyoto Eki Mae ไปลงที่ Ohara Bus Stopใช้เวลาเดินทาง : ราว 1 ชั่วโมงค่ารถเท่าไหร่ : 560 เยนรู้ก่อนเที่ยว : การเดินเยี่ยมชมภายในวัด หรือร่วมกิจกรรมนั่งจิบชาชมสวน ควรอยู่ในความสำรวม งดส่งเสียงดัง เพื่อไม่ให้เป็นการรบกวนอรรถรสของนักท่องเที่ยวคนอื่นๆ เสพย์งานศิลป์ถิ่นอันโดะพาออกไปเยือนมุมลับนอกเมืองมาแล้ว คราวนี้จะพาไปเปิดมุมลับที่ไม่ไกลจากใจกลางเกียวโตบ้างแล้วกัน ที่นี่ตั้งอยู่ห่างจากสถานีเกียวโตเพียงประมาณ 20 นาที บนถนนที่ชื่อว่า คิตะยะมะ (Kitayama) ย่านอยู่อาศัยอันสงบเงียบของเกียวโต และมุมลับที่ว่านี้ ก็ช่างเหมาะกับคนที่ชื่นชอบในการออกแบบสถาปัตยกรรมและงานศิลป์เสียเหลือเกิน จะเป็นที่ไหนไปไม่ได้ นอกจาก "Garden of Fine Art Kyoto"เหตุผลที่ทำให้เราชอบที่นี่ก็เพราะทำเลที่ตั้งแสนสงบ แม้เป็นมุมท่องเที่ยวนอกสายตาแต่กลับเป็นพิกัดถ่ายรูปเก๋ๆ ที่ไม่เหมือนใคร แถมมีร้านพิซซ่าแสนอร่อย ที่ชื่อว่า In the Green อยู่ใกล้ๆ และสำคัญที่สุดคือ ที่นี่ยังเป็นผลงานออกแบบทางสถาปัตยกรรมสุดล้ำของสถาปนิกชื่อดัง อย่าง คุณทาดาโอะ อันโดะ (Tadao Endo) ด้วยสวนวิจิตรศิลป์แห่งนี้ เป็นผลงานอันน่าทึ่งของคุณอันโดะ ที่ผสมผสานหลักการสมัยใหม่เข้ากับความงามเหนือกาลเวลาของธรรมชาติ เมื่อเพื่อนๆ ก้าวเข้าไปจะได้รับการต้อนรับด้วยเส้นสายที่เรียบง่าย ให้ความรู้สึกแบบมินิมอล พื้นที่ได้รับการวางแผนผังให้เกิดความรู้สึกเงียบสงบ เชิญชวนให้เราดื่มด่ำกับภูมิทัศน์รอบๆ โดยมีการใช้ประโยชน์จากแสงธรรมชาติมาทำให้เกิดเงา และการสะท้อน เพิ่มความลึกและมิติที่น่าสนใจ ชวนหลงใหล นอกจากนี้เรายังสามารถเพลิดเพลินไปกับงานศิลปะที่ประดับประดาอยู่โดยรอบ มุมที่เราชื่นชอบที่สุดคือ บริเวณชั้นล่างของอาคาร ที่มีภาพ The Last Judgment หรือ การพิพากษาครั้งสุดท้าย ของ Michelangelo ขนาดมหึมาตกแต่งอยู่ นับว่าเป็นภูมิทัศน์อันยิ่งใหญ่ น่าตื่นตะลึง จนแทบไม่อยากเชื่อว่า เรายังคงเดินอยู่ในเมืองหลวงแห่งวัฒนธรรมอันเก่าแก่มั่งคั่งอย่างเกียวโต พิกัด : https://goo.gl/maps/L6XijisiU4ut7eKq9ไปยังไง : จากสถานีเกียวโต (Kyoto Station) นั่งรถไฟสาย Karasuma Line ไปลงที่สถานคิตะยะมะ (Kitayama Station)ใช้เวลาเดินทาง : ราว 20 นาทีค่ารถเท่าไหร่ : 290 เยนค่าเข้า : 100 เยนรู้ก่อนเที่ยว : ทาดาโอะ อันโดะ (Tadao Endo) เป็นสถาปนิกชาวญี่ปุ่นที่มีชื่อเสียง และเป็นที่รู้จักจากผลงานการออกแบบอาคารคอนกรีต สไตล์มินิมอล สำหรับ Garden of Fine Art Kyoto คือหนึ่งผลงานการออกแบบในเมืองเกียวโตของเขา อ่านสักนิด : ควรตรวจสอบข้อมูลและรายละเอียดการเดินทางล่าสุดก่อนออกเดินทาง เนื่องจากการขนส่งสาธารณะ และรายละเอียดค่าโดยสาร หรือค่าเข้าสถานที่อาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ #เที่ยวเกียวโต #Kyotoเปิดประสบการณ์ความบันเทิงที่หลากหลายสุดปัง บน App TrueID โหลดเลย ฟรี !