อยากลองชิมหอยนางรมที่สดที่สุดในโลกกันไหม? ต้องไปที่ชุมชนท่าโสม จังหวัดตราด “ หอยนางรม ” หนึ่งในสุดยอดวัตถุดิบอันโอชาแห่งท้องทะเลที่ใครก็หลงรัก ทั้งความหวานฉ่ำของเนื้อ และรสสัมผัสนุ่ม กรุบ หาวัตถุดิบไหนๆ มาเทียบชั้นได้ยาก ยิ่งถ้าได้เครื่องเคียงและน้ำจิ้มรสเด็ดแล้วละก็ ต้องร้อง ซี๊ด…. กันเลยทีเดียว ไม่ได้มีดีแค่เรื่องรสชาติเท่านั้น! เจ้าหอยนี้ยังเป็นต้นกำเนิดของ ‘ไข่มุก’ อัญมณีสีขาว เงินยวง ชมพูและสีทอง นับว่าเป็นอัญมณีชนิดเดียวในโลกที่เกิดมาจากสัตว์ คือความพิเศษที่รังสรรค์โดยธรรมชาติ พอรู้อย่างนี้แล้วอยากรู้จักหอยนางรมมากขึ้นบ้างไหม “นายรอบรู้” ขอพาทุกคนไปสัมผัสกับแหล่งที่มาของวัตถุดิบรสเลิศอย่างหอยนางรม กันที่ “อ่าวท่าโสม” ตำบลท่าโสม อำเภอเขาสมิง จังหวัดตราด หนึ่งในชุมชนท่องเที่ยวเชิงวิถีชีวิตชาวบ้านที่จะทำให้ทุกคนหลงรักตราดมากขึ้นกว่าเดิม ท่าโสม ดินแดนหอยนางรม แต่เดิมชุมชนท่าโสมเป็นท่าเทียบเรือที่มีการค้าติดต่อกับจีนมาช้านาน สถานที่แห่งนี้จึงเป็นชุมชนการค้าขายที่มั่งคั่งมาก่อน แต่ในวันนี้อาชีพสำคัญที่หล่อเลี้ยงวิถีชีวิตคนท่าโสมคือการประมงและแพหอยนางรม แน่นอนว่าไฮไลท์การท่องเที่ยวคือวิถีชีวิตชุมชนชาวประมงและการเลี้ยงหอย พอมาถึงเราจะได้ปั่นจักรยานสัมผัสบรรยากาศชุมชน ก่อนจะมาลองทำ “อีแปะล่อลูกหอย” อุปกรณ์ที่ใช้ล่อลูกหอยนางรมให้มาเกาะแบบธรรมชาติ อุปกรณ์หาเลี้ยงชีพจากภูมิปัญญาของคนที่นี่ เราจะได้ลงมือทำตั้งแต่ผสมปูนซีเมนต์กับทราย การหยอดปูนให้มีขนาดเท่ากับเหรียญสิบบาทบนเชือก จนออกมาเป็นอีแปะล่อลูกหอยชิ้นแรกในชีวิต หลังจากนั้นกิจกรรมต่อไปจะเริ่มขึ้นบนผืนน้ำทะเลที่รอต้อนรับเราอยู่ เรือแล่นออกจากท่าเป็นสัญญาณให้รู้ว่าวิถีการดำเนินชีวิตแบบชาวประมงได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว ตลอดสองข้างทางก่อนออกนอกชายฝั่งจะมีต้นโกงกางน้อยใหญ่ ชูก้านใบอวดความงามตลอดสองข้างทางอย่างแน่นทึบ รากโกงกางที่งอกออกเหนือผิวน้ำแผ่ขยายไปทั่วผิวน้ำสองฝั่ง คละกับพรรณไม้อื่นๆ ในป่าชายเลน ลมทะเลพัดผ่านมาเอื่อยๆ ทำให้รู้สึกสงบ และมีความสุขขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก “ทุกคนจะได้ปล่อยปู ด้วยตัวเอง ! ” ขณะที่เรือกำลังแล่นออกสู่ปากอ่าว ชาวบ้านก็มีกิจกรรมปล่อยปูคืนสู่ธรรมชาติ เพื่อให้ปูตัวเล็กได้มีโอกาสกลับไปเติบโตและวางไข่ ก่อนเติบใหญ่เป็นตัวเต็มวัยให้เรามาจับอีกที ในไม่ช้ากิจกรรมที่เรารอคอยก็มาถึง แพเลี้ยงหอยไม้ไผ่ที่ลอยอยู่เหนือน้ำตรงหน้า ไม้ไผ่สีน้ำตาลเข้มอ่อนถูกวางทับซ้อนกันตัดกับผืนน้ำสีฟ้าคราม แสงอาทิตย์สาดลงบนผืนน้ำ เป็นภาพที่ควรค่าแก่การจดจำ กินข้าวบนบ้านกลางทะเล ระยะทางจากหมู่บ้านมาจนถึงทะเลถือว่าไกลพอสมควร ใครที่ชอบนั่งเรือชมวิวมาที่นี่คงรู้สึกคุ้มค่ามากๆ ก่อนจะไปสวมรอยเป็นคนเลี้ยงหอย กองทัพต้องเดินด้วยท้องก่อน เราจึงแวะรับประทานอาหารท้องถิ่นกัน แต่มื้อนี้ไม่ธรรมดาเพราะเรานั่งกินกันที่บ้านกลางทะเล ซึ่งชาวประมงปลูกไว้แวะพักเมื่อต้องมาดูแลแพหอยนางรม วิวสองข้างทางที่เต็มไปด้วยบรรยากาศของน้ำทะเลไหลเป็นคลื่นม้วนวน เรือหางยาวชาวบ้านที่ขับแล่นผ่านไปมา ภูเขาและเกาะรายล้อม ถือเป็นภาพวิวที่ช่วยสร้างอรรถรสในการกินมื้อนี้เป็นอย่างดี อาหารที่ท่าโสมครบเครื่องด้วยวัตถุดิบสดๆ จากทะเล เรียกได้ว่าแทบจะจับขึ้นมาแล้วทำสดๆ เลย ทั้งกุ้ง ตัวใหญ่ เนื้อเด้ง หวานฉ่ำ เสริฟ์พร้อมน้ำจิ้มซีฟูดส์รสจัดจ้าน ต้มยำกุ้งหม้อไฟที่ถือว่าเป็นที่สุดแห่งหม้อไฟ กลิ่นเครื่องต้มยำหอม และมีเมนูอื่นๆ อีกมากมายที่จะเรียกน้ำย่อยกระเพาะให้สั่นคลอน ชิมหอยนางรมที่สดที่สุดในโลก อิ่มแล้วได้เวลามาออกกำลังกายกับกิจกรรม “ ผูกอีแปะ ล่อลูกหอย ” หนึ่งในไฮไลต์ของกิจกรรมวิถีชุมชนชาวประมงแพหอยของที่ท่าโสม เราจะลงจากเรือไปยืนกลางแพหอยเหนือผิวน้ำแล้วลงมือผูกอีแปะล่อลูกหอย โดยมีชาวบ้านผู้ชำนาญยืนสอนและกำกับอยู่ข้างๆ นับเป็นความทรงจำที่ประทับใจของใครหลายคนที่ได้สวมบทเป็นชาวประมง ท้ายสุดของกิจกรรมคือการสาธิตจับหอย โดยดึงหอยขึ้นมาแกะให้นักท่องเที่ยวได้ชิมกันสดๆ จะมีหอยนางรมที่ไหนที่สดไปกว่านี้อีก ถือว่าเป็นการตบท้ายได้สมบูรณ์แบบที่สุด บรรยากาศระหว่างแล่นเรือกลับคล้ายกับตอนมา แต่สิ่งที่เปลี่ยนไปคือความประทับใจที่เพิ่มขึ้นมากมาย เพราะ ธรรมชาติและวิถีชีวิตที่งดงามหาชมได้ยาก คนในชุมชนก็เป็นกันเอง และที่ไม่พูดไม่ได้เลยก็คืออาหารพื้นบ้านที่ใครได้ลองเป็นต้องร้อง "โอ้โห !" ถึงฝั่ง เราปั่นจักรยานกลับวัดก่อนจบทริป ชาวบ้านก็เซอร์ไพรส์ด้วยการปอกและเฉพาะมะพร้าวให้กิน น้ำมะพร้าวอ่อนหอมอร่อย ถือว่าเป็นการจบทริปอย่างสมบูรณ์แบบ สำหรับทริปนี้ขอแง้มบอกก่อนว่า พกไปไม่ถึงพันบาทก็เที่ยวได้ กิจกรรมแน่น ชาวบ้านจัดเต็มทั้งที่เที่ยว ที่กิน จนอยากให้ทุกคนได้มาลอง ใครที่สนใจอยากลองลิ้มรสหอยนางรมแบบสดๆ ลองสวมบทเป็นชาวประมงหนึ่งวัน กินอาหารซีฟูดส์ที่ สู๊ดดดดด ยอด! ก็ขอแนะนำที่ชุมชนท่าโสม รับรองว่าจะติดอกติดใจกันทุกราย